

FASHION
เสพแฟชั่นจากภาพยนตร์สุดคลาสสิค ROMEO + JULIET (1996)
By: unlockmen January 3, 2018 87245
ในช่วงหยุดยาวที่ผ่านมา ทีมงาน UNLOCKMEN ได้มีโอกาสคุ้ยกองหนังเก่า ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่ในลังเก็บของกลับมาดูอีกครั้ง เนื่องจากว่างและไม่มีโปรแกรมเดินทางไปไหน จนกระทั่งไปพบ DVD ฝุ่นจับที่ยังคงมีป้ายลดราคาติดอยู่บนกล่องสีดำคุ้นตา นั่นคือ Romeo + Juliet เวอร์ชั่นปี 1996 ที่เป็นการดัดแปลงมาจากวรรณกรรมสุดอมตะของ William Shakespeare ในชื่อเดียวกัน
ซึ่งต้องขอยอมรับตามตรงว่าก่อนหน้านี้ เราเคยอ่านบทวิจารณ์มามากมายเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้จดติดภาพว่าเป็นหนังรีเมคธรรมดา แถมเสียงวิจารณ์ค่อนข้างไปทางแย่เสียด้วยซ้ำ ในเรื่องของตัวบท เพราะสำหรับคอหนัง ที่ไม่ชอบอาจจะงงได้ว่าหนังพยายามที่จะดัดแปลงโครงเรื่องให้เข้าใจง่ายขึ้น แต่ดันใส่ภาษาแบบ Shakespeare แบบจัดเต็ม จนคิดว่านั่งเรียนกลอนกวีแบบชาวบ้านทั่วไปไม่เข้าใจกัน
แต่เชื่อหรือไม่ว่าพอเรานำกลับมาชมอีกครั้ง ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะสอบตกในเรื่ององค์ประกอบในการเล่าเรื่อง และตีความต่างจากวรรณกรรม *(สำหรับบางคน) แต่ในแง่ขององค์ประกอบศิลป์ต้องบอกเลยว่า Romeo + Juliet เวอร์ชั่นของ Baz Luhrmann สอบผ่านฉลุย
เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องโทนภาพ สไตล์การแต่งตัวแบบ hyper-colorful ทุกอย่างถูกอัดแน่นอย่างลงตัว จนทำให้ Romeo + Juliet ที่นำแสดงโดย Leonardo Dicaprio และ Claire Danes เต็มไปด้วยความฉูดฉาด และเป็นแรงบันดาลใจชั้นดีของศิลปะสมัยใหม่
Romeo + Juliet กลายเป็นหนังคลาสสิคตลอดกาล และภาพยนตร์ขึ้นหิ้งในเรื่องของสไตล์แฟชั่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่มีการนำเครื่องแต่งกายสไตล์โรมานซ์อิตาลียุค 90s มาเป็นแรงบันดาลใจ ดังนั้นในวันนี้ทีมงาน UNLOCKMEN จึงขอนำเรื่องนี้มากล่าวถึงสักเล็กน้อย เพื่อเป็นคอนเท้นท์เบา ๆ ต้อนรับปีใหม่
Tybalt
หลังจากที่ Lurhmann ได้วางตัว Kym Barrett มาดูแลเรื่องเครื่องแต่งกายของภาพยนตร์ทั้งหมด เขาแบ่งสองตระกูลภายในเรื่องออกอย่างชัดเจนในเรื่องของสไตล์การแต่งตัว เพราะสำหรับตระกูล Capulet ได้ถูกดีไซน์ออกมาให้มีความจริงจัง โทนสีมืดดำ สไตล์ Sleek & Sexy อีกทั้งยังให้อารมณ์ Super tailored ของชุดประจำกายให้มีความเป็นเม็กซิกันอยู่พอสมควร ซึ่งพวกเขาใส่ใจรายละเอียดแม้กระทั่งปืน และซองใส่ปืน โดยเฉพาะตัวละคร Tybalt ที่ได้เสื้อผ้าสั่งตัดพิเศษทั้งชุดจากแบรนด์ Dolce and Gabbana เลยทีเดียว
สำหรับหนุ่ม ๆ Montague จะมีสีสันที่ค่อนข้างฉูดฉาด และดูการแต่งกายผ่อนคลายกว่าทางฝั่ง Capulet พอสมควร เพราะตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นเสื้อลายปริ้นท์ฮาวาย กางเกง Baggy หรือแม้กระทั่งรองเท้าบู้ท / Chuck Taylor ที่ Leonardo Dicaprio สวมใส่กับก๊วนเพื่อน ซึ่งสไตล์เหล่านี้ล้วนเป็นแฟชั่นของอเมริกันในกลางยุค 70s ราว ๆ ช่วงสงครามเวียดนาม โดยมันได้กลายเป็นแรงบันดาลใจสำหรับแฟชั่นยุคปัจจุบันของ Alessandro Michele กับห้องเสื้อ Gucci ล้วนมีส่วนผสมมาจากเด็กแสบแห่งตระกูล Montague
หรือแม้กระทั่งชุดสูทสไตล์ Oversize ที่นับวันจะกลับมาทวีความนิยมจนสูท Slim Cut ดูจืดไปเลยทีเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็น Balenciaga หรือ Prada ( Miuccia Prada เป็นผู้ออกแบบเสื้อสูทของ Leonardo Dicaprio สีน้ำเงินในฉากแต่งงาน ) ต่างก็เริ่มมีการหยิบยกเอาสูท Oversize ดังเช่นใน Romeo + Juliet ปี 1996 กลับมาในคอลเลคชั่นปัจจุบันอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องราวบางส่วนของภาพยนตร์ Romeo + Juliet ในเวอร์ชั่นปี 1996 ที่เราได้รับจากการชมครั้งนี้ ซึ่งแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่เวอร์ชั่นที่ดีที่สุด แต่มันก็จัดได้ว่าเป็นผลงานขึ้นหิ้งในเรื่องของแฟชั่นที่แม้จะผ่านมากว่า 20 ปี รูปของหนุ่ม ๆ Montegue และ Capulet ก็ยังเป็น reference ทาง Instagram รวมถึง Pinterest จวบจนทุกวันนี้