Entertainment

CONVERSATION WITH ‘DJ MAX’ ผู้แก้ปัญหาทางดนตรี กับบทบาทที่หลากหลายเพราะไม่อาจทิ้งสิ่งที่รักได้สักอย่าง

By: unlockmen December 19, 2018

ในชีวิตคน ๆ หนึ่ง เราเคยคิดไว้บ้างหรือเปล่าว่าเราจะมีแรงทำอะไรได้มากแค่ไหน จะมีอะไรมาผลักดันให้เราต้องทำหลาย ๆ สิ่งพร้อมกันได้มากเท่าความรักในสิ่งนั้น ๆ จริงหรือเปล่า

DJ MAX บางคนอาจรู้จักเขาในฐานะ DJ แห่งคลื่น Cat Radio บางคนอาจรู้จักในฐานะมือกลองวงภูมิจิต หรือนักร้องวง The Super Glasses Ska Ensemble และแสงระวี หรือแม้แต่งานเบื้องหลังอีกมากมาย ทั้งหมดทุกหน้าที่นั้น ถูกขับเคลื่อนไปด้วยความรักในสิ่งที่ทำ วันนี้เราชวนทุกคนมาแกะรอยเบื้องหลังแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาทำทุกอย่างไปพร้อม ๆ กัน และการ Balance ชีวิตและอาชีพให้ลงตัว

Timeline ชีวิต

อาชีพในวงการดนตรีของเขานั้น เรียกได้ว่าครอบคลุมเกือบทุก Process ของการทำเพลงแล้ว ไม่ว่าจะเบื้องหน้า เบื้องหลัง นับรายชื่อวงที่เขาเป็นสมาชิกทั้งอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ เยอะจนไม่อาจใช้นิ้วนับได้พอ มาฟังจากปากเจ้าตัวกันเลยดีกว่า อาชีพในวงการดนตรีเริ่มต้นจากจุดไหน ทำอะไรมาบ้าง แล้วตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ?

แม็ก: อาชีพคือเป็น Music Solution คือเป็นอาชีพที่ตั้งขึ้นมาเองครับ เพราะไม่รู้จะระบุว่าทำงานทางด้านไหนเกี่ยวกับดนตรี เพราะว่าทำทุกด้านครับ ไล่ตั้งแต่นักดนตรี โปรดิวเซอร์ คอสโพสเซอร์ ลามไปถึงดีเจ เปิดเพลงวิทยุก็มีครับ ขณะเดียวกันก็ลามไปจนถึงเวลาคนที่เขาอยากจะหาวงดนตรี งานแต่ง งานบวช อะไรอย่างนี้ เขาก็มาปรึกษาเรา เราเลยรู้สึกว่าเราเป็นผู้แก้ปัญหาทางดนตรีให้กับผู้คนแล้วกันครับ ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร เอาเป็นว่า อาชีพผู้แก้ปัญหาทางดนตรีก็แล้วกันครับ 

จุดเริ่มต้นของอาชีพในวงการดนตรี

แม็ก: งานด้านดนตรีเริ่มตั้งแต่ยังอยู่ในวงเหล้าที่บ้าน ที่บ้านชอบตั้งวงเหล้าเป็นประจำทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ด้วยความที่ยังเด็กผมดื่มไม่ได้ แต่ผมอยากมีส่วนร่วมก็เลยเอาถังน้ำแข็งมาตีเป็นกลอง แล้วค่อย ๆ ขยับมาเป็นมือกีต้าร์ในวงเหล้า แล้วขยับมาเป็นนักดนตรีในโรงเรียนมัธยม แค่อยากจะมีวงไปเล่นในงานโรงเรียนก็เป็นวงแสงระวี มีผับชื่อ Brick Bar มีคนเล่นเพลงเร็กเก้ สกา เยอะจัง น่าสนุก ก็อยากทำวงไปเล่นบ้างก็เลยเป็น The Super Glasses Ska Ensemble ตั้งต้นแบบนี้

พอเราตั้งต้นแล้วดำเนินไปสักพัก มันจะมีแรงบันดาลใจบางอย่างที่เข้ามาจุดประกายให้มันจริงจังขึ้นเรื่อง ๆ อย่างแสงระวีวงแรกของผม จุดประกายโดยวงกะลา ที่เป็นวงรุ่นพี่ที่โรงเรียน วงกะลาเขาไปประกวดกลับมาโด่งดัง เราอยากเป็นแบบเขาบ้างในตอนนั้น เลยพยายามประกวด Hot Wave บ้าง หลังจากครั้งนั้นเริ่มมีการชักชวนจากค่ายเพลง เป็นเหมือนศิลปินฝึกหัดในแกรมมี่มา 5 ปี ระหว่างปีที่ 1-5 เราคิดว่าเราได้ออกเทปแน่ ๆ


