Business

8 วิธีวิ่งตามความฝันให้ถึงเส้นชัย

By: unlockmen July 16, 2015

ความฝันคืออะไร ถ้าให้พูดถึงความฝันก็คงต้องแยกมันออกเป็นสองประเภทก่อน ความฝันที่หมายถึงการนอนหลับไป แล้วจินตนาการถึงเรื่องต่างๆ นานา ไม่ว่าจะดีหรือร้าย และความฝันที่เปรียบเสมือนเป้าหมายในชีวิตให้เราวิ่งสู้ฟัดไปหามัน อย่างการมีเงินทองใช้สอยสะดวก มีอิสรภาพทางการเงิน หรือเป็น CEO บริษัทชั้นนำให้ได้ นี่แหละค่ะ คือความฝันที่เรากำลังจะพูดถึงกันในวันนี้

ทุกคนมีความฝัน ใช่! ทุกคนมี แต่จะมีสักกี่คนที่ได้ทำตามฝัน จะมีสักกี่คนที่ได้รับโอกาสที่ดี บางคนก็คิดว่าโอกาสที่ดีเปรียบเสมือนโชคหล่นทับ จริงเหรอ ใช่โชคจริงๆ มั้ย หรือแท้จริงแล้ว มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองทั้งหมด อย่างการพัฒนาศักยภาพที่มีของตนเอง อะไรก็ตามแต่ที่จะทำให้เราไขว่คว้าความฝันมาครอบครองได้เราก็พร้อมที่จะทำ วันนี้เราลองมาดูวิธีการวิ่งตามความฝันให้ถึงเส้นชัยตามแบบฉบับของ UNLOCKMEN กันดีกว่าค่ะ

itw_wallpaper_04_800x600

1. ถามใจตัวเองให้ดีว่าสิ่งที่คุณต้องการคืออะไร

เราสังเกตเห็นว่าหลายคนยังตอบคำถามตัวเองไม่ได้เลยว่า สิ่งที่พวกเขาต้องการนั้นคืออะไร ในดีเทลของแต่ละคนความฝันย่อมไม่เหมือนกันจริงไหมคะ บางคนอาจจะรู้ว่าตัวเองอยากมีบ้านหลังโต มีรถคันงาม หรือมีเงินกองอยู่ในบัญชี 7-8 หลัก แต่กลับปล่อยความฝันนั้นให้ผ่านไป ด้วยความคิดที่ว่าเอาวันนี้ให้รอดไปก่อน หรือโทษเรื่องโชคชะตาและเงินทองที่ตนมี แบบนี้เราอาจไม่มีทางไปถึงฝั่งฝันได้เลย แต่ก่อนจะไปให้ถึง โปรดถามตัวเองให้แน่ใจว่าอะไรในชีวิตที่สำคัญ แล้วคุณต้องการอะไรกันแน่

2. เมื่อทำอะไรไม่สำเร็จ อย่าโทษคนอื่น

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในระดับไหนขององค์กร การทำงานย่อมมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เมื่อเกิดความผิดพลาดแล้วนั้น คุณโทษคนอื่นก่อนหรือว่าโทษตัวเองก่อน อันนี้ต้องคิดให้ดีค่ะ สมมติมีโปรเจ็คอยู่หนึ่งชิ้นที่คุณและทีมได้รับมอบหมายมาทำ เมื่อทำออกไปแล้ว โปรเจ็คไม่ผ่าน ถูกตำหนิจากเบื้องบน แต่คุณกลับโทษคนอื่น จนลืมไปว่าตนเองก็คือหนึ่งในโปรเจ็คเหล่านั้น ฉะนั้นควรโทษตัวเองก่อน แล้วแก้ไขมัน ไม่จำเป็นต้องรอให้คนอื่นเป็นฝ่ายแก้ไขมันก่อน ลองคิดดูสิคะว่า ถ้าทุกคนคิดเหมือนกัน งานทุกชิ้นต้องสำเร็จ และไปได้ไวแน่นอน

still-of-emma-watson-in-the-perks-of-being-a-wallflower

3. รอบรู้ พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างสม่ำเสมอ

เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ไม่มีใครแก่เกินเรียน เราเชื่อว่าคำนี้ยังใช้ได้ผลเสมอ สมมติว่าความฝันของคุณคือการก้าวขึ้นเป็นครีเอทีฟชั้นนำ คุณก็ต้องรู้ตัวเองว่าเราต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมบ้าง ศึกษาผลงานชิ้นเอกของครีเอทีฟระดับโลกมั้ย มีทักษะอะไรที่ต้องเรียนรู้ อย่าคิดแค่ว่าคุณต้องทำงานนี้ไปวันๆ ถ้าความฝันของคุณมี คุณก็ต้องรับผิดชอบมันค่ะ อย่าปล่อยให้ความขี้เกียจผลักความฝันให้ถอยห่างออกไป

