FASHION

เสื้อจะสวยไม่สวยอยู่ที่ไม้แขวนเสื้อ เมื่อ Highsnobiety มาช้อปปิ้งของก๊อปที่เมืองไทย

By: Thada November 15, 2016

เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ เราจะไม่ทำในเรื่องผิดศีลธรรม คือสิ่งที่ถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็กจนแก่ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าประเทศเรา เป็นคนประเภทปากว่าตาขยิบ พูดอย่างทำอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องห้ามค้าประเวณีในอาบ อบ นวด หรือสนามมวยห้ามเล่นการพนัน และอีกเรื่องที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยไปแล้ว คือ การลักลอบขายสินค้าที่ไม่ถูกลิขสิทธิ์กันอย่างโจ๋งครึ่ม ซึ่งเป็นภาพจำให้กับชาวต่างชาติที่มีต่อเมืองไทย จนเมื่อปี 2015 CNN ได้มีการตีพิมพ์ “The Secret Life of Thailand’s Counterfeiters” ที่นำเสนอว่าเมืองไทยเป็นแหล่งทองคำสำหรับจับจ่ายใช้สอย ซื้อสินค้าปลอม

161115-highnobiety-14

เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนในกรุงเทพฯ คุณจะได้เจอกับตลาดแผงลอยริมถนนนับไม่ถ้วน ที่วางจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ แม้กระทั่งบนห้างสรรพสินค้าชื่อดังก็ยังมี และสิ่งที่ทำให้ชาวต่างชาติยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก คือคนขายประกาศกร้าวชัดเจนแบบไม่เกรงกลัวว่า สินค้าที่ขายเป็นของเกรด Mirror เทียบเคียงแท้ แต่ไม่ใช่ของแท้ พอถามนี่ของปลอมหรือเปล่า คนขายจะตอบกลับทันทีว่าไม่ใช่ของปลอม ( งง ใช่ไหมละครับ )

161115-highnobiety-15

พอเข้าไปดูใกล้ๆ จะยิ่งพบความตกใจว่า รายละเอียดของตัวสินค้าผิดลิขสิทธิ์ มีให้เลือกหลากหลายประเภท ตั้งแต่เกรดต่ำสุด ที่ตะเข็บบิดเบี้ยว ตัวอักษรสะกดผิด คุณภาพสินค้าแย่อย่างไม่น่าให้อภัย หรือจะเป็นสินค้าที่เกรดสูง หรือ Mirror เกรด ก็จะพบว่ามันเหมือนกับของแท้อย่างน่าประหลาดใจ จะมีเพียงดีเทล ฮาร์ดแวร์เล็กน้อยที่ต่างกันออกไป หากเป็นคนที่ไม่ได้มีความรู้ ความชำนาญ อาจจะโดนหลอกขายเอาได้ง่ายๆ

ภาพลักษณ์ของประเทศไทยต่อการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นโดยเฉพาะปี 2015 กรมศุลกากรไทยสามารถดำเนินการจับกุมได้กว่า 847 ราย ถือว่าเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้านี้ ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าของกองที่ยึดได้มีประมาณ 170.8 ล้านบาท แม้รัฐบาลไทย และต่างชาติ รวมถึงองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องได้ ร่วมมือกันเพื่อต่อต้านการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และปลอมแปลงสินค้า แต่ก็เหมือนจะไม่สามารถจัดการได้เลย บางครั้งสินค้ายังไม่ทันวางขายในช้อปเสียด้วยซ้ำ ร้านค้าเหล่านี้กับนำมาก๊อปวางขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เป็นเรื่องยากมากที่จะจัดการกับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ให้หมดไป เพราะพ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้าเหล่านี้เป็นแค่เพียงปลายทาง ที่รับสินค้าต่อมาอีกทอดหนึ่ง พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนทำเพื่อเลี้ยงชีพของตัวเองเท่านั้น หากจะสืบสาวราวเรื่องไปจนถึงต้นตอ คุณจะต้องพบกับองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มนายทุน ผู้มีอำนาจ ดูแลกิจการนี้อยู่ ทำให้เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกวาดล้างให้หมดไป

161115-highnobiety-16

หากไม่มีคนซื้อก็จะไม่มีคนขาย ด้วยอุปลักษณ์ของพวกเราคนไทยเอง ที่ไม่ได้ถูกปลูกฝังจิตสำนึกในเรื่องเคารพทรัพย์สินทางปัญญาของคนอื่นเป็นทุนเดิมแล้ว ทำให้บางครั้งอาจจะละเลยในส่วนนี้ และไปอุดหนุนโดยไม่คิดไตร่ตรอง เอาตามความง่าย สะดวก เป็นที่ตั้ง แต่ก็ไม่ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้น ชาวต่างชาติเองยังเข้ามาเป็นผู้บริโภคด้วยเช่นกัน เนื่องจากเป็นความอยากรู้อยากเห็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เพราะในต่างประเทศสินค้าเหล่านี้ไม่มีวางแผงขายตามถนนเหมือนบ้านเรา ซึ่งมาจากข้อกฎหมายที่มีบทลงโทษที่รุนแรง

แม้ว่าจุดประสงค์ในการเดินทางมาประเทศไทยของชาวต่างชาติส่วนใหญ่จะรับรู้อยู่แล้วว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพต่ำ สินค้าปกติก็มีราคาถูกกว่าประเทศพวกเขาอยู่แล้ว แต่ก็เป็นความอยากรู้อยากลอง ดังเช่น นาย Stephanie Smith Strickland นักเขียนจากเว็ปไซต์ Highsnobiety ที่พวกเขาเดินทางมาช้อปปิ้ง และท่องเที่ยว ตามหาสินค้า Streetwear จนมาพบกับประสบการณ์ตรงของสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทย จึงได้นำมาถ่ายทอดต่อในครั้งนี้

