Business

MIGHTY PRIVATE DINING: ร้านอาหารไพรเวท 1 โต๊ะ ส่วนผสมของรสชาติและการใช้เวลาร่วมกันที่ลงตัว

By: anonymK June 22, 2018

“สุขุมวิท” ย่านใจกลางเมืองที่แน่นขนัดไปด้วยร้านรวงและผู้คน ทุกตารางนิ้วในย่านธุรกิจแห่งนี้มีราคาที่ประเมินค่าออกมาเป็นตัวเลขหลายหลัก ทว่ามุมหนึ่งของมหานครกลับมีร้านอาหาร Hidden Gems ให้หยุดเวลาภายใต้ร่มไม้เขียวซึมซับบรรยากาศสงบและการตกแต่งแบบ cozy เพื่อนั่งถ่ายทอดบทสนทนาระหว่างรับประทานอาหารรสเลิศอย่างรื่นรมย์ ไม่ต้องสนใจสายตาใคร โดยมีกฎน่าสนใจตรงที่ร้านนี้รับลูกค้าเพียง 2 รอบคือช่วงเวลามื้อเช้ากับมื้อเย็น และแต่ละรอบที่รับจอง เขารับจำกัดจำนวนคนไม่เกิน 12 คน เท่านั้น!

UNLOCKMEN ขอเชิญชวนคุณมาเปิดสุนทรียศาสตร์แห่งการกินที่ครบรสทั้งแรงบันดาลใจ แนวคิด แล้วปิดท้ายกันด้วยมื้ออร่อยให้อิ่มเอมชวนน้ำลายสอที่ร้าน “MIGHTY PRIVATE DINING” กับ คุณปัง – คงศักดิ์ ลิขิตจรรยากุล หนึ่งในหุ้นส่วนของร้าน

 

Having a crush!

ท่ามกลางกระแสของการกินหลากเมนูอย่าง Buffet ที่เพิ่มจำนวนขึ้น “Mighty Private Dining” กลับเลือกนำเสนอในสิ่งที่แตกต่างด้วยการต้อนรับลูกค้าให้เข้ามา “นั่งแช่” เพื่อลิ้มรสความอร่อยแทนที่วัฒนธรรมการกินแบบ “เก้าอี้ดนตรี” สุดเร่งรีบ แนวคิดต่างแบบนี้เกิดขึ้นจริงได้จากวันนั้น วันที่พี่ปังตัดสินใจทิ้งชีวิตแบบ nine-to-five มาหาความชื่นชอบของตัวเองระหว่างการขับรถกลับบ้านเท่านั้น

“สมัยก่อนพี่ก็เป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดาทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมธุรกิจเครื่องแก้ว วันหนึ่งพี่เดินทางกลับบ้านขับรถขึ้นสะพานแล้วมองไปทางซ้ายเห็น Le Cordon Bleu (เลอ กอร์ดอง เบลอ) ที่เพิ่งมาก่อตั้งที่เมืองไทย พอขับมาถึงบ้านก็คุยกับพ่อแม่ว่า เดี๋ยวขอลาออกนะ ไปเรียนทำอาหาร วันรุ่งขึ้นพี่ก็ขอไปลาออกกับเจ้านาย เท่านั้นแหละครับ มันเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางอาหารของพี่”

การตัดสินใจปุปปับมุทะลุชนิดที่ใครอาจจะมองว่าไม่คิดอย่างรอบคอบ แท้จริงเกิดขึ้นจากความหลงใหลในวัยเด็กที่ต้องลุกขึ้นมาทำกับข้าวเองเนื่องจากตื่นสายกว่าคนอื่นในบ้าน จนนำไปสู่ความชื่นชอบในการกินและนำเขาไปสู่การเรียนคอร์สระยะสั้น ประจวบกับเมื่อเรียนแล้วรู้ทันทีว่าใช่ มันก็ยิ่งชัดแบบที่พี่เขาตอบกับเรา “เราจะไม่กลับไปทำงานออฟฟิศละ ต้องทำงานเกี่ยวกับอาหารนี่แหละ ไม่ว่าจะเป็น consult หรือเจ้าของร้านอาหาร อะไรที่เกี่ยวกับร้านอาหาร ก็จะมุ่งมาทางนี้”

 

Private makes perfect.