ยุคนั้นเนี่ย น่าจะเป็นช่วงเดียวกับ Retrospect, Sweet Mullet, Slur เจอกันตลอด ในฐานะที่เริ่มเข้าแกรมมี่ด้วยกัน หลังจากนั้นทุกวงทยอยออก ค่ายเพลงย่อยที่ผมอยู่เขาปิดตัว พอเจ๊งปั๊บมันเหมือนคนอกหัก เหมือนมีคนมาให้ความหวังเราอยู่ 5 ปี เดินทางไปกลับอยู่เป็นปี ๆ มั่นใจมากว่าเอาวะ ยังไงก็ต้องดัง แต่พออกหักครั้งนั้น เลยชวนเพื่อนมาตั้งวงสกากัน จนกลายเป็น The Super Glasses Ska Ensemble เริ่มต้นทำเพื่อจะไปเล่น Brick Bar แค่นั้นเอง แต่ความน่าแปลกคือ วงผมยังไม่ได้ไปเล่น Brick Bar เลยนะ (หัวเราะ)

ตอนอยู่มหาวิทยาลัย ผมได้เจอกับเพื่อน ๆ วงภูมิจิต ผมไปเล่นงานเดียวกันโดยบังเอิญ ผมเห็นเขาเล่น ก็คิดว่าทำไมเล่นกันสามคนเองวะ กีต้าร์ เบส นักร้อง ไม่มีมือกลอง สักพัก พี่เฮง โคตรอินดี้ บอกให้ผมเข้าไปตี เพราะวงนี้ไม่มีมือกลอง กลายเป็นว่าเรามีวงเพิ่มมาอีกวง ระหว่างนั้นผมเจอกับพี่ต้าร์ Paradox เพราะแก Produce ให้ภูมิจิตในอัลบั้มแรก แกทำเพลงโฆษณา ผมเลยได้เปิดประสบการณ์อีกหนึ่งอาชีพ

ในไทม์ไลน์เดียวกันอีก อาจารย์ผม พี่พิซซ่าวงพราว เป็นมือเบส วันนึงไปงานวันเกิดอาจารย์ พี่บูม Cat Radio เลยชวนให้มาเป็นดีเจ ผมก็เป็นทั้งนักดนตรีกับวงของตัวเอง ทำเพลงโฆษณากับพี่ต้าร์ เป็นดีเจ ทั้งหมดทำไปเรื่อย ๆ เป็นปีที่ 8-9 พอช่วงหลังผมเลิกงานดีเจไป แล้วหันมาทำ Music Production เต็มตัว

ทำมาหลายอย่างมาก ๆ แล้วอะไรที่ทำให้เราเป็นที่รู้จักมากที่สุด ?

แม็ก: มีสองอันครับ อันที่หนึ่งคือวงดนตรี วงดนตรีผมก็มีด้วยกันทั้งหมด 3 วงครับ ที่ตัวเองเป็นสมาชิกอยู่ วงที่หนึ่งคือ The Super Glasses Ska Ensemble วงสกา เร็กเก้ มีสมาชิกทั้งหมดสิบคน ผมเป็นนักร้องนำ วงที่สอง ภูมิจิต ผมเป็นมือกลอง วงที่สาม เป็นอีกหนึ่งวงที่เอาไว้เล่นตามงานปาร์ตี้สนุก ๆ ชื่อวงแสงระวี นอกจากนั้นอีกผมเป็นมือกลองให้วงพราวด้วย เป็น Tour Member ของวงพราวครับ ไม่รู้ว่าทั้งสี่วงนี้อะไรสร้างชื่อให้มากกว่ากันนะครับ (หัวเราะ) น่าจะพอ ๆ กันหมด

ส่วนอีกอันที่คนรู้จัก น่าจะเป็นดีเจที่คือ FAT Radio ในยุคที่ยังเป็น FAT 104.5 นะครับ ปัจจุบันเปลี่ยนมาเป็น Cat Radio ผมก็จัดรายการที่ Cat สองปีถึงค่อยออกมา

แล้วจริง ๆ ชอบอะไรมากที่สุด ?

