Life

สักเพราะรัก: ศิลปะบนเรือนร่างและหัวใจกับ ‘ดุ่ย-บอล’ ช่างสักแห่ง St.Martin Tattoo Studio

By: PSYCAT July 20, 2017

“รอยสัก” ศิลปะบนเรื่องร่างมนุษย์ที่คนจำนวนไม่น้อยต่างหลงใหล แต่อะไรที่อยู่เบื้องหลังคนทำงานศิลปะอย่าง “ช่างสัก” แรงบันดาลใจใดที่ขับเคลื่อนให้พวกเขามาอยู่ตรงนี้ ความกดดันกับการสรรค์สร้างศิลปะที่จะอยู่บนเรือนร่างผู้คนไปชั่วชีวิตทำให้ความคิดของพวกเขาหมุนวนไปทางใด วันนี้ UNLOCKMEN ชวน บอลและดุ่ย ช่างสักจาก St.Martin Tattoo Studio มาพูดคุยกันยาว ๆ

เพื่อให้ได้บรรยากาศและการพูดคุยเจาะลึกเป็นกันเอง UNLOCKMEN บุกเข้าไปถึงตรอกข้าวสาร สถานที่ที่ St.Martin Tattoo Studio ตั้งอยู่ท่ามกลางร้านสักอีกหลายร้านและร้านรวงอื่น ๆ บรรยากาศแห่งความหลากหลายและสีสันของตรอกข้าวสารยิ่งกระตุ้นเร้าให้การสัก น้ำหมึก ศิลปะบนเรือนร่างดูมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

เมื่อเดินทางไปถึง St.Martin Tattoo Studio เราจึงไม่รอให้ความสงสัยคุกรุ่นในตัวเราอยู่นาน เราเริ่มยิงคำถามกับช่างสักมากฝีมือ 2 คนนี้อย่างรวดเร็ว

UNLOCKMEN: แนะนำตัวกับชาว UNLOCKMEN หน่อย

บอล: ผมชื่อเล่นชื่อบอลครับ แล้วก็ทำงาน tattoo ทำงานสักได้ทั้ง bamboo และ machine ทั้งสองอย่างอยู่ที่ St.Martin Tattoo Studio ข้าวสารครับ

ดุ่ย: ชื่อดุุ่ยนะครับ ทำงานเป็นช่างสักอยู่ที่ St.Martin Tattoo Studio ที่ข้าวสารเนี่ยแหละฮะ

UNLOCKMEN: เล่าหน่อยว่าอะไรคือจุดเริ่มต้นของความหลงใหลในการสัก อยากทำงานสัก?

บอล: เรารู้สึกว่าชอบก่อน ชอบกับงานสักแบบว่า มันดูสวยดีนะ น่าจะมีติดไว้ที่ตัวบ้าง อยากรู้ว่าเป็นยังไง ก็เลยลองทดลองไปสักดูบ้าง ก็มีสักยันต์สักอะไรแบบนั้น ตามประสาแบบที่เราเด็ก ๆ

UNLOCKMEN: พอเราเริ่มสนใจการสักเราพาตัวเองไปถูกคนอื่นสักก่อน?

บอล: ใช่ ๆ มันต้องเกิดจากการที่เราไปให้เขาสักให้ก่อน

UNLOCKMEN: ดุ่ยล่ะ เราเริ่มต้นความหลงใหลนี้จากอะไร?

ดุ่ย: คือเราเรียนนิเทศศิลป์ มหา’ลัยพระจอมเกล้าธนบุรี ด้วยสไตล์ของตัวเองก็คือชอบเล่นสเกตบอร์ด แต่ก่อนพ่นกำแพงกราฟิตี้มาก่อน ก็วาดรูปทุกวันตั้งแต่เด็กอะครับ แล้วก็เล่นดนตรี เลยเจอนักดนตรีที่ โอ้โห ลายสักพร้อยมาเลย รู้สึกเท่จัง มันเท่มาก

เราก็เลยรู้สึกว่าการสักมันเป็นศิลปะประเภทหนึ่งที่ท้าทาย ท้าทายกว่าการวาดรูปบนกระดาษหรือว่าพ่นกราฟิตี้ ทำให้อยากลองดู

UNLOCKMEN: ทำไมดุ่ยถึงคิดว่าการสักมันท้าทายกว่าการวาดบนกระดาษหรือพ่นกราฟิตี้?

