Business

ทุกวิกฤติมีโอกาส: หุ้น FUJIFILM พุ่ง ไม่ได้รุ่งเพราะกล้องใหม่ แต่เหตุเพราะมียา COVID-19 อยู่ในมือ

By: NTman March 19, 2020

การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-2019 ที่เราทั้งหลายต่างประสบกันอยู่ ณ ตอนนี้ บอกเลยว่ามันส่งผลกระทบไปทุกหย่อมหญ้า ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนร่วมทวีปอย่างญี่ปุ่น ที่แม้จะเป็นประเทศมหาอำนาจด้านเทคโนโลยี และเป็นประเทศที่สามารถรับมือภัยพิบัติได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก ก็ยังไม่วายถูกวิกฤติ COVID-2019 เล่นงาน จนตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ไปเยือนแดนอาทิตย์อุทัยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ลดลงไปกว่า 58%

และเมื่อวันที่ 18 มีนาคมที่ผ่านมา ภาคธุรกิจของญี่ปุ่นดูเหมือนจะยิ่งทรุดหนัก กับภาพสะท้อนของตลาดทุนสุดซบเซา ด้วยดัชนี Nikkei 225 ที่ดิ่งลงไปถึง 1.68% ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 3 ปี แต่ในวันที่อะไร ๆ ดูเหมือนจะเป็นลบ กลับมีหุ้นตัวหนึ่งฉายแสงขึ้นมา นั่นคือหุ้นของ Fujifilm Holdings Corp. ที่พุ่งทะยานขึ้นไปกว่า 700 จุด หรือพุ่งขึ้นไป 15.43% ปิดตลาดแบบชื่นมื่นที่ 5,238 จุด ในวันเดียวกันกับที่ดัชนี Nikkei 225 หดหู่ที่สุดในรอบ 3 ปี แบบไม่แคร์เพื่อนร่วมตลาด

Fujifilm X100V

ถ้าไม่ได้อ่าน Headline หรือติดตามข่าวเศรษฐกิจของญี่ปุ่นแบบเกาะติด หลายคนคงข้องใจแน่ ๆ ว่าอะไรที่ฉุดให้มูลค่าหุ้นของบริษัทผลิตกล้อง และ ฟิล์มชื่อดังอย่าง Fujifilm ขึ้นมาลอยลำเหนือหุ้นตัวอื่น ๆ ในตลาดที่กำลังอ่อนล้า หากจะบอกว่าเป็นเพราะกล้อง Fujifilm X100V รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวไปช่วงต้นกุมภา ก็คงดีเลย์เกินกว่าจะมาทำให้มูลค่าหุ้นถีบตัวสูงขึ้นเอาป่านนี้

Image Credit: AFP

เพราะจริง ๆ แล้ว พระเอกของค่าย Fujifilm ในคราวนี้ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ด้านการถ่ายภาพที่พวกเราคุ้นเคย แต่สปอตไลต์ได้สาดส่องให้สายตาของคนทั่วโลกจับจ้องไปที่ ‘Avigan’ ชื่อทางการค้าของยา Favipiravir (ฟาวิพิราเวียร์) ยาต้านไวรัสที่เป็นผลผลิตจากการพัฒนาของ Fujifilm Toyama Chemical บริษัทในเครือ Fujifilm Holdings Corp. ซึ่งยา Avigan นั้นได้รับการอนุมัติให้ใช้รักษาโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในญี่ปุ่นมาตั้งแต่มีนาคมปี 2014

หลังจากผ่านไปร่วม 6 ปี ยาชนิดนี้ได้ถูกกล่าวถึงอีกครั้งเมื่อวันอังคารที่ 17 ที่ผ่านมา โดยนายจางซินหมิน ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติของจีน ได้เปิดเผยในงานแถลงข่าวที่กรุงปักกิ่งว่า จากผลทดลองทางคลินิกกับผู้ป่วย 80 รายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองเซินเจิ้น และ การทดลองกับผู้ป่วยอีก 120 รายที่โรงพยาบาลชงหนานของมหาวิทยาลัยอู่ฮั่นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

