Entertainment

ถ้าคุณเศร้าเราคือเพื่อนกัน คุยกับ “ปอย PORTRAIT” ผู้ถ่ายทอดความเศร้าผ่านบทเพลง

By: unlockmen October 16, 2018

ในวันที่ความรักไม่เป็นไปดั่งใจ จนเกิดความรู้สึกไม่พึงประสงค์ที่เราเรียกมันว่า “ความผิดหวัง” ต่างคนต่างต้องเจอกับมันด้วยสาเหตุที่แตกต่างกันไป แต่ในวันหม่น ๆ วันนั้นที่เราต้องการอะไรสักอย่างมาอยู่เป็นเพื่อน เชื่อว่าใครหลายคนต้องเคยเปิดเพลงเศร้า ๆ เอาไว้เป็นคอยปลอบประโลมความรู้สึกที่มันแหลกสลายกันบ้าง หรือบางคนก็ชอบที่จะฟังเพลงเศร้าเป็นปกติในทุกวัน ถ้าคุณเป็นอีกคนที่ชอบฟังเพลงเศร้า เชื่อว่าเพลงเศร้าจากปลายปากกาของ ตวัน ชวลิตธำรง หรือที่เราคุ้นหูในชื่อ “ปอย Portrait” จะเป็นอีกตัวเลือกอันดับต้น ๆ ในใจของคนที่รักเพลงเศร้าเสมอ

UNLOCKMEN จะพามาแกะรอยความเศร้าที่ถูกถ่ายทอดผ่านบทเพลงจาก “ปอย Portrait” เจ้าของเพลงเศร้าที่เราเคยเสียน้ำตามานักต่อนัก ในมุมมองของคนที่เอาความเศร้าของทุกคนมาถ่ายทอดผ่านบทเพลงได้อย่างจับใจ

ถ้าคุณเศร้า เราคือเพื่อนกัน

บทเพลงเศร้ามากมายของ Portriat ที่เรียกน้ำตาคนฟัง เบื้องหลังเพลงเหล่าเศร้านั้นมาจากฝีมือของ “ปอย Portrait” ในฐานะคนแต่งเพลงเศร้า มาดูกันว่าเขาเอาเรื่องเศร้า ๆ เหล่านี้มาจากไหนกัน ?

“มาจากความรู้สึกจริง ๆ ครับ แต่อาจไม่ได้มาจากเรื่องจริงเสมอไป บางอย่างก็เป็นเรื่องจริงของบางคน บางอย่างก็เป็นเรื่องจริงของผมเอง บางอย่างก็เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยเจอ แต่พยายามทำความเข้าใจว่า ถ้าคน ๆ นึงเจอเรื่องราวแบบนี้จะเป็นยังไง มันเหมือนกับนักแสดงที่ต้องสวมบทบาทเป็นใครคนนึงที่ไม่ใช่ตัวเค้า สิ่งที่เค้าทำได้คือต้องพยายามทำความเข้าใจว่า คนนี้เป็นคนยังไง เจออะไรบางอย่างแล้วจะตอบสนองยังไง การเขียนเพลงก็เหมือนกัน ถ้าเราเข้าใจตัวละครนี้จริง ๆ เราไม่จำเป็นต้องเจอเองก็ได้ครับ”

คนที่ชื่นชอบเพลงเศร้าของเรานั้น มีทั้งคนที่กำลังเจ็บปวดเพราะความรัก คนที่ไม่ได้เจอความรักที่สมหวัง คนที่ยังรอคอยใครสักคน หรือแม้แต่ใครสักคนที่อินไปกับมันแม้จะไม่ได้มีเรื่องราวอะไรต้องผิดหวังในตอนนั้น แค่รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแสนเหงาในบทเพลง คิดว่าอะไรที่ทำให้คนอินกับเพลงเศร้าของเรามากขนาดนี้ ?

