Girls

เบากว่าก็คล่องกว่า: ‘ฟ้า-ษริกา’ ยูทูเบอร์สาวที่เชื่อว่ายิ่งคล่องยิ่งตอบโจทย์ มีคุณภาพไม่จำเป็นต้องหนัก

By: PSYCAT June 20, 2020

ในวันที่กระแสส่วนใหญ่บนโลกใบนี้เชื่อว่ายิ่ง “หนัก” อาจหมายถึงยิ่งดี คนทำงานหนักกว่าได้รับการยกย่องมากกว่า คนแบกรับภาระมากกว่าหมายถึงรับผิดชอบมากกว่า “ความเบา” กลายเป็นสิ่งที่ผู้คนหลงลืมกันไป

ในวันที่โลกทั้งใบเชื่อในสิ่งหนัก ๆ แต่ใครบางคนอาจเชื่อในความบางเบา คล่องตัว ยืดหยุ่นและพร้อมรับความหลากหลาย แต่ก็ยังมีไลฟ์สไตล์ที่เต็มไปด้วยคุณภาพทุกอณู “ฟ้า-ษริกา สารทศิลป์ศุภา” ยูทูเบอร์สาวก็เป็นหนึ่งในนั้น เธอเคยลองเป็นนักร้อง รับงานนักแสดง มีธุรกิจเป็นของตัวเอง รวมถึงไลฟ์สไตล์และความสนใจที่หลากหลายจนเราอดสงสัยไม่ได้ว่า “ทำทั้งหมดได้อย่างไร?” 

ความเบา ความคล่องตัวอยู่ตรงไหนในชีวิตที่ทั้งประสบความสำเร็จและมีความสุขนี้?

 

เบากว่า ตรงเป้ากว่า: เพราะชีวิตไม่จำเป็นต้องหนัก แค่ต้องปล่อยสิ่งที่ไม่จำเป็น

โลกตอนนี้อาจบีบบังคับให้เราต้องทำหลาย ๆ สิ่งพร้อมกัน และต้องทำอย่างหนักเพื่อให้ทุกสิ่งออกมาดีที่สุดด้วย ตอนแรกฟ้าเองก็เชื่อแบบนั้น แต่คำถามก็คือ “ชีวิตคนเราต้องหนักขนาดนั้นไหม?” นั่นเองคือจุดเริ่มต้นที่ฟ้าเริ่มมองว่า ความเบาอาจเติมเติมเต็มเธอได้มากกว่า จนเธอตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อทำสิ่งที่เธอรัก

“ช่วงมัธยมฟ้าเริ่มเป็นศิลปินฝึกหัด เริ่มมีงานถ่ายแบบเป็นงานในวงการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เรายังทำได้ในช่วงนั้น แต่พอใกล้เข้ามหาวิทยาลัย มันเริ่มหนักจริง เราอยากทำธุรกิจของตัวเอง อยากทำอะไรใหม่ ๆ และเป็นช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย เลยเหนื่อยและหนักเป็นพิเศษ”

“ช่วงที่หนักที่สุดคือตอนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เราเริ่มเรียนรู้ระบบมหาวิทยาลัยว่ามีสอบ มีส่งงาน ตอนนั้นเราเป็นนักร้องอยู่ด้วย และเริ่มทำยูทูบ มีร้านขายเสื้อผ้าของตัวเองอีก ช่วงนั้นวัน ๆ ก็อ่านหนังสือช่วงใกล้สอบ ต้องไปถ่ายละคร มีวันหนึ่งต้องเอาเพื่อนไปช่วยติวตอนอยู่ที่กองถ่าย เราไม่มีเวลาเป็นของตัวเองจริง ๆ มันหนักมากจนตอนนั้นร้องไห้ เครียด เรารู้สึกว่าทำไมต้องทำอะไรเยอะแยะขนาดนี้? มันมากเกินไปไหมสำหรับคนคนหนึ่ง?