“คอนเซ็ปต์ของร้านพี่มาจากการสังเกต ถ้าเราไปตามร้านอาหารดังในทองหล่อ ร้านเขามีห้อง private ที่เต็มเกือบทุกร้าน แต่โต๊ะธรรมดากลับไม่ค่อยมีใครนั่ง พี่ก็เลยมาคุยกับน้องที่เป็นหุ้นส่วนกันว่า เปิดร้านมั้ย ทำเป็นสไตล์นี้มั้ย เป็น Private Room ไปเลย ทำครัวเปิดให้ลูกค้าเห็นบรรยากาศในการทำอาหารแล้วให้ลูกค้ามีความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของร้านด้วย น้องก็โอเค”

สำหรับธุรกิจอาหาร หลายคนอาจคิดว่าเขาเป็นมือใหม่ที่ไม่ได้วางแผนก่อนลงมือทำ การลดจำนวนเสิร์ฟหมายถึงโอกาสทางธุรกิจที่ต้องเสียไป แต่พี่ปังพูดคำที่เราต้อง unlock ทัศนคติแบบเดิม ๆ เพราะการทำสิ่งที่เสี่ยงแท้จริงแล้วกลับไม่ได้เสี่ยงอย่างที่คิด

“ที่พี่กล้าเสี่ยงทำ private dining เพราะว่าพี่ไม่ต้อง stock ของ ร้านอาหารส่วนใหญ่ที่ล้มเพราะการควบคุมราคาและ stock ของเขาไม่ค่อยดี แต่เรามี routine schedule ทุกอาทิตย์ว่าเรามีลูกค้ากี่โต๊ะ แล้วเราค่อยสั่งเข้ามาทีเดียว ทำให้พอดีกับจำนวนลูกค้า ข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือเราไม่ต้องเสียค่าเช่าร้านหรืออาจจะเสียเพียงเล็กน้อยเพราะพื้นที่นี้เป็นของเรา มันเลยกลายเป็นจุดแข็งที่สำคัญที่จะทำ private dining”

นอกจากความ private ที่เกี่ยวกับอาหารแล้ว สิ่งที่เรามองข้ามไม่ได้คือการจัดร้านที่แบ่งสัดส่วนอย่างลงตัว 3 โซน ได้แก่ โซนแรกไว้เติมเต็มการนั่งสนทนาชื่อห้อง Maximus Five ห้องซิการ์ในฝันที่หนุ่ม ๆ อย่างเราไม่ควรพลาด ใครใคร่จะเอาซิการ์มาเองที่ร้านเขาก็ไม่ติด แต่ด้านในมีตู้ใส่ซิการ์ทองคำสุดแรร์พร้อมเครื่องดื่มที่เชิญชวนให้เราเข้าไป pairing พร้อมทิ้งตัวบนเฟอร์นิเจอร์หนัง สัมผัสนุ่มสบาย

ถัดมาโซนที่สองนับเป็นพระเอกของร้าน คือ โซน private dining กลางห้องเป็นโต๊ะยาว รายล้อมด้วยการตกแต่งสไตล์ Antique ตั้งแต่ไม้ปูพื้นจนถึงเครื่องเรือนล้วนมีประวัติทุกชิ้น เพราะเป็นของสะสมส่วนตัวที่นำเข้ามาจากที่ต่าง ๆ ทั้งทวีปยุโรปและเอเชีย ส่วนโซนสุดท้ายที่ยังคงอยู่ในระหว่างการก่อสร้างคือโซน Delivery and Catering มีไว้สำหรับจัดเลี้ยงแบบ outdoor ทำไว้เพื่อขยายมื้อความสุขที่มากกว่านอกสถานที่

 

ปรุง “สุข” Cool Cult(ure) ทั่วทุกเมนู

จุดเด่นสำคัญที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของร้านที่พี่ปังและหุ้นส่วนต้องการ จนอาจเรียกได้ว่าเป็น Agenda ของร้านนอกเหนือการปรุงอาหารให้คนอื่นกินแล้วทำให้มีความสุขมากขึ้น คือการปรุง “วัฒนธรรม” การกินให้เป็นมากกว่า rush hour ที่รีบกินรีบไป แทนที่ค่านิยมการกินแบบฉาบฉวยด้วยการใช้เวลาร่วมกัน เสพบทสนทนาดี ๆ ลึก ๆ เงยหน้าสบตากันในโลกแห่งความจริงแทนที่โลกเสมือนจากเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มคุณค่าและคุณภาพของอาหารในมื้อนั้น