“เพราะตัวผมเองก็อินกับมันมาก ๆ ผมเขียนเรื่องจากสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจมาก ๆ เริ่มจากสิ่งที่มันกระทบกระเทือนเราก่อน แล้วรู้สึกว่ามันน่าจะกระทบคนอื่นได้เหมือนกัน สิ่งที่พูดออกไป เขียนออกไป มันเป็นสิ่งที่เกิดจาก Reaction ของคนจริง ๆ ที่เกิดเหตุการณ์นี้กับเขาจริง ๆ อาจจะเป็นความ Real ของคนที่เคยสัมผัสเรื่องราวเหล่านั้น จะรู้สึกได้ว่ามันเหมือนเขาเลย”

เวลาเห็นคนเศร้าเพราะเพลงของเรา จากทั้งคอมเมนต์และในคอนเสิร์ตต่าง ๆ รู้สึกว่าเพลงเศร้าของเรามันทำหน้าที่ได้ดีจนเรียกว่าประสบความสำเร็จได้มั้ย ?

“ประสบความสำเร็จประมาณนึงครับ เวลาเห็นคนรักเพลงเรามาก ๆ ไม่ว่ามันจะเป็นปฏิกิริยาแบบไหนออกมาก็ตาม ไม่ว่าจะชื่นชอบ ร้องไห้ไปกับเพลง นั่นแสดงให้เห็นว่าเพลงของเรามันเข้าไปถึงความรู้สึกของเขาจริง ๆ”

“จุดประสงค์ของการเขียนเพลงมันคือสิ่งนี้เลย ทำให้คนฟังได้รับรู้ว่าเขาไม่ได้เผชิญเรื่องราวเหล่านั้นอยู่คนเดียว เขามีเพลงของเราเป็นเพื่อนเขา”

พอเขียนเพลงเศร้าเยอะ ๆ มันทำให้เรากลายเป็นคนเสพติดความเศร้ามั้ย ?

“จริง ๆ มันกลับกันเลยครับ การเขียนเพลงเศร้าไม่ได้ทำให้ผมเสพติดความเศร้า แต่การเสพติดความเศร้าของผมทำให้ผมเขียนเพลงเศร้าได้ ผมเป็นคนเสพติดความเศร้ามาตั้งแต่แรกแล้ว มาตั้งแต่เด็กแล้ว เป็นคนสนใจความเศร้า ด้วยสาเหตุอันใดก็ไม่รู้ เหมือนเป็นปริศนาที่ผมจะเอาชนะมันอยู่ตลอดเวลา ผมหมกมุ่นกับมัน หาคำตอบ หาคำอธิบาย หาสูตรสำเร็จให้มัน เพื่อที่เราจะได้เอาชนะมันและควบคุมมันได้ นั่นคือสิ่งที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก ร้องเพลงเศร้า เขียนเพลงเศร้า ฟังเพลงเศร้า อ่านเรื่องเศร้า จนถึงจุดที่เป็นผู้ใหญ่ ถึงรู้ว่าเราไม่สามารถเอาชนะความเศร้าได้ ยังไงก็ไม่มีทางชนะ ถึงได้คำตอบอะไรบางอย่าง”

เพลงที่เศร้าที่สุดของคนแต่งเพลงเศร้า

“โลกที่ไม่มีเธอครับ มันเป็นอีกขั้นนึงของเพลงเศร้า เพลงเศร้าปกติจะเป็นอกหัก คิดถึง เหงา แต่โลกที่ไม่มีเธอคือการตายจากกัน จากแบบไม่มีวันกลับมาแล้ว จากโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งผมแต่งจากเรื่องจริงของดาราอาวุโสท่านหนึ่ง”

เพลงนี้เป็นภาคต่อของเพลงโลกที่ไม่มีฉันหรือเปล่า ?