 

 

“พอเรารู้สึกว่ามันหนักและเริ่มไม่มีความสุขกับการทำแบบนี้แล้ว เราก็เริ่มมาถามตัวเองว่าฉันต้องการทำอะไรกันแน่? ฉันทำอะไรอยู่? ฉันทำไปเพื่ออะไร? โอเค งั้นเดี๋ยวเรามาคิดดูแล้วกันว่าเราอยากทำอะไรจริง ๆ และสิ่งที่จำเป็นในชีวิตมันอยู่ตรงไหนบ้าง?

เราเลือกจากสิ่งที่เราทำโดยที่ไม่มีใครมาบังคับให้ทำ อย่างเรื่องเรียนคือสิ่งที่ทุกคนรู้กันว่าต้องทำ ต้องเรียน หรือเรื่องงานที่ทุกคนรู้ว่าเป็นโอกาส ถ้าเราได้ทำงานกับบริษัทใหญ่ ๆ แต่สุดท้ายคำตอบของฟ้ามาจบที่ฟ้ามียูทูบ

ฟ้ารู้สึกว่าอันนี้เราชอบทำตั้งแต่เด็กเลยโดยที่ไม่มีใครบังคับทำ เป็นสิ่งที่เราทำได้โดยไม่ต้องฝืน เป็นธรรมชาติของเรา เราสนุกกับการตัดต่อ การถ่าย การนำเสนอสิ่งต่าง ๆ ให้คนดู เรารู้สึกโอเค เราทำอันนี้ดีกว่า แล้วตอนนั้นมันเริ่มหารายได้ได้แล้ว เราก็เริ่มศึกษามากขึ้น หาแนวทางมากขึ้น พอรู้ว่าอันนี้เราชอบ แล้วเราก็พยายามตัดอะไรที่ไม่จำเป็นออกไป

ตอนนั้นโล่งมากค่ะ เบา เบาเลย ยกภูเขาออกจากอก มันคือคำนั้นจริง ๆ มันเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่มากของเด็กคนหนึ่งในช่วงวัยนั้น ด้วยความที่สังคมคนรอบตัวค่อนข้างกดดัน ด้วยความที่ทุกคนเรียนหมด หรือคนส่วนใหญ่เขาก็ต้องเรียนให้จบนะ ถึงจะทำงานได้ถึงมีนั่นมีนี่ด้วย มันทำให้เราคิดว่า ถ้าเราตัดสินใจแบบนี้เราก็ต้องทำให้เห็นว่าเราทำได้จริง ๆ”

 

เบากว่า เข้าใจตัวเองได้มากกว่า: คำพูดแย่ ๆ เก็บไว้ก็หนักเปล่า

การโลดแล่นอยู่ในโลกออนไลน์ของ “ฟ้า-ษริกา” ตั้งแต่วัยมัธยม แม้ด้านหนึ่งคือคำชื่นชมและโอกาสที่ได้รับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกออนไลน์ไม่ได้มีแค่ดอกไม้ที่รอเธออยู่ ก้อนอิฐที่พร้อมขว้างปาใส่เธอในรูปแบบคอมเมนต์แย่ ๆ คำพูดทำร้ายจิตใจก็มีให้เห็นอยู่ทั่วไป สิ่งนี้ดู “หนักหนา” ในสายตาคนนอกอย่างเราพอสมควร

แต่ขณะเดียวกันตัวตนของฟ้าก็ยังสดใส จนดูคล้ายว่าเรื่องเหล่านี้ มันเบาแสนเบาสำหรับเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสนใจที่สุดว่าเธอคัดกรองเอาสิ่งหนักหนาเหล่านี้ออกไปจนเป็นตัวเองในรูปแบบนี้ได้อย่างไร?