4. ตื่นเช้าให้เป็นนิสัย

CEO ชั้นนำระดับโลก ต่างก็ตื่นเช้ากันจนเป็นนิสัย ไม่ว่าจะเป็นบิล เกตต์ หรือว่าเจ้าแม่แห่งวงการแฟชั่นแอนนา วินทัวร์ ต่างก็ตื่นตีสี่ตีห้าเป็นประจำ แน่นอนว่าคนที่ตื่นเช้า เขาจะได้ทำอะไรที่มากกว่าคนที่ตื่นสายแน่นอน เราเองก็เคยถูกคุณตาคุณยายสอนมาตั้งแต่เด็กๆ ว่าอยากเป็นเศรษฐีห้ามตื่นสาย เพราะเราจะพลาดโอกาสในการทำมาหากิน ลองคิดดูสิ ทุกคนมีเวลาเท่ากันในแต่ละวัน แต่ถ้าคุณตื่นสายเกือบทุกวัน เวลาที่คุณมีก็น้อยกว่าคนอื่นแล้วล่ะค่ะ ลองตื่นเช้ามาออกกำลังกาย เช็คลิสต์สิ่งที่จะทำในแต่ละวันดู รับรองว่าคุณจะประสบความสำเร็จในไม่ช้า

img3

5. พูดคุย สร้างคอนเนคชั่นให้ตัวเองเสมอ

ไม่มีใครก้าวไปสู่จุดสูงสุดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น มนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม ตำแหน่งระดับสูงอย่าง CEO ก็ต้องอาศัยทีมเวิคที่ดี ต้องพูดคุย ชักนำให้พนักงานทำงาน มีพาวเวอร์พอที่จะสั่งคนอื่นๆ ได้ การที่เขาจะสำเร็จได้นั้น ไม่ได้แปลว่าเขาจะมุทะลุทำสิ่งเหล่านั้นเพียงคนเดียวเลย ฉะนั้นการสร้างคอนเนคชั่นให้กับตัวเองได้ดีนั้นมีประโยชน์มากๆ เวลาคุณประสบปัญหาคนที่คุณเคยสร้างมิตรภาพไว้เค้าก็จะยินดียื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคุณ เวลาคุณทำอะไรก็มีคนคอยซับพอต ให้มิตรภาพด้วยความจริงใจ ความจริงใจและความสำเร็จก็จะวิ่งกลับมาหาคุณค่ะ

6. ขยัน และอดทน

สำคัญมากๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในฐานะหน้าที่อะไร การทำสิ่งต่างๆ ด้วยใจเกินร้อยย่อมดีเสมอ ลองสังเกตว่าคุณทำงานด้วยความขยันขันแข็งแค่ไหน ถ้ามันยังไม่เต็มที่ ก็ปรับเปลี่ยนมุมมองทำมันให้เต็มที่ก่อน และจงอดทนต่อสิ่งต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา เราไม่เคยได้ยินเลยว่าคนที่ประสบความสำเร็จ เค้าเดินบนเส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ มีแต่ต้องฝ่าฟันขวากหนามที่ขวางทางไว้ เค้าทำได้ เราก็ต้องทำได้ค่ะ

2010_nowhere_boy_001

7. ท้อได้แต่อย่าถอย ห้ามเสียกำลังใจเป็นอันขาด

เราก็เป็น เผลอๆ ก็เป็นบ่อยด้วย เวลาเจองานหนักๆ เราก็มักจะท้ออยู่เสมอ แต่ทว่าเราไม่ยอมถอย มันคือบทพิสูจน์ และถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งในชีวิตของเราเอง สำคัญที่สุดคือต้องมีกำลังใจที่ดี ไม่ว่าจะเป็นจากคนรัก คนรอบข้าง เพื่อนฝูง หรือแม้แต่เพื่อนร่วมงาน ถ้าเพื่อนร่วมงานแย่ อะไรมันก็ดูเหมือนจะแย่ไปหมด หาที่ยึดเหนี่ยว แล้วสู้มันให้เต็มที่ค่ะ

8. เป้าหมายมีไว้พุ่งชน วิ่งเข้าหาโอกาสทุกครั้งเมื่อมันมาถึง

เราเป็นหนึ่งคนที่พยายามคว้าโอกาสทุกครั้งที่มันมาประชิดตัว บางครั้งก็เป็นฝ่ายวิ่งหามันเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ในชีวิตเราก็มักจะทำแบบนี้ ลองคิดดูเล่นๆ ว่า บนโลกนี้มีคนมากมาย แล้วทำไมโอกาสมันถึงเข้ามาหาเรา อย่าละเลยแล้วปัดมันออกไป ด้วยเหตุผลที่ไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง กลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต กลัวงานหนัก กลัวชีวิตจะต้องเผชิญกับสิ่งน่ากลัวต่างๆ ไม่เอาค่ะ อย่าคิดให้มันซับซ้อนนัก ชีวิตมันคือการเปลี่ยนแปลง และเป็นสังเวียนของการต่อสู้อยู่แล้ว ยึดมั่นและไล่ล่าฝันให้ถึงค่ะ

อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะคะ ว่าอยากจะไปให้ถึงฝันที่ได้วาดไว้มั้ย หรือจะล้มเลิก แล้วทิ้งมันลงกลางทาง หลังจากนั้นก็มาตัดพ้อว่าชีวิตมันไม่มีอะไรดีๆ เลย อย่าโทษสิ่งรอบข้าง แต่ให้ตระหนักดูว่าวันนี้เราทำอะไร แล้วอะไรบ้างที่มีความหมายกับเรา เมื่อรู้แล้วอย่านิ่งเฉย วิ่งตามมันให้ทันแล้วคว้ามันมาครอบครองให้ได้ค่ะ UNLOCKMEN เอาใจช่วยนักฝันทุกคน

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line