“เป็นความบังเอิญเฉย ๆ คนก็ถามมากมายว่าทำไมถึงตั้งชื่อเพลงนี้ ตอนคิดชื่อเพลงโลกที่ไม่มีเธอ ไม่ได้คิดถึงเพลงโลกที่ไม่มีฉันเลย พอเขียนไปสักพักถึงรู้สึกว่ามันคล้องนั่นนี่ มันบังเอิญมาก ๆ ถ้าให้พี่แอม เสาวลักษณ์ มาร้องเพลงนี้ ตายทั้งเมืองแน่ ๆ (หัวเราะ)”

ในมุมมองคนแต่งเพลงเศร้า ความรักแบบไหนเศร้าที่สุด ?

“ความรักที่ผิด ความรักที่ผิดครรลองคลองธรรม ความสัมพันธ์ที่ไม่ควรจะเกิด เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่มีทางจบได้สวย มันจบด้วยความโศกเศร้าร้อยเปอร์เซ็นต์ 

สิ่งที่เศร้ามากกว่านั้นคือทุกคนรู้ว่ายังไงก็จบไม่สวย แต่ไม่มีใครเดินออกมา ทุกคนก็ยังจะเดินต่อ เพื่อที่จะได้พบว่าวันสุดท้ายแล้วเราก็จบไม่สวยอยู่ดี

ผมว่าสาเหตุที่คนเราเดินออกมาจากจุดนั้นไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้วเรายังหวังว่าเราจะเป็นคนที่โชคดี หนึ่งในล้าน หนึ่งในสิบล้าน ขอให้มันมีเปอร์เซ็นต์แค่ 0.001 ก็ไม่มีใครเดินออกมาแล้ว เพราะสิ่งที่เขาคาดหวังมันสูงมาก ความสมหวังของเขามีค่ามากแม้ว่าจะต้องเสี่ยงขนาดไหนก็ตาม ผมว่าความสัมพันธ์แบบนี้ยังไงก็เจ็บ”

Black Valentine คอนเสิร์ตเศร้า ๆ ของเหล่าคนเกลียดวันแห่งความรัก

วันแห่งความหวานชื่นของคนที่มีความรักอย่าง 14 กุมภาพันธ์ หันไปทางไหนก็ตลบอบอวลไปด้วยความรัก แล้วคนที่กำลังเจ็บเพราะมันล่ะ เขาทำอะไรกันอยู่ ? พวกเขาไปคอนเสิร์ต Black Valentine ของปอย Portrait ไงล่ะ งานรวมตัวคนที่เจ็บเพราะความรัก เมามายในความเศร้าเคล้าน้ำตา แลกเปลี่ยนเรื่องราวอันเจ็บปวด พร้อมแหกปากร้องเพลงเศร้ากันตลอดคืน โดยมีปอย Portrait เป็นผู้ขับกล่อมบทเพลงปวดร้าวให้พวกเขาเหล่านั้นได้เอาความเศร้าออกมาในคืนนี้เสียให้หมด

“สาเหตุที่จัดแบล็กวาเลนไทน์แรกสุด คือรวมคนเกลียดวันวาเลนไทน์ คนที่ไม่สมหวังในความรักสักที ทำให้วันวาเลนไทน์กลายเป็นวันโศกตรมของเขา แล้วทำไมคนเหล่านี้ถึงไม่รวมตัวกันแล้วปาร์ตี้ให้สุดเหวี่ยงไปเลย แล้วผมจะร้องเพลงเศร้าให้เขาฟังทั้งคืน 

มันคือการบอกคนที่ยังไม่สมหวังว่า คุณไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ยังมีคนเสียใจเหมือนกันกับคุณนะ

ที่ผ่านมันไม่ได้มีการวางแผนอะไรไว้เลย ตั้งแต่แรก ๆ เลยมันเป็นการจัดแบบอยากจัดก็จัด ปีนี้ไม่ว่างก็ไม่จัด ปีหลัง ๆ เราเพิ่มสเกลใหญ่มาก จากร้านเหล้า ผับ เป็นสนามฟุตบอล เวทีคอนเสิร์ตใหญ่ ๆ ซึ่งทางค่ายรับหน้าที่ออแกไนซ์ เป็นเจ้าภาพจัดให้ เขารู้สึกว่ามันควรจัดต่อไปเรื่อย ๆ นะ ผมบอกเขาว่าอาจจะไม่ได้จัดทุกปี เว้นระยะให้มันมีความคิดถึงเกิดขึ้นหน่อย แต่ระยะนี้น่าจะจัดเรื่อย ๆ ก่อน”

พอจัดงานสเกลใหญ่แล้วทำให้ดูแลคนดูยากหรือเปล่า ?