“ถ้าในโลกออนไลน์ ฟ้าไม่ค่อยรู้สึกอะไรเลยนะ ฟ้ารับมือได้มาก ๆ อาจเจอมาตั้งแต่เด็ก แล้วเราเข้าใจระบบมันประมาณหนึ่ง ช่วงเด็กรู้สึกหนักเพราะเราไม่เข้าใจว่าเขาไปเกลียดเรามาจากไหน เขารู้จักเราหรอ? เขาไม่ชอบอะไรในตัวเรา? เขาถึงรู้สึกแย่กับเราได้ขนาดนั้น ก็จะมีความไม่เข้าใจ

แต่พอผ่านไปแล้วเห็นมาเรื่อย ๆ ฟ้ารู้สึกว่าฟ้าเข้าใจว่า อ๋อ นี่แหละคือสังคม มันก็คือโลกคู่ขนาน คือความเป็นจริงบนโลก มันมีทั้งคนดีและไม่ดี และคอมเมนต์ทั้งดีและไม่ดีเหมือนกัน คือมันเป็นเรื่องปกติมาก ๆ

แต่สิ่งที่ฟ้ารู้สึกว่าทำให้ฟ้ารู้สึกแย่จริง ๆ ก็คือการที่เขามาพูดกับเราต่อหน้าเรา เพราะมันได้ยินน้ำเสียง ได้ความรู้สึกมากกว่า อันนั้นเราเลยรู้สึกแย่กว่า เพราะออนไลน์อ่านแล้วก็จบ  ไม่ได้เห็นสีหน้า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร แต่พอเรารู้ว่าเป็นตัวบุคคล เป็นสิ่งที่ออกมาจากปากเขา น้ำหนักมันเยอะกว่า รู้สึกมากกว่า”

 

 

“ปกติฟ้าจะเป็นคนที่รู้สึกดีกับตัวเองมาโดยตลอด รู้สึกว่าโอเค ฉันมีความสุข ฉันสนุก แต่เหมือนเขามาพูดให้เรารู้สึกแย่กับตัวเองได้ จนทำให้เราคิดว่าเราผิดอย่างนั้นจริง ๆ หรอ เราแย่ขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ ก็เลยค่อนข้างรู้สึกนอยด์กับคำพูดบ้างบางที แต่สุดท้ายพอผ่านไปเรามีเพื่อนที่ดี มีคนที่เข้าใจเรา มันก็ผ่านมาง่าย

อย่าให้คำพูดของคนอื่นมาทำให้เราเปลี่ยนไป ตราบใดที่เราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ถ้าเราชอบแล้วมันทำให้ใครเดือดร้อน เราก็ต้องคิด

แต่เขามีปัญหากับสิ่งที่เราชอบ มันเป็นปัญหาของเขา ไม่ใช่ว่าเรามีปัญหากับตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่เขาพูด รับฟังได้ ถ้าเราทำไม่ดีจริงเราต้องยอมรับและนำไปปรับปรุง

แต่ถ้าเราก็ไม่ได้ผิดอะไร ถ้าสิ่งที่เราชอบไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็อย่าไปเก็บคำพูดคนอื่นมาให้หนัก”

 

เบากว่า ก็ FLOW กว่า: มุมมองเรื่องชีวิตและความสุขของฟ้า

แม้ทัศนคติจะเป็นสิ่งที่อยู่ข้างใน แต่หลายครั้งวิธีที่คนเรามองตัวเองก็แสดงออกชัดเจนผ่านไลฟ์สไตล์และสิ่งที่เลือกทำ ทำให้เราอยากรู้ว่าเธอมีวิธีมองโลกแบบไหนถึงสามารถชอบและเข้าใจความต้องการตัวเองได้อย่างถึงแก่น ควบคู่กับการทำงานออกมาให้ดี แถมยังมีรอยยิ้มระบายออกมาทางดวงตากลมโตได้ขนาดนี้?

“ฟ้าเชื่อว่าทุกคนมีข้อดี มีสิ่งที่ดีอยู่ในตัวอยู่แล้ว แต่ว่าคนเราอาจจะโฟกัสอะไรที่เป็นด้านลบมากกว่า แต่พอเรารู้แล้ว เราก็พยายามบาลานซ์ให้มันดีได้ถ้าเราเข้าใจตัวเอง เราจะหาความสุขได้ง่ายขึ้น แล้วเราก็จะรู้ว่าเราควรมีความสุขกับอะไร และโฟกัสกับอะไรจริง ๆ