ดุ่ย: ถ้าได้มาเรียนรู้จริง ๆ คือองค์ประกอบมันเยอะมากและมันไม่สามารถลบได้เลย คือเราลงมือทำไปแล้วมันจะติดตัวเขาไปทันที ทำให้มีเรื่องความพลาด ความเสี่ยงเข้ามาเกี่ยวทันที คือมันจะมีการรับมือกับความพลาดความเสี่ยงที่เยอะกว่า มันก็เลยรู้สึกท้าทายกว่า

UNLOCKMEN: ย้อนกลับมาที่บอลหน่อย หลังจากพาตัวเองไปให้เขาสักมาแล้ว อะไรเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึกว่า เฮ้ย ไม่ได้แล้ว ต้องเป็นช่างสักว่ะ

บอล: เรารู้สึกว่าเราลองสักเองได้มั้ย มันดูแล้วมันเหมือนจะไม่ยาก น่าจะทำได้ ก็เลยซื้อ sticktoo มาแปะดู เหมือนลอกลาย แล้วเราก็ลองสักตามลงไปในผิวหนังเรา

UNLOCKMEN: แสดงว่าเริ่มต้นง่าย ๆ จากการไปซื้อ sticktoo ที่เด็กแปะเล่นกันมาเริ่มต้น และการสักรอยแรกที่สักก็คือสักตัวเอง?

บอล: ใช่ สักตัวเอง

UNLOCKMEN: จำความรู้สึกนั้นได้มั้ย ทั้งความรู้สึกในแง่ของเราเป็นคนสักและความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกสักนั้น?

บอล: มันเจ็บนะ มันทำให้เรารู้ว่าเราพอจะทำได้นะ โอเค การที่สักครั้งแรกมันก็ไม่ได้สวยอะไรมาก แต่เราก็ไปโชว์เพื่อนเรา ว่า เฮ้ย เราสักได้นะ อยากสักมั้ย เดี๋ยวเราสักให้ ไม่เอาตังค์ ฟรีเลย มันก็เละไปหมดแหละ เราก็ทำเสียไปเยอะ

แต่จนวันหนึ่งจากความอยากก็กลายเป็นความชอบ พอเป็นความชอบเรารู้สึกหลงไหลกับมันแล้ว อยากที่จะหาเงินจากการสักให้ได้ โดยที่บ้านก็ไม่ได้ชอบไม่ได้อะไร แต่เราชอบของเราไปแล้วและเราก็อยากจะพิสูจน์ว่ามันสามารถเลี้ยงดูเราได้นะ

UNLOCKMEN: ดุ่ยล่ะยังจำรอยสักรอยแรกที่เราสักลงผ้าใบเนื้อมนุษย์ได้มั้ยว่าเมื่อไหร่ รู้สึกอะไร?

ดุ่ย: จำได้ครับ ประมาณ 8 ปีที่แล้วสักให้เพื่อน ตอนนั้นเราก็ไปเรียน เหมือนไปเรียนรู้กับรุ่นพี่นี่แหละ เพราะเราเห็นเขาเก่งก็เลยไปขอคำแนะนำจากเขา แล้วเราก็ไปซื้อเครื่องมาแล้วก็วาด ๆ

ตอนแรกก็สักยาง สักนู่นสักนี่ สักหนังรองเท้า สักแม้กระทั่งพื้นรองเท้า สักเล่นไปเรื่อย ๆ จนเพื่อนมันก็แบบ เฮ้ย สักให้กูหน่อย คือจริง ๆ เราจะทำความคุ้นเคยกับเครื่องให้มากที่สุดก่อนที่จะลงคนอื่น แต่ก็เอาวะ ก็จัดมันก่อนเลย จริง ๆ แล้วจะสักตัวเองก่อนด้วยซ้ำ คือในร่างกายผมนี่คือสักเองหมดไม่มีคนอื่นสักให้เลย

ตอนนั้นก็คิดว่าสวยแล้วนะ แต่พอเรากลับมาดูตอนสมัยนี้แล้วก็ (หัวเราะ) มันก็พอดูได้แหละ แต่ประสบการณ์มันยังน้อยมาก ความรู้ยังน้อยคือเรายังไม่ได้ไปตามดูงานคนอื่นเยอะแยะมากมายขนาดนี้ แล้วก็ไม่นึกว่าตัวเองจะมาจริงจังกับฝั่งนี้ 100% แต่สุดท้ายเรารู้สึกว่างานตรงนี้มาสามารถตอบสนองความรักความชอบของเราได้และสามารถสร้างรายได้ได้

UNLOCKMEN: ที่ดุ่ยบอกว่าสักเองหมดเลยนี่มันยากมั้ย ต้องทำยังไงถึงเราจะเชี่ยวชาญขนาดที่จะสักให้ตัวเองได้?

ดุ่ย: การสักมันคือการทำยังไงก็ได้ให้สีมันติดผิวหนัง แต่การสักที่ดีน่ะมันยาก ถ้าคิดว่าแค่สักให้เป็นรอย ตรงไหนที่ผมใช้ปากกาวาดได้ก็คือสักได้ แต่ทำให้มันแบบสีสวยอย่างที่เราสักให้คนอื่นหรือว่าให้มันดูเพอร์เฟค สักให้ตัวเองก็จะยากในบางพื้นที่ เพราะเราต้องใช้ได้แค่มือเดียว ถ้าเป็นส่วนขาส่วนที่เราสามารถใช้สองมือได้ก็จะดีขึ้นหน่อย

UNLOCKMEN: ชอบที่ดุ่ยพูดว่าการสักมันก็แค่ทำให้ผิวหนังเป็นรอยก็ถือว่าสักแล้ว แต่การสักที่ดีคืออีกอย่างหนึ่ง แล้วการสักที่ดีจะต้องมีองค์ประกอบอย่างไรบ้าง?

ดุ่ย: ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ประสบการณ์ เครื่องมีส่วนสำคัญ สีมีส่วนสำคัญ ทุกอย่างมีส่วนสำคัญหมด แต่หลัก ๆ เกิน 50% อยู่ที่ตัวเรามากกว่า ฝีมือสกิลต้องมาด้วยการฝึกฝน บางคนเปรียบเทียบระหว่างสักมือกับสั่งเครื่อง เครื่องเดี๋ยวนี้สองหมื่นสามหมื่น สีสองหมื่นสามหมื่น แต่คนที่สักมือใช้หมึกรอตติ้ง ใช้ไม้กับเข็มก็ทำได้

UNLOCKMEN: แล้วจากวันแรกที่ดุ่ยกลับไปดูรอยสักเพื่อนรอยแรกที่สัก จนถึงวันนี้ เราพอใจกับงานของเราทุกวันนี้หรือยังหรือว่าเราจะไปข้างหน้าอีกเรื่อย ๆ ?

ดุ่ย: ไปอีกเรื่อย ๆ ครับ คือผมเป็นคนที่เสพงานเมืองนอกตลอด แล้วเขาไม่หยุดเลย ไม่มีการหยุดเลย คือตั้งใจจะบอกว่า ที่เราไม่ดูงานเมืองไทยเลยก็เพราะว่าได้ข้ามไปดูของเขา เพราะเราจะไปแข่งกับเขา ดึงส่วนของเขามาเพื่อพัฒนา ดูเพื่อเอามา Develop

UNLOCKMEN: ถ้าตอนนี้มีคน ๆ หนึ่งที่อยากเป็นช่างสักมาก เราในฐานะที่ทำงานกันมา 8 ปี เรามีอะไรแนะนำว่าต้องทำอะไรบ้าง ถึงจะเป็นช่างสักที่ดีได้?

บอล: มันต้องเกิดจากความที่เราชอบก่อนนะ ถ้าคนเราไม่ได้ชอบจากในใจของเราเองมันมักจะทำอะไรแบบประเดี๋ยวประด๋าว แป๊ป ๆ ก็เลิก แต่ถ้าชอบมาจากในความรุ้สึกของเราจริง ๆ เดี๋ยวมันจะฉายแววออกมาเอง

ความชอบมันจะทำให้เราทำได้ แล้วพอเรารู้สึกว่าเราทำได้ เราก็อยากจะทำได้มากกว่านี้ขึ้นไปเรื่อย ๆ มันต้องเกิดจากการชอบจากตัวเอง อันนี้เรื่องจริงเลย ถ้าไม่ชอบจากตัวเอง ไปเอาตดคนอื่นมาตดมันก็ไม่ใช่ตดของตัวเอง นึกออกมั้ย มันต้องตดด้วยตัวเอง

