Entertainment

หนุ่มเบื่อโลกใน FIGHT CLUB จนถึง BIRDMAN: EDWARD NORTON ผู้รักการแสดงตั้งแต่จำความได้

By: unlockmen March 19, 2019

กฎข้อแรกของแฟนหนังไฟต์คลับ คือ ต้องจำหนุ่มออฟฟิศหน้าตาซื่อบื้อได้ ชีวิตเฮงซวยกับหน้าตาเบื่อโลก ทำให้บทของเขาในเรื่องนี้เป็นที่จดจำ หรือจะเป็นพี่ชายตัวแสบหัวรุนแรงใน American History X กับคาแรกเตอร์ Neo-Nazi ที่แสนจะติดตา และอีกหลายเรื่องที่การแสดงของเขาโดดเด่นจนทำให้เราเชื่อว่าเขาเป็นตัวละครนั้นจริง ๆ 

แค่สองเรื่องที่พูดถึงมา คงไม่มีใครกังขาในความสามารถของเขา เราจะพามาสำรวจชีวิตเบื้องหลังจอเงิน อะไรที่ผลักดันให้เขาสวมบทบาทได้เหมือนสวมวิญญาณเข้าไปขนาดนี้

THE GREAT NORTON

ปฐมบทของการแสดง เริ่มต้นจากภาพยนตร์เรื่อง Primal Fear (1996) ฝีมือการกำกับของ Gregory Hoblit ช่วงเริ่มโปรเจ็กต์ เขามองหานักแสดงวัยละอ่อนที่จะมาประกบคู่กับ Richard Gere ในตอนแรกบทนี้ถูกเสนอให้กับ Leonardo DiCaprio แต่เป็นอันล้มเลิกไป เลยเป็นอันต้องพักกอง รอจนกว่าจะเจอดวงดาวที่ใช่ จนกระทั่งมาพบกับ Edward ในรอบออดิชั่นที่เอาชนะคู่แข่งอีกนับพันคนไปได้แบบลอยตัว และความเจิดจรัสของเขาไม่หยุดอยู่แค่รอบออดิชั่น ฝีมือการแสดงส่งผลให้เขาได้เข้าชิงออสการ์สาขา Best Supporting Actor กันตั้งแต่ผลงานเรื่องแรก

เพียงสองปีต่อมา Edward ได้แจ้งเกิดแบบพลุแตกกับบทบาท Neo-Nazi ตัวจี๊ดแห่ง American History X (1998) ที่ตีบทแตกจนคนดูเชื่อว่า Edward ทั้งสอง (Edward Norton และ Edward Furlong) เป็นพี่น้องกันจริง ๆ ทั้งความเชือดเฉือนอารมณ์ของบทและการแสดงที่เฉียบคมไม่แพ้กัน ทำให้เขาเข้าชิงออสการ์สาขาเดิมอีกครั้งในเรื่องนี้

ผลงานจากผู้กำกับฟิล์มนัวร์ David Fincher อย่าง Fight Club (1999) ถ้าไม่พูดถึงเรื่องนี้คนอ่านคงจะต้องโกรธอยู่ในใจแน่นอน เพราะทุกคนคงตรึงตาตรึงใจกับ Edward ที่รับบทบาทหนุ่มออฟฟิศเบื่อโลก ผู้ลุกขึ้นมาแหกค่านิยมและสายตาคนรอบข้างที่ค้ำคอเขาไว้มานาน เพื่อให้พลังข้างในของเขาได้ลุกโชนออกมา ประกบคู่กับเพื่อนรักในชีวิตจริงอย่าง Brad Pitt 

เรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงบทบาทการแสดงของทั้งคู่เท่านั้นที่เฉิดฉาย ตัวภาพยนตร์เองกลายเป็นภาพยนตร์แห่งยุคไปเลย

หลังจากนั้นเราได้เห็นหน้าค่าตาของ Edward ในฐานะนักแสดงแนวหน้ากันแบบไม่ขาดสายในภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ ถ้าจะให้ไล่เรียงกันทั้งหมดคงยาวจนพันรอบโลกได้สองรอบ เลยอยากชวนหนุ่ม ๆ มาสำรวจ Attitude เจ๋ง ๆ ของเขาที่คอยผลักดันให้ส่งการแสดงอันยอดเยี่ยมสู่สายตาคนดูได้เสมอ 