ฟ้าว่ามันก็เป็นเรื่องของการเข้าใจและปล่อยวางได้ด้วย สุดท้ายแล้วคนเราไม่สามารถแบกรับอะไรทั้งหมดได้ แม้กระทั่งความรู้ ความสามารถ หรือว่าข้อมูลต่าง ๆ เราเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เราต้องเลือกสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตจริง ๆ เพื่อที่เราจะไปต่อได้อย่างสบายตัว แล้วเราก็มีความสุขแบบที่ไม่เดือดร้อนใครด้วย

ไม่ได้แปลว่าฟ้าไม่มีความทุกข์นะ ถ้าเจอเรื่องหนัก ๆ เราจะปล่อยมันออกมาเลยนะ สมมติอยากร้องไห้ก็ร้อง ร้องไปเลย ระบายมันออกไป หรือหาคนที่เขาเข้าใจเรา เราสามารถแชร์ได้ เราสามารถปล่อยความหนักนี้ออกไปได้ให้เราเบาลง ให้เราสบายขึ้น มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะรู้สึกเศร้า จะรู้สึกแย่กับตัวเอง จะรู้สึกทุกข์ในชีวิต มันเป็นการขึ้นลงของชีวิต มันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครมีความสุขตลอดเวลา ไม่มีใครมีความทุกข์ตลอดเวลา แต่อยู่ที่ว่าถ้าเราจะอยู่กับมันยังไง เราจะอยู่กับความทุกข์ได้นานแค่ไหน หรือเราจะเลือกอยู่กับความสุขให้มันนานกว่า มันเลือกได้

ความเบามันดีกว่าอยู่แล้วนะ มันทำให้เราสนุกกับชีวิตมากขึ้น เพราะเราสามารถหาความสุข Go with the flow เพราะเรารู้สึกสนุกกับมัน ก็ไปกับมัน ไหล ๆ ไป ทุกข์ก็ทุกข์ สุขก็สุข เรียนรู้มันไป ทำให้เราเห็นอะไรมากขึ้น แล้วเราก็ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น เบา สบาย ขึ้น สนุกกับชีวิตมากขึ้น”

 

เบากว่าก็สนุกกว่า :  เมื่อเริ่มต้นอย่างไม่กดดัน ที่เหลือคือการเรียนรู้

นับจากวันแรกที่แชนแนลยูทูบชื่อ ‘Fah Sarika’ ถือกำเนิดขึ้น โลกแห่งการฟาดฟันและแข่งขันในวันนี้เปลี่ยนจากวันนั้นมาแสนไกล แม้ฟ้าจะบอกใครหลายคนว่าวันที่เธอเริ่มต้น เธอเริ่มต้นจากความชอบ ความสนุก ซึ่งความสนุก ความคล่องตัวก็ทำให้เธอมาถึงวันนี้ วันที่มีคนติดตามเธอราว ๆ 764,000 คน แต่จำนวนยูทูเบอร์แชนแนลอื่น ๆ ก็ผุดมากขึ้นตาม คนที่เชื่อในความไม่ล้น ไม่เก็บอะไรมากดดันให้หนัก มองเรื่องนี้อย่างไรกันแน่?

“ฟ้าเป็นยูทูเบอร์ เป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ทำคลิปวีดีโอออกมา จริง ๆ จะเรียกว่าเป็นอินฟลูเอนเซอร์ก็ได้ คือมันอยู่ในโหมดทำอาชีพออนไลน์ ทำหลายแพลตฟอร์ม มันก็จะมีทั้งยูทูบ อินสตาแกรม และอีกหลายแพลตฟอร์ม ตอนนี้ทำยูทูบ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ทวิตช์เอาไว้สตรีมเกม คือไปทำช่วงหนึ่งตอนโควิด แล้วฟ้ารู้สึกว่า เป็นคนชอบเล่นเกมอยู่แล้ว ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยรู้สึกสนุกดี ลองเข้าไปทำดู แล้วรู้ว่ามันเป็นอีกโลกหนึ่งเลย