แล้วก็ทำเยอะ ๆ ครับดูงานดูอะไรเยอะ ๆ แล้วก็ศึกษากับคนที่เขาเป็นไอดอลของเราว่าทำไมเขาถึงทำได้ แล้วถามตัวเองเราจะทำไม่ได้เชียวหรอ? เราทำได้อยู่แล้ว ยากที่สุดคือการเริ่มต้นนี่แหละยากที่สุดแล้ว ต้องเริ่ม เริ่มทำเลย ถ้าทำอยากทำ อยากเก่ง อยากเป็นอะไร ลงมือทำครับ เพราะทุกคนเป็นช่างสักได้เหมือนกัน

ดุ่ย: ผมเห็นเด็กที่เรียนสายศิลป์มาจับงานตรงนี้เยอะคือด้วยเค้ามีสกิลส่วนตัวอยู่แล้วคือมันจะง่ายมาก ยิ่งคนมีสกิลแล้วก็ตั้งใจในการเรียนรู้กับมันจะง่าย

คนที่ไม่มีสกิลก็ใช่จะว่าจะทำไม่ได้ ทำได้แต่จะทำให้ดีจะทำยังไง อันนี้ขึ้นอยู่กับบุคคลว่าจะไปเรียนรู้กับมันยังไง เราจะศึกษามันแค่ไหน แล้วก็ด้วยประสบการณ์ ช่างที่ดีก็ต้องเรียนรู้ทุกอย่าง ต้องมีประสบการณ์ทุกอย่าง วาดรูป สเก็ตงานเสพย์งานและที่สำคัญคือต้องลงมือทำจริง ๆ บ่อย ๆ เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้กับอุปกรณ์ของเรา

UNLOCKMEN: แล้วเริ่มแรกเนี่ยพี่เริ่มด้วยการสักมือหรือสักเครื่อง?

บอล: สักมือครับ สักมือ

UNLOCKMEN: ทำไมบอลถึงเริ่มด้วยการสักมือ?

บอล: ผมอยู่บ้าน มันไม่มีเครื่องมือสักไง เราเลยทำง่าย ๆ เอาเข็มมาพันกับไม้ พอเข็มมาพันกับไม้เราก็ซื้อหมึกมา แล้วเราก็สักเลย เพราะถ้าเริ่มจากเครื่องมันจะมีอุปกรณ์อะไรหลาย ๆ อย่างที่เราไม่มี แล้วมันก็จะต้องเรียนรู้ไปอีกแบบหนึ่ง ถามว่าความยากความง่ายมันก็แตกต่างกัน พอเวลาผมสักมือผมก็ฝึกหลายปี กว่าจะมาที่ St.Martin นี่ได้ก็ซัก 2-3 ปีที่ผมถึงจะกล้ามาที่นี่ พอมาที่นี่เสร็จมันก็ไม่ดีเหมือนเดิม ก็ต้องฝึก ๆ ๆ

 

UNLOCKMEN: แล้วคิดว่าเสน่ห์ของการสักมือคืออะไร?

บอล: มันเป็นออริจินัลบ้านเราไง มันเป็นอะไรที่ดั้งเดิมของบ้านเรา เป็นอะไรที่เราขายความเป็นตัวตนกับฝรั่งที่มาในเมืองไทย เขามาเขาก็อยากรู้ว่า bamboo มันเป็นยังไงมันเจ็บมั้ย แล้วก็ลายสักยันต์ เขาก็จะอยากรู้ว่าความหมายมันคืออะไรบ้าง ทำไมคนไทยถึงสักกันเยอะ

UNLOCKMEN: ความแตกต่างระหว่างสักมือกับสักเครื่องคืออะไร?

บอล: สักมือใช้เวลานานหน่อยเพราะว่ามันค่อนข้างที่จะใช้มือทำเรื่อย ๆ แต่สักเครื่องก็จะไวหน่อย อารมณ์ของเวลามันค่อนข้างต่างกัน สมาธิอะมันค่อนข้างใช้สมาธิ แต่สักเครื่องก็ใช้สมาธิเหมือนกัน แต่มือมันต้องอาศัยความแบบเที่ยง ๆ หน่อย ค่อนข้างที่จะต้องแม่นยำในการทำงาน

UNLOCKMEN: แล้วทั้งสองคนคิดว่า ตั้งแต่เราทำงานมา งานไหนที่รู้สึกว่ายากที่สุด?

บอล: สำหรับผมหรอ? สำหรับผมที่ยากที่สุดคืองารที่แม่งไม่ใช่ทางตัวเอง คือทางของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน อย่างตัวผมผมก็ไม่ได้ถนัดพวกภาพเหมือนจ๋า ๆ ผมเลยจะไม่ถนัด แต่ผมจะไปถนัดแบบพวกงาน mandala งาน geomatics หรือเป็นงานเส้นงาน dot งานอื่นเราจะไม่ค่อยถนัด ซึ่งถามเราเราพอทำได้มั้ย เราก็พอที่จะทำได้ แต่ไม่ดีเท่าที่คนที่เขาถนัด เพราะแต่ละคนมันมีช่องทางที่ไม่ถนัดไม่เหมือนกัน

ดุ่ย: มันท้าทายที่สุดเลย มันยากเกือบทุกครั้ง เกือบทุกงาน ด้วยที่เราสักให้เขา เราไม่ได้สักให้ตัวเรา มันต้องติดตัวเขาไปตลอด งานก็เลยท้าทายหมดเลย จะงานเล็กงานใหญ่ท้าทายหมด เราจะเพ่งอยู่ตลอดเลยว่าทำยังไงให้มันดีที่สุด

มันจะมีแบบบางงานที่เราไม่คุ้น ไม่คุ้นชินคือมันไม่ใช่สไตล์เรา หรือว่าเราแนะนำเขาแล้วเขาไม่เอา อุปสรรคคือตรงนี้แหละ อุปสรรคคือการสื่อสารระหว่างความรู้สึกของเขากับของเรามันจะเหมือนกันหรือเปล่า

UNLOCKMEN: แล้วเราเริ่มรู้ได้ยังไงว่าสไตล์ไหนคือสไตล์ที่เราถนัด ใช้เวลานานมั้ย?

บอล: ใช้เวลาอยู่ประมาณซักพักนึงเลยครับ ซักพักใหญ่เลย แต่ก่อนซึ่งแต่ก่อนผมสักมือมาตลอด เรามาอยู่ข้าวสารถึงจะได้รู้จักกับเครื่อง ซึ่งสักเครื่องผมก็สักมาประมาน 4 ปีที่แล้วที่เอาจริงเอาจัง

ก็คือก็ลองฝึกมา2ปีถึง3ปีก็เลยมาเจอทางพวกนี้ งานแนวนี้กำลังมา พองานแนวนี้กำลังมาเราเลยมาลองจับดูว่ามันก็สวยดีนะ แล้วเพื่อนรอบข้างชี้แนะบ้าง บอกเราบ้าง นายทำแบบนี้น่าจะเวิร์ค เราก็เลยลองดูซักตั้งนึงว่ามันจะใช่หรือเปล่า เลยลองดูเลยว่าตัวตนของเรา เรามีงานที่เราชอบอยู่ แต่เราถามตัวเราว่าตอนนี้เราทำอะไรบ้าง เราเคยทำแบบนี้ไปก่อน

ดุ่ย: สไตล์หรอครับ สไตล์ที่ถนัดก็จะเป็นเส้นสเก็ต เป็นงานลายเส้น dot work black work แล้วก็สามารถทำพวก realistic ได้บ้าง

ผมหาไม่นานครับคือผมวาดรูปมาคือตั้งแต่เด็ก พอเห็นศิลปินคนนี้เจ๋งนะชอบนะ เราก็ฝึก ๆ พอฝึกแล้วมันเข้ามือแล้วก็่เราจะรู้เลยอัตโนมัติของเราว่าแบบนี้ เราถนัด แล้วถ้าได้มาลงงานจริงกับผิวหนังเราเลยรู้ว่า มันสนุก มันจะสนุกมากกว่า อีกแนวนึงเราก็ทำได้ ทำได้ดีพอ ๆ กันแต่มันไม่สนุก ในใจเรามันแบบมันน่าเบื่อ เราชอบที่เราทำแล้วมันสนุกมากกว่า ก็เลยเลือกสไตล์นี้ที่เป็นหลัก ๆ

UNLOCKMEN: เราคิดว่าเราจะทำงานนี้ไปอีกนานมั้ย เราคิดว่าจุดสูงสุดของอาชีพนี้ของการเป็นช่างสักของเราคืออะไร?