นาย Stephanie Smith Strickland เล่าว่าเขาต้องการมาเดิน ตลาดนัดจตุจักร ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้ง Outdoor ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมามากที่สุดในประเทศไทย เปิดตั้งแต่ 9 โมงเช้าจนถึง 6 โมงเย็น วันเสาร์ – อาทิตย์ แต่เนื่องจากเขาเคยเดินทางมาแล้วรอบหนึ่ง ซึ่งหากคุณไม่ได้มีจุดมุ่งหมายปลายทาง อาจจะงงงวย หลงทาง เสียเวลาให้กับการเดินที่ตลาดแห่งนี้ก็เป็นได้ บวกกับเขามาเมืองไทยในช่วงต้นสัปดาห์ที่ตลาดจตุจักรไม่ได้เปิด ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกเสี่ยงดวงไปเดินตลาดนัดตอนกลางคืนอีกแห่งหนึ่ง คือ ตลาดรถไฟรัชดา

161115-highnobiety-13

ตลาดรถไฟรัชดา เป็นตลาดตอนกลางคืนที่เปิดตั้งแต่วัน พฤหัส ถึง อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็นจนไปถึงตี 1 เปิดทำการมาตั้งแต่ปี 2013 แต่เดิมตลาดแห่งนี้จะอยู่ติดกับตลาดจตุจักร เป็นตลาดที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นอย่างมาก หลังจากมีการเวนที่คืนจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ทำให้ต้องย้ายเพื่อมาอยู่ที่แห่งใหม่ มีการปรับปรุงทัศนียภาพให้ใหญ่โตน่าเดินมาขึ้น เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ พวกเขาได้รับรู้มาว่า ตลาดรถไฟรัชดาเป็นแหล่งรวมสินค้าวินเทจขนาดใหญ่มีนักสะสมมากมาย รวมตัวกันอยู่ที่นั่น ทำให้พวกเขาคิดว่า ไม่แน่บางทีอาจได้เจอกับไอเทมเจ๋งๆ กลับบ้านไป

161115-highnobiety-12

แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เพราะพวกเขาต้องมาพบกับสินค้าที่แสนจะครีเอทีฟ และเซอร์ไพรส์มากกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นลวดลายที่ไม่สมจริงของ Adidas Yeezy 350 หรือจะเป็นเสื้อ OFF-WHITE ที่ Virgil Abloh ไม่เคยได้ออกแบบ และกระเป๋าสะพายข้าง เสื้อยืดแขนยาวของ Supreme หากซื้อของพวกนี้ที่เป็น Authentic อาจจะต้องสูญเสียเงินมากมายหลายหมื่น แต่พวกเขาจ่ายแบบไม่สะเทือนกระเป๋าตังด้วยจำนวนเงินเพียง $50 ( 1,770 บาท ) ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจแต่อย่างใด กลับมองว่าเป็นเรื่องแปลกตา แถมมองว่าสวยไปอีกแบบเสียอีก

161115-highnobiety-9

Yeezy Boost ราคา 650 บาท ( $19 )

161115-highnobiety-11

Supreme Fanny Pack ราคา 190 บาท ( $5 )

161115-highnobiety-7

OFF-WHITE ราคา 200 บาท ( $ 6 )

161115-highnobiety-10

Supreme Nuggests Homage Shirt ราคา 300 ( $9 )

จากนั้นพวกเขาก็เอามาถ่ายแฟชั่นเซ็ตเสื้อผ้าที่ได้จากเมืองไทยในครั้งนี้กันอย่างสนุกสนาน ซึ่งพอเราดูรูปที่พวกเขาถ่ายออกมาแล้วทำให้เข้าใจสัจธรรมในโลกข้อหนึ่งที่ว่า เสื้อผ้าจะดีไม่ดีอยู่ที่ไม้แขวนเสื้อ เสื้อผ้าเหล่านี้คือ Bootleg ของปลอม หากอยู่บนตัวใครบางคน คงเหมารวมว่าเป็นของปลอมอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้พวกเขาจะใส่ของแท้ แต่กลับกันพอสินค้าเหล่านี้อยู่บนตัวของนายแบบ Highsnobiety เราแทบจะไม่สนใจในข้อเท็จเลยว่า มันเป็นของปลอม หากพวกเขาไม่เฉลยตั้งแต่ต้นเรื่อง

161115-highnobiety-1

161115-highnobiety-6

161115-highnobiety-5

ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ไม่ได้สนับสนุนให้คนไปใช้ของละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใด หากเรามีกำลังแค่ไหนก็ซื้อแค่นั้น เพราะในตลาดได้มีการแบ่งแยกแบรนด์สินค้าตามกำลังความสามารถของผู้บริโภคไว้อยู่แล้ว อย่าไปวิ่งตามกระแสเทรนด์โลกเพราะคุณเองจะเป็นคนที่เหนื่อย หากไม่มีกำลังทุนทรัพย์มากพอ อย่าไปใส่ของปลอมเลย นอกจากจะรู้สึกไม่สบายใจแล้ว ยังเป็นการกระทำผิดกฎหมายอีกด้วย และเมื่อไม่มีผู้บริโภคสินค้าปลอม ผู้ผลิตก็ไม่สามารถที่จะผลิตสินค้าออกมาได้ เพราะไม่รู้ว่าจะทำไปขายให้กับใคร

161115-highnobiety-17

 

ที่มา Highsnobiety 

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line