ยูทูเบอร์เป็นเหมือนอาชีพหนึ่งที่ก็มีลูกค้า มีปล่อยสินค้าออกไป แต่สินค้าของเราคือความบันเทิง เราก็เป็นสื่อสื่อหนึ่งแล้วกัน เรามองว่าอาชีพนี้เป็นสื่ออีกสื่อหนึ่ง เป็นสื่อออนไลน์ เหมือนทีวี เหมือนสื่ออื่น แต่มีกระบวนการทำคนละแบบแค่นั้นเอง และก็ต้องแข่งอยู่ตลอดเวลา มันคือการพัฒนาตัวเอง สุดท้ายไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร ถ้าคุณเลือกหยุดจะพัฒนาตัวเอง คุณคือคนที่เดินถอยหลัง เพราะคนอื่นเขาเดินไปข้างหน้าตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นเวลาเรา จะทำอาชีพอะไร หรืออยากเป็นอะไร อย่าหยุดพัฒนา เพราะมันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โลกมันไปข้างหน้าเรื่อย ๆ คนก็ไปข้างหน้าเรื่อย ๆ คนดูมีเท่าเดิม แต่คนผลิตผลงานดันมีเยอะขึ้น แน่นอนว่าคู่แข่งเยอะขึ้นอยู่แล้ว เราต้องหาอะไรที่คนดูดูรู้สึกว่ามันไปด้วยกันได้จริง ๆ และเราก็พัฒนาจริง ๆ”

“เราเริ่มต้นแบบไม่กดดัน เราได้ลอง เราเลยสนุก เราไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องมีรายได้ หรือจะต้องดัง แต่พอทำไปแล้วคนชอบ และฟ้ามีพื้นฐานเรื่องการตัดต่อประมาณหนึ่ง เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องไปจ้างใคร เราไม่ได้ลงทุนอะไรเพิ่ม เราก็ใช้สิ่งที่มีอยู่ แล้วก็ลองปล่อยออกไป แต่พอปล่อยออกไปแล้วมันเวิร์ก ค่อย ๆ มีฐานคนดูมากขึ้น เราก็รู้สึกว่ามันสนุก เราก็ทำต่อมาเรื่อย ๆ

แต่ความกดดันมันก็มี ด้วยความที่เราทำงานกับตัวบุคคลแล้ว ไม่ใช่แค่คนดูที่เราแชร์อะไรก็ได้ พอมีคนเข้ามา มากำกับ มาสปอนเซอร์เรา เขาก็มีไอเดียของเขา มาแชร์กัน ซึ่งก็ต้องหาตรงกลางให้ได้ เราก็ต้องไม่ทิ้งความเป็นเรา และให้ลูกค้าได้ขายของ ได้พอใจด้วย มันก็ต้องหาบาลานซ์ให้ได้

เวลามีลูกค้า เราก็กดดันในแง่ที่ว่าเราต้องใส่ข้อมูล ของลูกค้าให้คนดู แต่เราก็ต้องรู้สึกโอเคด้วย และลูกค้าโอเคด้วย ก็มีความยาก มันไม่ได้สนุกเหมือนเดิม แต่มันสนุกในแง่ความท้าทายมากกว่า เวลามีลูกค้า มันท้าทายขึ้น โจทย์ยากขึ้น ทำงานกับคนหลายคนมากขึ้น สนุก แต่เปลี่ยนรูปแบบ ท้าทายขึ้น รับผิดชอบมากขึ้น”

บากว่าก็คล่องตัวกว่า: ไลฟ์สไตล์ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้เสมอของ “ฟ้า-ษริกา”

“ความคล่องตัว” และการปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น ถือเป็นหัวใจหลักของไลฟ์สไตล์และการทำงานของฟ้า เพราะรูปแบบงานที่ไม่ได้มีกำหนดเวลาเข้าออกเหมือนการทำงานประจำ แต่ก็ต้องรับผิดชอบให้สมบูรณ์แบบที่สุด ฟ้าจึงเลือกการแบ่งเวลางานและเวลาพักในแต่ละวันให้สอดคล้องกัน