ซึ่งเรื่องนี้พวกเราทีม UNLOCKMEN ทุกคนเห็นด้วยอย่างหมดใจ เพราะเราได้พิสูจน์กันมาแล้วในย่อหน้าท้าย ๆ ที่พวกคุณจะได้อ่านว่าอาหารอร่อย เวลาเหลือ ๆ กับความเป็นกันเองมันเหมือนการชาร์จประจุบวกเข้าร่างกายที่เหนื่อยล้ามาทั้งวันจริง ๆ

 

Taste of life

ไหน ๆ ก็เป็นทั้งเชฟและนักชิมแล้ว UNLOCKMEN เลยขอให้พี่เขาลองเปรียบเทียบชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองกับอาหารคอร์สใหญ่สักคอร์ส และนี่คือสิ่งที่เขาบอกกับเรา

“ถ้าให้เปรียบเทียบจาก Appetizer ของพี่น่าจะเป็นขม ๆ หน่อยอย่าง Quinoa Salad ขมแต่มีประโยชน์เพราะว่าเราผ่านประสบการณ์ส่วนที่แย่ ๆ มาเพื่อที่จะเอามาพัฒนาตัวเอง Main Course ก็น่าจะเป็นปลา เบา ๆ ส่วน ส่วน Dessert ก็ต้องเป็นพวก crème brûlée lemon หวาน ๆ อมเปรี้ยว เพราะว่าชีวิตหลังจากนี้มันก็ต้องมีอะไรที่ไม่ได้หวานเสมอไป ก็ต้องเปรี้ยวบ้าง”

ด้านอนาคตเมื่อเราถามว่าอยากปลดล็อกเรื่องไหนต่อ พี่ปังทิ้งท้ายคำตอบไว้อย่างเฉียบคมและน่านับถือว่า

“พี่ไม่ค่อยจะมองไปทางด้านของอนาคตสักเท่าไหร่ เพราะคติพี่คือทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นพี่ก็ต้องทำร้านนี้ให้ดีที่สุดก่อน พอทำร้านนี้ให้ดีที่สุดแล้วค่อยไป Step 2 และก็กระโดดไปเรื่อย ๆ เป็นการวางแผนระยะสั้นที่มั่นคง

เสริมหน่อยนะครับ คนอื่นชอบมองว่าพี่เป็น Chef แต่พี่ไม่อยากใช้คำนั้น เพราะว่าพี่ก็แค่เรียน เลอ กอร์ดอง เบลอ มาประสบการณ์พี่ก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นถ้าให้เรียกพี่ว่า Chef พี่เองคงไม่กล้าเรียกตัวเองว่า Chef ถ้าให้พูดคือทีมพี่เหมือนไวน์แดงที่บ่มมาอย่างดี แต่ไม่รู้ว่าจะออกมา Present กับลูกค้ายังไง

ส่วนพี่เหมือนเป็นแก้วไวน์ซะมากกว่า เป็นตัวกลางส่งไวน์แดงชั้นดีให้ลูกค้า เพราะฉะนั้นพี่จะไม่รับ Credit นี้ไว้คนเดียวพี่ขอยกให้ลูกทีมของพี่ดีกว่าครับ”

 

UNLOCKMEN’s Dinner

เยือน Mighty Private Dining ถึงถิ่น ทางทีมงาน UNLOCKMEN ย่อมไม่พลาดจอง Dinner สัมผัสความสุขฉบับ TGIF ร่วมกัน มื้อพิเศษของเราเย็นนี้เราเลือกมาทั้งหมด 5 คอร์ส บอกเลยว่าระหว่างเล่าไปประสาทสัมผัสเราก็โดนกระตุ้นด้วยกลิ่นหอมชวนให้ต่อมน้ำลายทำงานไปด้วย

เริ่มต้นจานแรกด้วย Smoked Scallop, Green pea mousse, parsnip foam with curry oil หอย Scallop ชิ้นใหญ่จี่กับกระทะเรียกความฉ่ำรสชาติหวานเต็มคำ วางบนมูสถั่วลันเตาและโฟมพาร์สนิป ด้านบนหยดน้ำมันแกงกะหรี่สองสามหยดเรียกกลิ่นเครื่องเทศบาง ๆ ไม่ฉุนจนเกินไป ความนุ่มสู้ฟันของ Scallop เข้ากันดีกับเนื้อมูสและโฟมที่เสริมความอร่อยให้ลึกแต่ไม่รู้สึกเลี่ยน ผนวกกับกลิ่นหอมที่ฟุ้งเต็มคำจากการรมควันยิ่งกระตุ้นต่อมเจริญอาหารให้ตักเข้าปากเคี้ยวคำต่อคำจนหมดไม่มีเหลือ