แม็ก: จริง ๆ ต้องบอกว่า ไม่ได้เริ่มจากชอบอะไรเลย อย่างดีเจ อยู่ดี ๆ ก็ได้เป็นดีเจ หรือการทำวงดนตรีก็ตอนแรกเป้าหมายคือ แค่อยากขึ้นเล่นในสักงาน ตั้งแต่มัธยมฯ อยากเล่นงานปีใหม่จังเลย พออยู่มหาวิทยาลัย ก็อยากทำวงเล่นจังเลย ผ่านไปพอสนุกมากขึ้น เลยค้นพบว่าไม่มีอะไรชอบที่สุด มันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

แรงผลักดันคือความชอบในทุกอย่างที่ทำ

เคยถามตัวเองบ้างไหมว่าทำไมต้องทำอะไรพร้อม ๆ กันเยอะขนาดนี้ ?

แม็ก: คำถามนี้มาตอนที่ก่อนผมจะเก็บเงินแต่งงาน ตอนแรกผมไม่มีความคิดที่จะทำงานประจำ หารายได้สม่ำเสมอก่อนหน้านั้นสัก 8 ปีที่แล้ว ผมเป็นประเภท มีงานก็รับ ไม่มีก็หาวิธีอื่น ๆ เอา แต่พอถึงจุดนึง จะเริ่มรู้สึกว่าเราต้องเก็บเงินแต่งงานแล้วนะ เลี้ยงพ่อแม่แล้วนะ ผมเลยต้องเริ่มทำหลายอย่างมากขึ้น 

เคยนั่งถามตัวเองเหมือนกัน คำตอบคือเราดันชอบไปหมด เคยมีคนยิงคำถามสำคัญกับผมว่า ในวงดนตรีที่ผมทำผมจะเลือกวงดนตรีไหน ผมตอบเลยว่าผมเลือกไม่ได้ นั่นเลยเป็นเหตุให้ผมต้องทำ ลองจินตนาการว่าถ้าเราทิ้งวงนี้ไปจะเป็นยังไง พอมันคิดอย่างนี้แล้วเลยทิ้งใครไม่ได้เลย 

คิวทองแบบนี้ Balance ชีวิตตัวเองยังไง ขอเคล็ดลับหน่อย

แม็ก: ตอนเป็นดีเจ ผมจัดตอนตีสี่ถึงหกโมงเช้า ชีวิตของผมก็จะเป็นประเภทมนุษย์กลางคืน เลิกงานหกโมงเช้า เข้านอน ตื่นเที่ยง ซ้อมดนตรี เล่นดนตรีกลางคืน คนก็ถามว่าสุขภาพไม่เสียหรอ ผมว่าคนเราไม่ว่าจะอยู่ใน Life Cycle แบบไหน มันมีสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือ เราต้องอยู่ใน Life Cycle นั้นไปตลอด ให้มันสม่ำเสมอ เราเคยกิน นอน ออกกำลังกายเวลานี้ ก็พยายามทำให้มันเป็น Routine ตลอด ร่างกายเราก็จะไม่พัง เราแบ่งเวลาได้โดยปริยาย 

ส่วนบาลานซ์แต่ละอาชีพ อันนี้ยากมากครับ ถึงเวลาถ้ามันชนกันจริง ๆ ก็ต้องกราบไหว้ อ้อนวอน คนที่จะต้องเสียผลประโยชน์ไป วงดนตรีของผมสามวงก็มีชนกันบ้าง ก็ต้องช่วยหาคนมาตีกลองแทน มาร้องเพลงแทน มีความเจ็บปวดเป็นพัก ๆ หลัง ๆ ผมเลยตัดปัญหาด้วยการเอาภูมิจิตกับ The Super Glasses Ska Ensemble มาอยู่ค่ายเดียวกัน เพื่อที่ว่าจะได้บริหารง่ายขึ้น ส่วนงานดีเจไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่

หลายหน้าที่ ที่ทำไปตามโอกาสที่เข้ามาในชีวิต แล้วสิ่งที่ตัวเองอยากเป็นจริง ๆ คืออะไร ?

แม็ก: ผมเนี่ยอยากเป็นร็อกสตาร์มาตั้งแต่เด็ก ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ได้เป็น สมัยผมเด็ก ๆ วงกะลามาเล่นดนตรีที่โรงเรียน ไปเห็นแผงเทปก็มีแต่วงกะลา ไปไหนก็เห็นแต่เค้า ผมอยากทัวร์คอนเสิร์ต อยากเล่นเพลงให้คนที่มาดูเรา ถามว่าเป็นได้หรือยัง ก็เป็นได้บ้างไม่ได้บ้าง อาจจะมีบางครั้งที่ไปเล่นแล้วรู้สึกดีจังเลย งานเยอะจังเลย ปัจจุบันเรามีภาระหน้าที่เพิ่มมากขึ้น

“เรากลับมาถามตัวเองอีกครั้งว่า ถ้าเราโด่งดัง มีงานจ้าง 28 งานต่อเดือน เราจะยังโอเคกับมันอยู่หรือเปล่า สุดท้ายไม่มีใครโอเคเลยสักคน เพราะทุกคนต่างมีภาระหน้าที่กันหมดแล้ว”

พอไม่ได้เป็นในสิ่งที่เคยฝันเอาไว้ ยังคงพอใจในตัวเองอยู่ไหม ?