เธอไม่เชื่อในการโหมงานหนัก เพราะถ้าลุยงานหนักจนหมดพลัง ในระยะยาวงานนั้นจะไม่สามารถออกมาดีได้เลย ในขณะที่การพัก การปล่อยตัวเบาสบาย ก็ถือเป็นการเก็บเกี่ยวพลังงานมาส่งเสริมงานให้ดีขึ้นในรูปแบบหนึ่งเช่นกัน รวมถึงการเปลี่ยนสถานที่ทำงานไม่ปล่อยให้ตัวเองจมกับที่ใดที่หนึ่งนาน ๆ ก็เป็นกุญแจสำคัญของไอเดียใหม่ ๆ ของเธอ

“ฟ้าไม่ค่อยชอบแบ่งเวลาไปทำงานครั้งละมาก ๆ เพราะรู้สึกว่า งานไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต แต่งานต้องเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราต้องแบ่งเวลาให้พอดี เรารู้สึกว่า เราต้องใช้ชีวิตสิ วันหนึ่งอาจจะทำงานประมาณสามสี่ชั่วโมง ที่เหลือเราก็ไปทำหลาย ๆ อย่าง เล่นกับหมา ออกกำลังกาย หรือนอนเปื่อย ๆ เฉย ๆ เล่นเกม ดูทีวี ทำอะไรก็ได้ที่เราชอบทำ วาดรูป อ่านหนังสือ ฟ้ามีอะไรให้ทำเยอะเลย หรือออกไปเที่ยวไปกินข้าวนอกบ้าน ก็เป็นกิจกรรมที่ทำได้ทุกวัน

 

ฟ้าจะวางแผนประมาณหนึ่งว่าอาทิตย์นี้มีถ่ายงานกี่ครั้ง ก็จะเอาไปหย่อน ในแต่ละวันของอาทิตย์นั้น แล้วบางวันก็ว่างไปเลยทั้งวัน ฟ้าค่อนข้างจะหาเวลาว่างให้ตัวเองเป็นส่วนใหญ่ เพราะฟ้ารู้สึกว่าการที่เราได้พักผ่อน ก็เป็นส่วนหนึ่งของงานได้ เป็นการเติมพลังให้เรามีพลังที่จะทำงานต่อไป ถ้าเราทำงานทุกวัน ฟ้าว่ามันอาจจะเหมือนดูดพลังชีวิตเราไปประมาณหนึ่ง ถ้างานเราหนักเราก็อาจไม่มีแรงที่จะทำต่อไปให้มันยืนระยะยาว ๆ ได้

ฟ้าชอบแบ่งเวลาเป็นชั่วโมงนะ ไม่ได้แบ่งเป็นวัน มันยืดหยุ่นกว่า คล่องตัวกว่า แบ่งเป็นชั่วโมงว่าทำอะไรมันก็จะง่ายทำให้เราไม่ต้องไปโฟกัสกับงานทั้งวัน บางทีแบ่งเป็นวันอย่างเดียว ถ้าเราบอกว่าวันนี้คือวันทำงาน เราก็อาจจะคิดแต่เรื่องทำงานทั้งวัน ทำแต่งาน ซึ่งมันก็อาจทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าได้ง่าย พอเราแบ่งเป็นช่วงโมงมันก็สามารถชัดเจนกับตัวเองได้ว่าจะชิลไปก่อน แล้วพอถึงเวลาทำงานก็ทำงาน พอหมด ก็พักผ่อนเต็มที่ มีชั่วโมงของงานและการพักที่แน่นอน”

 

ยิ่งเบาก็ยิ่งต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง: ROG ZEPHYRUS G14

เพราะความสนใจที่หลากหลาย และรักในความคล่องตัวสูง ยิ่งทำให้ฟ้าเป็นคนช่างเลือก เพราะความเบาไม่ได้หมายถึงการเลือกทิ้งอะไรก็ได้ออกไปให้หมด แต่หมายความว่ายิ่งต้องใส่ใจและพิถีพิถันเลือก “สิ่งที่ดีที่สุด” มาเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของตัวเองโดยไม่หนัก ไม่ล้น แต่ก็ต้องตอบโจทย์ทุกความต้องการให้ฟ้าได้

