Life

รับมือกับ Endowment Effect เมื่อเราให้ค่าสิ่งที่ตัวเองมีสูงเกินไปจนตัดสินใจได้แย่ลง

By: unlockmen May 18, 2021

หลายคนคงเป็นบ่อยเวลาที่เราจะต้องทิ้งของเก่า แต่เราไม่สามารถทิ้งมันได้ อาจเป็นเพราะมันมีคุณค่าทางใจ หรือ อะไรก็ตาม ปัญหานี้เกิดขึ้นได้จาก Endowment Effect ปรากฎการณ์ทางจิตที่ทำให้เราจัดการกับของที่เรามีอยู่ได้แย่ลง ซึ่ง UNLOCKMEN ได้นำวิธีการเอาชนะมันมาฝากทุกคนด้วย

WHAT IS ENDOWMENT EFFECT?

Endowment Effect เป็นปรากฎการณ์ทางจิตวิทยาที่เกิดขึ้น เมื่อเราให้คุณค่ากับสิ่งที่เรามีอยู่มากเกินมูลค่าที่แท้จริงของมัน ส่งผลให้เราเจอกับปัญหา เช่น ไม่สามารถขายมันในราคาที่เหมาะสมกับมูลค่าที่แท้จริง หรือ ทิ้งมันไปในเวลาที่เราไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรจากมันแล้วได้

ปรากฎการณ์นี้ได้รับการยืนยันโดย การทดลองเมื่อปี 1990 ซึ่งได้จำลองสถานการณ์ซื้อขายแก้ว โดยแบ่งนักศึกษามหาวิทยาลัยแบบสุ่มออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ได้รับแก้วประทับโลโก้ของมหาวิทยาลัย และกลุ่มที่ได้รับเงิน $6 ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากับราคาที่ตั้’ไว้ของแก้วพอดี

ผลการทดลองพบว่า คนที่เป็นเจ้าของแก้วมักจะพยายามเก็บมันไว้มากกว่าที่จะขายมันให้คนอื่น โดยพวกเขาจะกำหนดราคาของแก้วเฉลี่ยราว 5$ – 7$ ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นเจ้าของแก้วมักต้องการใช้เงินเฉลี่ยราว $2.5 หรือ $3 เพื่อซื้อแก้วหนึ่งใบเท่านั้น

ปรากฎการณ์ที่เจ้าของแก้วตั้งราคาแก้วสูงเกินไปนี้ ได้รับอธิบายว่าเป็น Endowment Effect กล่าวคือ เพราะคนรู้สึกว่าตัวเองมีความผูกมัด หรือ กลัวการสูญเสียสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ พวกเขาจึงประเมินราคาของมันสูงเกินกว่าที่มันควรจะเป็น

HOW TO OVERCOME THE ENDOWMENT EFFECT ?

แม้ Endowment Effect จะทำให้เราทะนุดถนอมสิ่งที่เรามีอยู่ แต่มันก็ทำให้เราไม่สามารถทิ้งของที่จำเป็นต้องทิ้ง เช่น หนังสือเก่า หรือ ของเล่นเก่า เป็นต้น และอาจทำให้เราเสียประโยชน์ในทางธุรกิจด้วย เพราะเมื่อลูกค้าเสนอซื้อสินค้าของเราในราคาที่เหมาะสมที่สุด เราอาจไม่รับรู้ และตอบปฏิเสธอย่างง่ายดาย

เราเลยอยากมาแนะนำวิธีการเอาชนะ Endowment Effect แบบง่าย เพื่อให้ทุกคนมีทักษะในการตัดสินใจที่ดียิ่งขึ้น

1.เข้าใจผลกระทบของมัน

การเข้าใจผลกระทบของ Endowment Effect จะเป็นก้าวแรกที่ทำให้เราเกิดการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราเราจะเข้าใจว่าทำไมเราถึงประเมินคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมีอยู่มากเกินไป จนไม่กล้าทิ้ง หรือ ตัดสินใจขายมันให้คนอื่น และมีโอกาสที่เราจะหยุดคิดก่อนตัดสินใจ และปรับเปลี่ยนมาทำในสิ่งที่ดีกว่าสูงขึ้น เช่น เช็คราคาทั่วไปของสิ่งที่เรามีอยู่ไป หรือ การเปรียบเทียบกันระหว่างเหตุผลที่เราควรทิ้ง และไม่ควรทิ้งของที่เรามีอยู่ เป็นต้น ความเข้าใจจึงมีส่วนช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น

2.ลองคิดว่าไม่ได้เป็นเจ้าของมันดู

หากเรารู้สึกว่าการจัดการกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่เป็นเรื่องยาก อาจเป็นเพราะมันเป็นของที่อยู่กับเรามานาน หรือ มีคุณค่าทางจิตใจ แต่เราจำเป็นต้องขายหรือทิ้งมันจริง ลองจินตนาการดูว่าเราไม่ได้เป็นเจ้าของมันแล้วดู วิธีนี้จะช่วยให้เรารู้สึกห่างเหินกับมัน และตัดสินใจจัดการมันได้ง่ายขึ้น

3.เอาของไปซ่อน

เวลาที่เราไม่ได้มองเห็นหรือรับรู้ถึงสิ่งของที่เรามีอยู่ นาน ๆ เข้าเรามักจะลืมเลือนมันไปเองตามกาลเวลา ดังนั้น ถ้าเราอยากเอาของไปทิ้ง แต่ไม่สามารถทำได้ การเอาของไปซ่อน จะเป็นวิธีที่ช่วยให้เราจัดการกับมันได้ดีขึ้น เราอาจนำมันไปใส่ในกล่อง ปิดให้แน่น และเก็บมันไว้ในที่ที่เรามองไม่เห็น พอเวลาผ่านไป จนเราลืมมันได้แล้ว เราก็จะนำมันไปบริจาคหรือทิ้งได้ง่ายขึ้น แต่ที่สำคัญ คือ อย่าเปิดกล่องในระหว่างที่เราเก็บมันอยู่

4.จดจำสาเหตุที่เราต้องจัดการกับมันไว้

ถ้าเราไม่สามารถตัดสินใจจัดการข้าวของที่เรามีอยู่ได้ เราอาจใช้วิธีการระบุเหตุผลที่เราต้องจัดการกับมันออกมาเป็นข้อ ๆ เช่น ต้องการให้บ้านโล่งขึ้น ต้องการซื้อของใหม่เข้าบ้านมากขึ้น เป็นต้น การลิสต์เหตุผลออกมาเป็นข้อ ๆ จะช่วยให้เราเห็นถึงเป้าหมาย และผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการจัดการของอย่างชัดเจน ซึ่งจะทำให้เราเกิดแรงจูงใจในการจัดการกับของที่มีอยู่มากขึ้น

ทั้งหมดนี่ก็เป็นวิธีในการรับมือกับ Endowment Effect ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกัน หากลองทำตามกันดูแล้ว จะสามารถตัดสินใจกำจัดข้าวของที่ตัวเองมีอยู่ได้ง่ายขึ้นอย่างแน่นอน !!


Appendix: 1 / 2

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line