บอล: ผมคิดว่าผมจะทำไปนานมั้ย ผมทำจนกว่าผมจะไม่มีแรงอะ จนกว่าผมจะแบบทำไม่ไหวแล้ว แต่ว่าจุดที่สูงสุดของช่างสักทุกคนคือ ผมคิดว่าเป้าหมาย เป้าหมายของการที่จะแสดงงานโชว์ถึงต่างประเทศ ถ้าเปรียบเหมือนกีฬามันก็เป็นแบบเอเชี่ยนเกมอะไรแบบนี้ที่ไปแข่งเป็นตัวแทนของประเทศชาติ

ดุ่ย: ไม่เบื่อครับ คือศิลปะก็ทำเรื่อย ๆ ครับ ถ้ามีโอกาสต่อยอดมันเรื่อย ๆ คือสักด้วย เอางานสักไปทำอย่างอื่นด้วย อย่างที่ผมทำ ๆ มาหลายอย่างก็ แต่จะวนเวียนอยู่แต่กับศิลปะ

UNLOCKMEN: จุดสูงสุดของดุ่ยล่ะ?

ดุ่ย: จุดสูงสุด? อืม ตรงนี้พูดยาก จะด้วยความสำเร็จหรือเปล่าก็ไม่รู้ อยู่ที่ความสุขของเราเนี่ยแหละว่าทำแล้วมันแบบว่ามันตอบสนองเรามั้ย เราทำแล้วเราชอบหรือเปล่า คนอื่นชอบกับเรามั้ย คนอื่นชอบกับเราก็คงไม่มากเท่าไหร่ อยู่ที่เราว่าเราจะทำต่อไปหรือเปล่า ถ้ารู้สึกว่ามันยังมีความสุขอยู่ที่เราจะทำต่อก็คือนี่แหละสูงสุดนี่แหละ ถ้าทำไปแล้วมันดีขึ้น ๆ เดี๋ยวคนอื่นก็คงเห็นเองนี่แหละ อันนั้นก็คงเป็นกำไร เป็นผลพลอยได้ของมัน

UNLOCKMEN: เราคิดว่าสิ่งที่ดีที่สุดในการพาชีวิตมาเจออาชีพนี้คืออะไร? ที่เรารู้สึกดีใจว่ะที่ได้ทำอาชีพนี้?

บอล: โห ความหมายมันไม่มี มันมีแต่ความรู้สึกล้วน ๆ เลย เราชอบ เรารักไปแล้ว อยู่กับงานนี้ไปแล้ว ไม่อยากไปทำอย่างอื่นแล้ว เกี่ยวกับศิลปะอย่างเดียวผมชอบศิลปะด้วยแล้วก็ชอบสักมาก ความรู้สึกล้วน ๆ ไม่มีอะไร

ดุ่ย: มันท้าทายดี คำว่าช่างสักนี่ไม่เท่หรอหครับ ยังไม่มีบัญญัติคำที่มันเท่กว่านั้น จริง ๆ ใจผมก็ไม่ชอบคำว่าช่างสัก เวลาไปแนะนำเพื่อนก็ไม่ค่อยไปบอกว่าเป็นช่างสักเท่าไหร่ แต่พอเราได้เห็นการทำงานของมัน การตั้งเครื่อง การใช้เครื่อง การเรียนรู้เข็ม สีผมว่าส่วนตัวมันท้าทายกว่าการบีบสีจากหลอดและการวาดบนกระดาษ มันท้าทายกว่าเยอะ แล้วคือยิ่งท้าทายกว่า คือเราจะทำให้มันดีขึ้นกว่ามาก ๆ

“สักเพราะรัก” คือประโยคสั้น ๆ ที่รวบยอดทุกความหมายแห่งการพูดคุย กับบอลและดุ่ย ช่างสักแห่ง St.Martin Tattoo Studio ไว้ได้อย่างครบถ้วน

ความรัก ความหลงใหลในสิ่งที่พวกเขาทำนั่นเองที่ทำให้พวกเขามุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลงานออกมาอย่างตั้งใจ ใครจะเอาแรงบันดาลใจจากความหลงใหลในการสักไปใช้กับเรื่องอื่นในชีวิต UNLOCKMEN ก็รับรองว่ามันจะต้องออกมางดงามไม่ต่างจากศิลปะบนเรือนร่างของคนเราที่จะอยู่คู่เราไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line