ถัดมาคือ Cappucino mushroom soup with mushroom madeleines เมนูนี้แค่วางบนโต๊ะก็ต้องยกนิ้วให้กับความครีเอตที่จับซุปเห็ดมาเสิร์ฟในรูปแบบคาปูชิโนใส่แก้ว บนจานด้านข้างแก้วเป็นขนมอบ madeleines ที่มีเห็ดเป็นส่วนผสม เนื้อขนมไม่แห้งร่วนแต่นุ่มหอมกำลังดีเข้ากับตัวซุปที่ส่งกลิ่นหอมของพริกไทเคล้าและเห็ด รสชาติออกเผ็ดติดปลายลิ้นน้อย ๆ ในอุณหภูมิอุ่นพอดีเป็นการวอร์มให้พร้อมรับเมนูต่อไป

Ravioli seasonal mushrooms stuffing with porcini cream source พาสต้าแป้งราวิโอลีประกบแบบเกี๊ยวด้านในเป็นเห็ดตามฤดูกาลราดด้วยครีมซอสเห็ดพาร์ชินี่ แป้งนุ่มเต็มคำพร้อมไส้เข้ากันได้ดีกับซอสและ texture ด้านบนช่วยให้กินสนุกยิ่งขึ้น

Chicken roulade with sautee Brussel sprouts, crispy chicken skin with tarragon mustard sauce เนื้อไก่ต่างส่วนนำมาม้วนแน่นเสิร์ฟกับกระหล่ำดาวทอดขลุกขลิก แนมด้วยหนังไก่กรอบเคี้ยวกรุบราดซอสมัสตาร์ดกับเครื่องเทศทารากอน นับจากจานแรกมาถึงจานนี้บอกได้เลยว่าเราเริ่มรู้สึกอิ่มพอดีแล้ว แต่ก็ยังพร้อมปิดท้ายด้วยเมนูของหวานที่รอคอย

Passionfruit crud, coconut crumble with deep-fried sweet pasty เคิร์ดเสาวรสกับครัมเบิลมะพร้าวด้านบนเป็นเพสทรีกรอบแผ่นบางโรยไอซ์ซิ่ง จัดเป็นของหวานเสริมความสดชื่นที่สุดยอดต่อจากมื้อหลักได้อย่างพอดิบพอดี เพราะมีรสชาติเปรี้ยวของเสาวรสตัดกับความหอมหวานของครัมเบิลมะพร้าวเข้ากันกับแป้งเพสทรีที่โรยไว้ด้านบน

สำหรับใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์ fine dining ส่วนตัวสุด ๆ อย่างนี้สักครั้งในชีวิต บอกเลยว่าราคาไม่แพงเพราะเขานับราคาตามคอร์ส ห้อง private dining ทั้ง 2 รอบที่จุได้สูงสุด 14 คนแต่ไม่ต้องเต็ม 14 ก็มาได้เพราะขั้นต่ำแต่ละรอบที่ทางร้านรับคือ 4 คน ส่วนห้องซิการ์ไม่มีขั้นต่ำ การจองต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 วันนะจะได้ไม่หลุดคิวและกินของอร่อยสมใจ หรือถ้าอยากมีรีเควสท์เพิ่มนอกจากเมนูที่ทางร้านมีให้เลือกร้านเขาก็ทำให้ได้เพียงแจ้งให้รู้พร้อมการจองจะได้หาวัตถุดิบได้ทัน อ้อ! แล้วก็ไม่ต้องกลัวเรื่องไม่มีที่จอดรถตอนมาด้วย เพราะเขามีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอต่อการจอดของพวกเราอย่างแน่นอน

สอบถามรายละเอียดหรือจองได้ผ่าน 2 ช่องทาง ได้แก่ โทรศัพท์ English : 091-886-9666 /Thai : 084-161-6496 หรือทาง website: www.mightyprivatedining.com

 

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line