สิ่งที่ฟ้ามักมีติดตัวจึงมักเป็นสิ่งที่สามารถตอบโจทย์ได้ครบในหนึ่งเดียว มีฟังก์ชันใช้งานได้หลากหลาย ที่สำคัญต้องเติมเต็มไลฟ์สไตล์ที่เน้นความยืดหยุ่นคล่องตัว และไปกันได้กับทัศนคติที่เชื่อในความบางเบา

“ฟ้าเลือกจากความชอบเลย จะเอาความชอบเป็นที่ตั้ง แต่ต้องรู้สึกว่าฟังก์ชันมันได้ด้วย  อย่างเสื้อผ้าก็จะมีฟังก์ชันมาเกี่ยว สไตล์ส่วนหนึ่ง ฟังก์ชันส่วนหนึ่ง  แรก ๆ เราเคยเป็นคนที่เลือกอะไรที่เน้นความชอบ เน้นสไตล์อย่างเดียว แต่สุดท้ายพอมันใช้งานไม่ได้ เรารู้สึกเสียดายเงิน รู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้ม พอมันไม่ได้ใช้ ของชิ้นนั้นมันก็เท่ากับเป็นของที่ไม่มีประโยชน์ไปเลย

ความคล่องตัวสำคัญมากเป็นส่วนหนึ่งของงานเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความที่เป็นงานออนไลน์ มันต้องอัปเดต ต้องมีความโฟลว์ ต้องเร็วอยู่ตลอด ความคล่องตัวต้องมาเป็นส่วนหนึ่งของงานเลย โดยเฉพาะโน้ตบุ๊กฟ้าต้องเลือกที่คล่องตัว เวลาไปไหนมาไหน ติดต่องาน บางทีมันต้องอัปเดต ณ ตอนนั้น เวลาไปไหนมาไหนต้องพกตลอด เก็บงาน เก็บสแตต เพราะบางทีทำในมือถือไม่ได้ หรือว่าอัปโหลดงาน แก้ไขงานก็ต้องใช้โน้ตบุ๊กตลอด”

 

“ฟ้าชอบโน้ตบุ๊กที่เบาและพกพาง่าย มันเหมาะกับเรา เวลาเราเปลี่ยนที่ทำงานหรือไปข้างนอกต้องพกพาสะดวก พกพาไปด้วยได้ เรื่องแบตอึดก็สำคัญ เพราะบางทีเราไปข้างนอก เราไม่สามารถไปขอเขาชาร์จได้ทุกร้าน เราก็ต้องการความอึด ความทน เพราะเราใช้งานนาน แต่ละครั้งที่เราอัปโหลดหรือตัดต่อ มันก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน

อย่างที่บอกว่าฟ้าให้ความสำคัญเรื่องฟังก์ชัน จริง ๆ ถ้าเกิดทำได้หลายอย่างก็จะเหมาะกับงาน บางทีเราก็ทำงานด้วย บางทีเราก็ใช้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมด้วย ต้องทำอะไรได้หลายอย่าง เรื่องการเล่นเกมส์ที่ฟ้าบอกว่าเล่นในทวิตช์ ตอนนี้ฟ้าเลยต้องเล่นเกมเยอะขึ้น เรารู้สึกว่าถ้าสามารถเล่นเกมได้ด้วย ทำงานได้ด้วยยิ่งตอบโจทย์”

ที่สำคัญมากคือเรื่องค่าสี เพราะฟ้าทำงานแต่งหน้า บางทีมันมีอะไรต้องให้เห็นสีชัดเจน หรือต้องตรงกับสินค้า รีวิว สีต้องตรงไม่เพี้ยนเด็ดขาด”

 

 

ROG ZEPHYRUS G14 จึงถือเป็นโน้ตบุ๊กที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ฟ้า-ษริกา ยูทูเบอร์มากความสามารถ ที่ต้องการความคล่องตัวสูง เปลี่ยนที่ทำงานเพื่อหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ อยู่ตลอด อีกทั้งเชื่อในความบางเบา ชีวิตแต่ละวันเต็มไปด้วยความยืดหยุ่นและมีความสนใจหลากหลาย ทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม โดยทั้งหมดนี้สามารถทำได้อย่างลื่นไหลเพราะ AMD Ryzen™ 4000 Series 8-core รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งแรงที่สุดในโลกบนตัวเครื่องโน้ตบุ๊กขนาด 14” 