แม็ก: ทุกวันนี้ผมก็ถามตัวเองเหมือนกันครับว่าผมพอใจในตัวเองหรือยัง คิดว่าพอใจในระดับนึง ผมมีการประเมินตัวเองในทุกสัปดาห์ ตั้งใจทำอะไรไว้ ได้ทำหรือยัง โดยรวมก็ถือว่าพอใจ แต่ก็ยังมีบางอย่างที่เรารู้สึกว่าอยากปล่อยวางมากกว่านี้ อย่างที่บอกว่าเราทิ้งวงไหนไม่ได้เลย 

ฝากถึงน้อง ๆ ที่อยากจะลงมือทำตามความฝันของตัวเองหน่อย

แม็ก: ผมมีเทคนิคที่เพิ่งค้นพบได้ไม่นานนี้เอง มันคือเรื่องของการอยู่กับธรรมชาติ บางครั้งเราต้องหาธรรมชาติของตัวเองให้เจอ อะไรที่มันพอดีกับชีวิตของเรา จะยิ่งใช้ชีวิตง่าย ยกตัวอย่างการทำเพลงแล้วกัน สมมติว่าคุณเป็นวง Pop Rock แต่คุณดันไม่พอใจ รู้สึกว่าแม่งไม่เท่เลย อยากไปเป็น Rock ที่มันเข้มขึ้น ดันไปขวนขวายทำเพลงให้มันยากขึ้น แต่ในใจดันย้อนถามตัวเองว่าทำถูกหรอ ลองคิดดูว่าแฟน ๆ จะเป็นยังไงถ้าอยู่ดี ๆ วง Pop Rock ดันก้าวกระโดดไปเป็นอะไรสักอย่าง แฟนเขาจะต้องการคุณตอนนี้หรือเปล่า ถ้าเราพอใจที่จะเป็นวงแบบนี้ การทำงานมันจะราบรื่น มันจะออกมาจากธรรมชาติของเราเองในทุก ๆ เรื่อง

ในวันที่ยังมีแรงได้ลงมือทำ อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป เพราะเวลาเรา Handle อะไรหลายอย่างพร้อมกัน สิ่งสำคัญไม่ใช่ว่าเรามีแรงแค่ไหน แต่สิ่งสำคัญคือเราจัดการมันได้ดีแค่ไหน Balance ชีวิตของตัวเองให้ดี แล้วสนุกกับสิ่งที่เรารักในวันที่เรายังมีแรงขับเคลื่อนมันไปข้างหน้า เช่นเดียวกับดีเจแม็ก ที่เรามีโอกาสได้พูดคุยและได้รับแรงบันดาลในเจ๋ง ๆ ในวันนี้

สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าโลเกชั่นสวย ๆ อัดแน่นไปด้วยแผ่นไวนิลละลานตา แถมมีสวนสวย ๆ คือที่ไหน อาจจะคุ้นตาใครหลายคน เพราะที่นี่คือ “ร้านแผ่นเสียง Record Shop” ที่เราเคยพาไปเยี่ยมเยียนในคอนเทนต์ “GUIDE : แนะนำ 3 ร้านแผ่นเสียงในกรุงเทพฯให้ MUSIC LOVERS ได้ตามไปสะสม ใกล้ที่ไหนไปที่นั่น”  ต้องขอขอบคุณ “พี่นก พงศกร ดิถีเพ็ง” สำหรับสถานที่สวย ๆ ในการพูดคุยครั้งนี้ สำหรับผู้ที่มองหาแผ่นเสียงของไทยที่ผลิตจำนวนน้อย แผ่น Re-Master วงเก่า ๆ ที่เราคิดถึงกัน เพลงสากลเองก็มีเยอะพอสมควร เพราะร้านใหญ่และแผ่นเสียงเต็มแน่นทุกตารางนิ้ว และใครที่มองหาเทปคาสเซ็ตก็พลาดไม่ได้เช่นกัน

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line