“เป็นสิ่งที่ต้องเลือกเลยครับ การจัดสเกลเล็กมันได้ความอบอุ่น ได้พูดคุยกับคนดู สเกลใหญ่ เวลาพลังของความเศร้ารวมตัวกัน มันขนลุกมากเลยครับ ผมจัดมาทุกสเกลแล้วมันก็ได้อย่างเสียอย่าง พยายามกลับไปจัดสเกลเล็กด้วย ใหญ่ด้วย ใครชอบสเกลไหนก็ไปงานนั้น”

เรื่องเศร้าจากแบล็กวาเลนไทน์

“ค่อนข้างเยอะครับ ส่วนมากคนที่มาแบล็กวาเลนไทน์คือคนที่กำลังผิดหวัง อกหัก โสด โดนหลอก เขาจะมีเรื่องราวมาระบายให้ฟังเยอะมาก ผมพูดมาตลอดว่าถ้ามีใครมาเล่าเรื่องให้ฟัง ผมยินดีรับฟังนะ ผมชอบฟังเรื่องเหล่านี้ เอาไปแต่งเพลงด้วย เป็นสิ่งที่ผมสนใจด้วย ผมอยากฟังประสบการณ์ของแต่ละคนว่าไปเจอเรื่องราวความรักมาแบบไหนบ้าง”

เรื่องเศร้าที่สุดที่เคยฟังจากคอนเสิร์ตนี้

“มีน้องคนนึง มีแฟนคบกันสิบปีมั้ง แต่งงานกันได้สองเดือน ผู้ชายมาขอเลิก เพราะติดเด็กโคโยตี้ที่เจอกันแค่สองอาทิตย์ แล้วไปเลย ผู้หญิงต้องเข้าโรงพยาบาลบ้าเลยครับ เพราะรับความจริงไม่ได้ ไม่ใช่แค่เสียใจ มันไปอีกขั้นนึง ทุกอย่างมันพลิกคว่ำไปเลย เขาต้องรักษาอยู่เกือบสองปี ผมรับรู้ตลอดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง โหดร้ายมากครับ”

มุมมองของการเป็นนักเขียน

นอกจากในฐานะนักแต่งเพลงเศร้าแล้ว ก็ยังมีงานเบื้องหลังที่เป็นศิลปินค่าย BOXX MUSIC ครับ ออกผลงานตัวเอง แล้วก็เป็นโปรดิวเซอร์ให้ศิลปินในค่ายด้วย นอกจากนี้ยังเป็นนักเขียนอีกด้วย ในผลงานที่ชื่อเดียวกับผลงานเพลงอย่าง “วันที่หัวใจเคลื่อนไหว” กับสำนักพิมพ์ HAPPENING ซึ่งเราจะได้อ่านการเล่าเรื่องราวที่แตกต่างไปจากผลงานเพลงสุดเศร้า ในหนังสือจะเป็นเรื่องราวของชีวิตคน ๆ หนึ่ง ที่สะสมเรื่องราวที่เหมือนจะธรรมดา แต่ตบท้ายด้วยข้อคิดปลายเปิดอะไรบางอย่าง ให้เราได้ไปขบคิดต่อกันเอง เหมือนเพื่อนเก่ามาเล่าเรื่องให้เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานฟังถึงเรื่องราวระหว่างที่ขาดการติดต่อกันไป 