โดดเด่นเรื่องความคล่องตัวและพกพาไปด้วยได้ทุกที่จะเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยแค่ไหนก็สะดวก หรือจะเที่ยวไป พกไปทำงานด้วยก็ทำได้ ที่สำคัญแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 10 ชั่วโมง รองรับการชาร์จแบบ PD หมดกังวลเรื่องการใช้งานนอกสถานที่แล้วพะวงกับการหาที่ชาร์จให้เสียเวลา ทำงานได้เต็มอิ่ม

รวมถึงการ์ดจอ NVIDIA GEFORCE GTX1650TI 4 GB GDDR6 ที่พร้อมรองรับการใช้งานที่หลากหลาก ทั้งเล่นเกมและทำงานให้ยูทูเบอร์ทำงานได้หลากหลายในเครื่องเดียว และหน้าจอแบบ FHD IPS 120Hz. 100% sRGB มาตรฐานสีของจอ Pantone® Validated ค่าสีตรงมากที่สุด ช่วยให้การรีวิวเครื่องสำอางลงแชนแนลยูทูบ ‘Fah Sarika’ ถ่ายทอดสีชัดตรงสมจริง แต่อีกฟังก์ชันไฮไลต์ที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ AniMe Matrix ฝาหลังที่มีไฟ LED มากถึง 6,536 ดวง ให้เราปรับแต่งซอฟต์แวร์บ่งบอกความเป็นตัวเองแบบเท่ ๆ ผ่านโน้ตบุ๊กคู่ใจได้

ในขณะที่ลำโพง 4 ตัวของ ROG ZEPHYRUS G14 ใช้ Dolby Atmos ระบบเสียงจากโรงภาพยนตร์ ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม คุณภาพเสียงที่สมบูรณ์แบบจะช่วยให้พักผ่อนชาร์จพลังจนฟ้ากลับไปทำงานได้อย่างราบรื่นแน่นอน

 

 

หนักไม่ได้หมายความว่าดีกว่า ความคล่องตัว เบาสบาย แต่พุ่งต้องไปที่เป้าหมายที่คุณภาพอาจช่วยให้ชีวิตเราเบาขึ้น สนุกขึ้น และมีความสุขขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างที่ “ฟ้า-ษริกา สารทศิลป์ศุภา” ที่ปลดเปลื้องตัวเองออกมาจากความกดดัน ความหนักสารพัดรูปแบบ จนกลายเป็นทัศนคติเบาสบาย และไลฟ์สไตล์สุดคล่องตัว ยืดหยุ่นที่ช่วยเติมเต็มชีวิต การงาน และไลฟ์สไตล์การพักผ่อนของเธอให้ลงตัว

เช่นเดียวกับทัศนคติที่เธอเชื่อได้ ROG ZEPHYRUS G14 เป็นโน้ตบุ๊กคู่ใจที่ฟ้าเลือก ตอบทุกโจทย์ไลฟสไตล์ทั้ง Work และ Play ที่เธอต้องการ คล่องตัว รวดเร็ว พร้อมฟังก์ชันที่หลากหลายที่ไม่ได้เหมาะแค่กับฟ้าเท่านั้น สำหรับใครที่เชื่อในความคล่องตัว

อยากลองสัมผัสฟังก์ชันหนักแน่น แต่พกพาสะดวก  สามารถเข้าไปดู Tech Spec เชิงลึกเพิ่มเติมได้ที่ www.asus.com/th/Laptops/ROG-Zephyrus-G14/

เรารับรองว่า ROG ZEPHYRUS G14 จะทำให้คุณเข้าใจนิยามของคำว่าคล่องตัวและมีคุณภาพได้แน่นอน

 


PHOTOGRAPHER: Warynthorn Buratachwatanasiri

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line