

Business
CASE STUDY: ELON MUSK ร่างเกรียน 1 TWEET เสียหาย 1200 ล้านบาท ออกจากงาน 3 ปี
By: Chaipohn September 30, 2018 122607
ในบ้านเรา การพิมพ์อะไรมั่ว ๆ บนโลกออนไลน์ถือเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยซีเรียสเท่าไหร่นัก แต่สำหรับในต่างประเทศที่ซีเรียสในเรื่องผลกระทบจากการ Post อะไรมั่ว ๆ นั้นถือว่าจริงจังและรุนแรงมาก ไม่มีตัวอย่างไหนจะอธิบายความอันตรายของ Social Media ได้ดีเท่ากรณีของ Elon Musk แล้ว หลังโดนลงดาบจาก Securities and Exchange Commission (SEC) ปรับเงินจำนวนมากถึง $20,000,000 (660 ล้านบาท) และลาออกจากการเป็น Chairman ในบอร์ดบริหาร Tesla เป็นเวลา 3 ปี ทั้งหมดเป็นผลพวงจากการ Tweet แบบไม่คิดหน้าหลังเพียงครั้งเดียว
ชื่อของ Elon Musk น่าจะถูกนำไปใช้เป็นตัวอย่างกรณีศึกษาด้าน Management Study ได้ดีมาก ในมุมนึง Musk เป็นเหมือนซูเปอร์ฮีโร่ราวกับ Tony Stark ในขบวนการ Marvel ที่ทั้งกล้าหาญและหัวสมองอัจฉริยะสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา แต่อีกมุมนึง Musk มีความเป็นตัวแสบเกรียนคล้ายนักเลงคีย์บอร์ด ทำเรื่องเล็ก ๆ ให้เป็นเรื่องใหญ่จนเฉียดขึ้นโรงขึ้นศาลหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นกรณี Vern Unsworth นักดำน้ำที่ช่วยเด็กติดถ้ำหลวง โดยทั้งคู่แซะกันไปแซะกันมา จน Musk ลั่น Tweet เรียก Unsworth ฮีโร่ในขณะนั้นว่า “Paedophile” หรือพวกชอบมี Sex กับเด็กน้อย นำไปสู่การฟ้องร้องอีก 1 คดี ซึ่งค่าเสียหายคดีนี้อาจจะไม่เยอะมาก แต่ถ้าถูกศาลตัดสินว่าผิด อาจจะกระทบความเชื่อมั่นของนักลงทุนและราคาหุ้นของ Tesla ได้
สำหรับ Tweet ล่าสุดที่ Musk ดูกลายเป็นเด็กมีปัญหา คือเรื่องการ Tweet เอาฮาว่าจะดึง Tesla ออกจากตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq โดยซื้อหุ้นคืนจากนักลงทุนที่ราคา $420 ซึ่งเป็นตัวเลขจากเวลาดูดกัญชาสากล 4:20 แม้จะเป็นการโพสเล่น ๆ เพื่อเอาใจแฟนสาว Claire Elise Boucher แต่ Musk อาจจะลืมไปว่าทุกคำพูดของเค้ามีผลกับผู้ติดตามจำนวนกว่า 22.3 ล้านคน รวมถึงนักลงทุนและราคาหุ้นเสมอ
แน่นอนว่าช่วงนั้นราคาหุ้น Tesla ผันผวนอย่างหนัก มี Volumn การซื้อขายหนาแน่น ซึ่ง SEC ไม่ขำด้วย และมองว่าเป็นการให้ข้อมูลต่อผู้ถือหุ้นโดยไม่เป็นความจริงเพื่อปั่นหุ้น และเป็นการให้ข้อมูลที่ไม่ได้ผ่านการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ Nasdaq ไว้ก่อน แม้ Musk จะบอกว่าตัวเลข $420 เป็นตัวเลขที่ผ่านการคำนวณมาแล้ว โดยให้ Premium 