เปรียบเทียบความยากง่ายระหว่างการเขียนหนังสือกับเพลง

“ถ้าเทียบกับหนังสือที่ผมเขียนนะครับ หนังสือง่ายกว่านิดนึง ไม่ได้หมายความว่าเขียนนิยายจะไม่ยากนะครับ หรือจะเขียนสารคดีจะยากหรือง่ายกว่า ผมหมายถึงบทความที่ผมเขียน เพราะว่ามันเล่าจากประสบการณ์ของผมเอง แล้วก็มันไม่มีไวยากรณ์มาจำกัดเหมือนกับที่เพลงมี ตัวเพลงเรามีเวลา 3 นาทีครึ่งกับการเล่าเรื่องทั้งหมด การเน้นย้ำ ฉันทลักษณ์ของเพลง มันพลาดยากมาก ต้องไม่พลาดเลยสักจุด

งานเขียนมันผ่อนคลายกว่า มันได้ระบายอะไรบางอย่าง เวลาเขียนเพลงทรมานนะครับ มันเครียด เราตั้งความหวังกับแต่ละเพลงไว้สูงมาก จริง ๆ ก็อยากเขียนอีก แต่ยังไม่มีใครชวนไปเขียน แต่ก็เขียนในแฟนเพจอะไรอย่างนี้ครับ”

ทำมาทั้งเพลงของตัวเอง ทำเบื้องหลัง หนังสือก็เขียนมาแล้ว ยังมีอะไรที่อยากทำแล้วยังไม่มีโอกาสได้ทำบ้างมั้ย ?

“ทำหนัง เป็นงานศิลปะอีกแขนงที่ยังไม่เคยทำเลย ผมไม่มีความรู้ด้านนี้ มีแค่ความอยาก มีแค่พล็อตในหัวไว้ ถ้าวันนึงได้เจอคนที่พาผมไปได้ ผมก็จะไป”

แล้วจะหนังเศร้ามั้ย ?

“ไม่แน่นะ เพราะที่คิดไว้มันเป็นพล็อตตลก”

ฝากถึงคนที่อยากเป็นนักเล่าเรื่อง

“ถ้าใครอยากเป็นนักเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ผมว่าวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดคือการเป็นคนรักการอ่าน ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือเยอะ ๆ เป็นพื้นฐานข้อแรก สิ่งสำคัญลำดับต่อไปคือความรัก 

ถ้าเรามีความรักในสิ่งใดมากพอ ต่อให้อุปสรรคมันใหญ่แค่ไหน มันยากแค่ไหน เราก็จะไม่ทิ้งมันไป

ผมเห็นหลายคนที่อยากเป็นนักแต่งเพลง นักร้อง นักเขียน แล้วสุดท้ายเขาพ่ายแพ้ต่อความยาก ต่ออุปสรรค ผมเชื่อว่าอุปสรรคเหล่านั้นมันไม่ได้ยากเกินไป แต่เขารักสิ่งนั้นไม่มากพอ ถ้าเขารักมากพอเขาจะไม่มีทางเลิก”

ฝากผลงานช่วงนี้หน่อย

“ช่วงนี้จะมีผลงานออกมาเรื่อย ๆ ปีนี้มีเพลงนึง แต่ปีหน้าเนี่ยจะมีออกมาเยอะเลย จบที่การทำอัลบั้มเต็มของ Portrait แล้วก็รวบรวมข้อมูลทำคอนเสิร์ตใหญ่ มีอะไรให้ติดตามกันเยอะเลยครับ”

ฟังการเล่าเรื่องจากนักแต่งเพลงเศร้า มันไม่ได้ทำให้เราหดหู่ไปกับความผิดหวังเพียงอย่างเดียว แต่มันทำให้เราได้เรียนรู้ว่า สุดท้ายแล้วเราไม่อาจหลีกหนีความเศร้าได้ ตราบใดที่หัวใจเรายังหวังที่จะเจอกับความรักอยู่ การหนีความเศร้าจึงไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับความรู้สึก เพราะมันไม่ต่างอะไรจากการหนีจากความจริง แต่การเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันต่างหากจึงจะเป็นทางออกที่ทำให้เราเติบโตจนพร้อมจะก้าวต่อไปได้อย่างเข้มแข็งในสักวัน

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line