THE GREAT ACTOR

ความหลงใหลในการแสดงของเขาเริ่มต้นขึ้นไวกว่าที่ใครคาดเดาไว้ ห้าขวบ คือครั้งแรกที่เขาได้ดูละครเวทีกับครอบครัวและมอบความฝันไว้กับการแสดง เขาเติบโตขึ้นมาพร้อมกับการนั่งดูหนังข้างพ่อบนโซฟาในวันหยุดจนถึงช่วงวัยรุ่น ต้องขอบคุณครอบครัวที่ให้การสนับสนุนเขาในเรื่องนี้มาตลอด ทั้งการเรียนการแสดงตั้งแต่เด็ก ภาษาที่สาม และอะไรก็ตามที่เชื่อว่าจะผลักดันเขาให้ไปสู่ความฝันได้

ในทุกการสัมภาษณ์กับสื่อ ถึงมุมมองต่อการแสดง เขามักจะเล่าไปถึงตอนที่เขายังเป็นเด็กเสมอ เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นการเดินทาง และวิธีที่ทำให้เขาเดินบนเส้นทางมาได้ไกลและมั่นคงคือการบาลานซ์ระหว่างการแสดงและความเป็นธรรมชาติของตัวเอง นั่นหมายถึง การแสดงที่มองเป็นอาชีพทำให้เราเหนื่อยล้า แต่ถ้าการแสดงนั้นมันคือธรรมชาติของเรา มันจะกลายเป็นเรื่องสนุกแทนความเหน็ดเหนื่อยทั้งหมดที่มี

“The cerebral part of acting and the perfectionism can be exhausting, but the spontaneity can be very joyful. So it’s about managing these two sides of the experience. But yes it’s fun.”

อีกสิ่งที่สำคัญต่อการรักษาชื่อเสียงในวงการ คือการไม่เปิดเผยชีวิตส่วนตัวของตัวเองมากเกินไป เพราะเขารู้สึกแย่ถ้าหากต้องคอยปั้นภาพลักษณ์ให้แฟน ๆ เชื่อว่านี่คือตัวตนจริง ๆ ของเขาที่แสนดีและเพอร์เฟ็กต์ พอเริ่มทำครั้งหนึ่งแล้วก็ต้องทำไปตลอดจนไม่อาจมีชีวิตที่ตัวเองอยากมีได้จริง ๆ

ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟน Edward มาเนิ่นนาน รู้จักเขาจากภาพยนตร์เรื่องดัง หรือเพิ่งรู้จักในตอนนี้ก็ตาม เราอยากจะชวนคุณมากดูภาพยนตร์ 5 เรื่องที่นำแสดงโดย Edward Norton คนนี้ ไม่ใช่การจัดอันดับหนังดี หนังเจ๋ง แต่เป็นเรื่องที่เราอยากแลกเปลี่ยนกับทุกคนเท่านั้น

Primal Fear (1996)

Director: Gregory Hoblit

ยังไงก็คงขาดเรื่องนี้ไปเสียไม่ได้ Edward ในบทของ Aaron หนุ่มติ๋มที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมบาทหลวง บุคลิกภายนอกของเขา ชวนให้รู้สึกว่าไม่มีเหตุจูงใจในการลงมือแม้แต่น้อย Martin Vail (Richard Gere) ทนายผู้เสนอตัวมาว่าความให้ Aaron ก็เชื่อว่าเจ้าหนุ่มหน้าหงอยคนนี้จะไปเป็นคนโหดเหี้ยมได้ยังไง แต่เมื่อยิ่งสาวเรื่องราวลึกลงไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งค้นพบความไม่ชอบมาพากลที่นำไปสู่เรื่องราวชวนกุมขมับมากขึ้นเรื่อย ๆ

แค่นักแสดงนำอย่าง Edward Norton และ Richard Gere ก็เชื้อเชิญให้เราเลือกเรื่องนี้ขึ้นมาดูอย่างไม่เสียดายเวลาแล้ว แต่พอได้ดูจริง ๆ มันคือหนัง Thriller สืบสวนน้ำดี ที่ยังอยากให้เป็นที่รู้จักมากกว่านี้ เพื่อให้สมกับความคมคายของบทและการแสดง

American History X (1998)

Director: Tony Kaye

ภาพยนตร์ที่สะท้อนชีวิตวัยรุ่น จิกกัดสังคมอันบิดเบี้ยว เรื่องราวของสองพี่น้อง Derek Vinyard (Edward Norton) และ Danny Vinyard (Edward Furlong) ที่มีแนวคิด Neo-Nazi ฝังหัว จนลุกขึ้นไปทำอะไรห่าม ๆ ทว่าภายใต้สังคมที่แสนกว้างใหญ่ ทำให้พวกเขาไม่ได้เก่งกล้าเสมอไปอย่างในโลกที่มีเพียงสองพี่น้อง Derek พี่ชายที่เป็นเหมือนไอดอล เป็นแบบอย่าง ให้กับน้องชาย ต้องเข้าซังเตไปเพราะความคิดที่เป็นพิษของเขาเอง เมื่อได้รับบทเรียนจากในสังคมจริง Derek จึงต้องออกมาแก้ไขทุกอย่างที่เคยปลูกฝังให้ Danny เสียใหม่ เพื่อไม่ให้ Danny ต้องมีชีวิตแบบเขา

การแสดงของ Edward ทั้งสองในเรื่องนี้ คือสิ่งที่เราไม่อยากให้ทุกคนพลาดไปแม้แต่นาทีเดียว

Everyone Says I Love You (1996)

Director: Woody Allen 

หาดูยากเสียหน่อย แต่ถ้ามีโอกาสก็ไม่อยากให้พลาด โดยเฉพาะใครที่รักในภาพยนตร์แสนคมคายของ Woody Allen ผู้กำกับมือฉมังผู้ไม่เคยทำเราผิดหวัง รวมทั้งเรื่องนี้ที่เป็น Musical ใช่แล้ว Musical ที่มีการร้องเล่นเต้นรำ ดูไม่น่าใช่ทางของ Woody Allen เลยสักนิด แต่เขาทำมันออกมาได้ดีเสียด้วย เรื่องราวรักวุ่น ๆ ในเมืองสุดแสนโรแมนติกอย่างปารีส เวนิสและมหานครนิวยอร์ก ผ่านการเล่าเรื่องราวของนักแสดงตัวเบอร์ใหญ่อย่าง Edward Norton, Julia Roberts, Drew Barrymore และตัวเขาเองที่โผล่มาวาดลวดลายการแสดงในเรื่องนี้ด้วย

The Grand Budapest Hotel (2014)

Director: Wes Anderson

ภาพยนตร์เบาสมองจาก Wes Anderson มาพร้อมกับภาพแสนสบายตาและ Position ที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เรื่องนี้เป็นที่จดจำได้ง่ายกันตั้งแต่โปสเตอร์ เรื่องราววุ่น ๆ ใน GRAND BUDAPEST HOTEL ที่มีเรื่องราวสนุก ตื่นเต้น ผจญภัย ให้เราได้ลุ้น ติดตาม แต่ไม่ชวนให้เครียดหรือปวดหัวเลยสักนิด Edward Norton ในบทเจ้าหน้าที่ Henckels ลื่นไหลไปกับเรื่องได้ดีไม่แพ้นักแสดงคนอื่น

ที่แนะนำเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เพราะเป็นหนังคะแนนสูงลิบจากนักวิจารณ์เท่านั้น แต่ยังเป็นหนังที่ทำให้เราได้เห็น Norton ในบทบาทที่แตกต่างจากเรื่องอื่นที่เคยแสดงมา

Birdman (2014)

Director: Alejandro G. Iñárritu

เรื่องราวสะท้อนวงการมายาได้แบบเจ็บแสบ Riggan (Michael Keaton) อดีตดาราดาวรุ่งภายใต้บทฮีโร่อย่าง Birdman ที่เคยฉายแสงเจิดจรัสจนไม่อาจยอมรับว่าตอนนี้ไม่ใช่ยุคของเขาอีกแล้ว แสงจากดาวดวงนั้นริบหรี่ลงแต่ยังไม่ดับไป ด้วยอีโก้ที่ล้นทะลักผลักดันให้เขากลับมาแย่งชิงพื้นที่ในวงการอีกครั้ง ในฐานะผู้กำกับและนักแสดงละครเวที

เรื่องราวทั้งหมดไม่ได้โฟกัสไปที่ Riggan คนเดียวเท่านั้น ยังมีนักแสดงคนอื่นที่เข้ามาปล่อยพลังการแสดงแบบเต็มข้อ ไม่ว่าจะเป็น Edward เอง Emma Stone และ Zach Galifianakis ในหลากหลายบทบาทสุดวายป่วง ที่แต่ละคนต่างมีเรื่องชวนหัวของตัวเองกันทั้งนั้น

ความรักในการแสดงที่ Edward ค้นพบมันตั้งแต่ช่วงสิบปีแรกของชีวิต ผลักดันให้เขาเดินไปบนเส้นทางที่ตัวเองรักอย่างไม่ย่อท้อ ด้วยการสนับสนุนจากคนรอบข้างและความพยายามของตัวเอง ทำให้เขายืนหยัดอยู่ในวงการนี้อย่างที่ไม่มีข้อครหาในความสามารถแม้แต่น้อย

Source: 123

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line