20% จากราคาหุ้นที่ปิดก่อนหน้า จะได้ราคาหุ้นซื้อคืนที่ $419 ซึ่ง Musk บอกว่าแถมให้อีกหุ้นละ $1 เพื่อให้เลขเป็น 420 ซึ่งเป็นตัวเลขที่เจ๋งสำหรับวัฒนธรรมกัญชาและทำให้แฟนฮาได้ด้วย แต่ทันทีที่ SEC ยื่นฟ้อง Musk ราคาหุ้น Tesla ร่วงทันที 14% แถมยังร่วงอีกระลอกหลังคลิป Musk ดูดกัญญาระหว่างการ Interview Podcast ถูกเปิดเผย พร้อมกับการลาออกของ Chief Accounting Officer, Dave Morton ลาออกในเวลาเดียวกัน
เมื่อวันที่ 28 กันยายน มีข่าวการฟ้องคดีจาก Tweet ที่ทำราคาหุ้น Tesla ปั่นป่วน โดย SEC ฟ้องเรียกค่าเสียหาย โดยเสมอดีลให้เบื้องต้นว่า Elon Musk ต้องลาออกจากตำแหน่ง Chairman เป็นเวลา 2 ปี มีผลใน 45 วัน และจ่ายค่าปรับ $10,000,000 เพื่อชดเชยความเสียหายให้ผู้ถือหุ้น แน่นอนว่า Elon ปฏิเสธข้อเสนอนี้ ซึ่งถือว่าเป็นข้อเสนอที่ไม่เลว อาจจะเพราะอารมณ์ชั่ววูบอีกเช่นเคย
แต่เหมือนจะกลับไปตั้งสติได้ วันนี้ 30 กันยายน ทีมกฎหมายของ Elon Musk ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า Elon Musk และ Tesla ได้ตั้งโต๊ะเจรจากับ SEC ใหม่ และบรรลุข้อตกลงเรียบร้อย โดยคราวนี้ Elon Musk ยอมลาออกจากตำแหน่ง Chairman แต่ยังสามารถรับตำแหน่ง CEO ใน Tesla ได้ และยินดีจ่ายค่าปรับเพิ่มเป็น $20,000,000 แต่โดยดี รวมถึงลาออกจากตำแหน่ง 3 ปี และ Tesla จะทำการเลือก Chairman คนใหม่ขึ้นมารับตำแหน่ง พร้อมจ่ายค่าปรับอีก $20,000,000 รวมเบ็ดเสร็จ $40,000,000 หรือ 1,200,000,000 บาท จากการ Tweet เจ้าปัญหาเพียงหนึ่งครั้ง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า การที่ SEC ยอม settle deal กับ Elon Musk และ Tesla หลังล้มกระดานมาแล้ว 1 ครั้ง ถือเป็นเรื่องที่ไม่ปกติ เพราะถ้าเป็นกรณีแบบเดียวกันในอดีต น่าจะถูกดำเนินการอย่างเฉียบขาดมากกว่านี้ เพราะนอกจากค่าปรับแล้ว ดูเหมือน Musk จะไม่มีปัญหากับการบริหารงานในตำแหน่ง CEO เลย ซึ่งอาจจะเป็นเพราะ SEC ต้องการปกป้องผู้ถือหุ้นไม่ให้เดือดร้อนจากความผันผวนของราคาหุ้น Tesla เพราะต้องยอมรับว่า ราคาหุ้นตอนนี้มีความ Premium จากชื่อของ Elon Musk อยู่ราว $130 ต่อหุ้น หรือราวครึ่งนึงเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม จากบทเรียนราคาแพงมากของ Elon Musk ในครั้งนี้ทำให้เราเห็นอะไรหลายอย่างที่แบกอยู่บนบ่าของผู้บริหาร ซึ่งเราสามารถเรียนรู้ได้จากเหตุการณ์ Case Study ครั้งนี้ ซึ่งมีแต่ Don’t ไม่มี Do เพราะว่ากันตามตรงแล้ว Musk ไม่ควรทำสิ่งเหล่านั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว