Ferrari FXX-K EVO track-only Hypercar 1,000 แรงม้า พร้อมค่า Downforce 1,800 ปอนด์

หลังจากที่แบรนด์ Ferrari ได้เปิดตัว track-only “FXX-K”  ตัวแรงสุดโหดไปแล้วในช่วงปลายปี 2014 และได้รับคำชื่นชมจากผู้คนมากมาย ทั้งบรรดาแฟน Ferrari เอง รวมไปถึงคนที่สนใจในเรื่องนวัตกรรมยานยนต์ เนื่องจากความล้ำหน้าทางด้านเครื่องยนต์ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่ง Ferrari รีดให้มีพละกำลังสูงถึง 1,036 แรงม้า จึงเป็นธรรมดาที่ผู้คนจะคอยดูการเปิดตัวครั้งต่อไปของ Ferrari ว่า จะมีอะไรพัฒนาไปจากครั้งก่อนบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแรง หรือเรื่องเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น

โดยก่อนหน้านี้ทาง Ferrari ได้ออกมากล่าวถึงผลงานที่น่าประทับใจ นั่นก็คือรถ “FXX-K” Hybrid Supercar จากม้าลำพองในขณะนั้น ให้กับผู้ที่รับชมการเปิดตัวรถใหม่ในครั้งนั้นเอาไว้ว่า

“Ferrari FXX-K เป็นการพัฒนาที่สมบูรณ์แบบ ด้วยการจับเอานวัตกรรมทางเทคโนโลยีมาผสมผสานเข้ากับ ประสบการณ์การขับขี่ และนี่คือ Hypercar ที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก”

2 ปีต่อมา Ferrari ก็ได้พัฒนา “FXX-K” ขึ้นใหม่ จนกลายเป็น “FXX-K EVO” แน่นอนว่า มันจะต้องมีอะไรที่ดีขึ้น และถูกแก้ไขจุดบกพร่องต่าง ๆ รวมไปถึงเพิ่มสมรรถนะจากรุ่นก่อนหน้ามายกแผง Ferrari FXX-K EVO คันนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในเรือธงรุ่นใหม่จากม้าลำพอง ที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่ออกแบบให้ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่ลูกค้า Ferrari จะหาซื้อได้ในเวลานี้

นอกจากนี้ลูกค้าที่ซื้อ “FXX-K EVO” จะได้รับสิทธิพิเศษในการเข้าร่วมการแข่งขัน Corse Clienti โปรแกรมการแข่งขันโดย Ferrari ที่มีทั้งหมดถึง 9 สนามในฤดูกาลหน้าอีกด้วย โดยการแข่งจะจัดขึ้นในระหว่างเดือนมีนาคม 2018 ถึงตุลาคม 2019 แบบยาว ๆ เรียกว่าซื้อรถ track-only ตัวแรงไป ไม่ต้องกลัวใช้ไม่คุ้ม

Ferrari “FXX-K EVO” เป็นการพัฒนาที่ซับซ้อน และท้าทายสุด ๆ โดย Ferrari ไม่ได้ตะบี้ตะบันสร้างความแรงจากเครื่อง 6.3-liter V12 ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว แต่ได้นำเอาปัจจัยที่สำคัญด้านอื่นมาปรับปรุงให้ดีที่สุดด้วย โดยเฉพาะหลักอากาศพลศาสตร์ที่เรียกว่า “เน้น” กว่ารถค่ายอื่น รวมไปถึงกฎฟิสิกส์ขั้นสูงเข้ามาช่วยเพิ่มสมรรถนะรถที่จากเดิมมีสูงมากอยู่แล้ว ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก

“สุดท้ายเราก็ได้สิ่งที่ดีที่สุดออกมา แม้จะต้องใช้ความยากลำบากในการพัฒนาอย่างแสนสาหัสก็ตาม เพราะ Ferrari ‘FXX-K EVO’ มีค่า Downforce มากขึ้นจากรุ่น FXX-K ก่อนหน้าถึง 23% และมีมากกว่า LaFerrari ที่นับว่าเป็นสุดยอดนวัตกรรมยานยนต์ถึง 75% เลยทีเดียว”

ด้วยการออกแบบ Aerodynamic รอบคันจากพื้นฐานรถแข่ง ช่องดักลมขนาดใหญ่ทั้งด้านหน้าและหลัง รวมถึง rear wing ขนาดใหญ่ ที่ใช้ประโยชน์จากทิศทางลมปะทะได้อย่างอัจฉริยะ ช่วยให้เครื่องยนต์ที่ลากรอบได้จัดถึงระดับ 9,400 rpm คันนี้ มี Downforce กดตัวรถให้แนบติดพื้นถนนถึง 1,800 ปอนด์ ทำให้การควบคุมรถ การเข้าโค้งในย่านความเร็วสูงสามารถทำได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังช่วยให้วิ่งในสนามได้จำนวนรอบมากกว่ารถคู่แข่ง โดยไม่ต้องเสียเวลาเข้าพิทเปลี่ยนยาง เนื่องจากรถไม่มีอาการ  Oversteer ทำให้ไม่สูญเสียผิวหน้ายางไปโดยเปล่าประโยชน์

น่าเสียดายแทนที่ Ferrari “FXX-K EVO” Hypercar คันนี้ ไม่ได้ถูกจำหน่ายให้วิ่งบนท้องถนน และถูกจำกัดคนซื้อในหมู่เศรษฐีนักซิ่ง รวมถึงลูกค้าเก่า FXX-K ทั้งหลายได้จับจองเป็นเจ้าของ แต่อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ Ferrari ได้ โชว์ความเป็นผู้นำในกลุ่ม Supercar ให้เราได้เห็นกันอีกครั้ง

หากใครจะลองสั่ง Ferrari FXX-K EVO มาลองขับดูสักครั้งในชีวิต อาจจะต้องเตรียมปากกาไว้เติมตัวเลข 0 ในเช็คเยอะหน่อย เพราะแม้ Ferrari จะยังไม่ได้ประกาศราคาออกมา แต่ดูก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ธรรมดาแน่นอน ก็ขนาด FXX-K ตัวธรรมดา ราคายังแพงถึง 100 ล้านบาท ไม่รวมภาษีนำเข้า

SOURCE