บ่งชี้ว่าตัวยา Favipiravir ที่มีใน ‘Avigan’ ของทาง Fujifilm ออกฤทธิ์ในการต้าน Coronavirus รวมถึงบรรเทาอาการปอดบวมได้ผลน่าพอใจ ช่วยให้ผู้ป่วยที่ได้รับยาสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้นมีผลตรวจไวรัสเป็นลบโดยใช้เวลาเฉลี่ยเพียง 4 วัน จากปกติที่ต้องใช้เวลาเฉลี่ย 11 วันสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับยา

Image Credit: Reuters

และผลจากการ X-Ray ยังพบว่า ปอดของผู้ป่วยที่รับยาสามารถฟื้นสภาพกลับมาได้ถึง 91%   ในขณะที่สภาพปอดของผู้ป่วยซึ่งไม่ได้รับยาจะสามารถฟื้นคืนสภาพกลับมาได้เพียงแค่ 61% โดยในการทดลองกับผู้ป่วยยังไม่พบผลข้างเคียงที่ชัดเจนและน่ากังวล แต่ยังคงต้องใช้ภายใต้การดูแลควบคุมของแพทย์อย่างเคร่งครัด รวมถึงยังมีข้อควรระวังสำหรับการใช้ในสตรีมีครรภ์

ผ่านไปเพียงหนึ่งวันหลังการแถลงข่าวของรัฐบาลจีน ชื่อของ Avigan และตัวยา Favipiravir ก็ผงาดขึ้นมาในฐานะความหวังใหม่ของประชาคมโลก ส่งผลให้ทางฟากฝั่งของการเงินการลงทุน ชื่อของ Fujifilm Holdings Corp. นั้นเป็นหัวหอกทางธุรกิจที่อนาคตสดใส เป็นเหตุให้มูลค่าหุ้นถีบตัวสูงกว่า 15% แบบไม่แคร์ภาพรวมตลาดใด ๆ อย่างที่เล่าไว้ในบรรทัดบน ๆ

Unsplash

ฟังดูแล้วอาจเหมือนช่วงเวลาแฮปปี้ของ Fujifilm Holdings Corp. แต่ตอนนี้บริษัทลูกอย่าง Fujifilm Toyama Chemical กลับไม่มีเวลาฉลองมากนัก เพราะต้องเร่งกำลังการผลิต Avigan ที่แม้ว่าตอนนี้ในญี่ปุ่นเองจะมียาเพียงพอสำหรับ 2 ล้านคน แต่ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-2019 ที่ตรวจพบแล้วกว่า 200,000 รายทั่วโลกทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องเจรจาให้พิจารณาเรื่องเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับเหตุฉุกเฉินที่คาดไม่ถึง

รวมถึงรองรับคำสั่งซื้อจากประเทศผู้ประสบภัย COVID-19 อีกจำนวนมาก ภายหลังกิตติศัพท์ของยา Avigan ได้รับการยืนยันจากรัฐบาลจีน ฟังแล้วอาจจะดูเหนื่อยหน่อยที่ต้องคอยเร่งกำลังการผลิตแบบเต็มสตรีม แต่ถึงยังไงก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือช่วงเวลารับทรัพย์ท่ามกลางวิกฤติของทาง Fujifilm Holdings Corp. โดยแท้

ในขณะเดียวกันหลังจากประกาศ ทางการจีนก็เร่งผลิตยาออกมาทันทีโดยไม่ต้องรอนำเข้ายา Avigan แต่อย่างใด เพราะบริษัทยา Zhejiang Hisun Pharmaceutical ของจีนได้เซ็นสิทธิบัตรยาตัวนี้จาก Fujifilm เป็นที่เรียบร้อยมาตั้งแต่ปี 2016 และได้รับใบอนุญาตการผลิตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งชาติจีน เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พร้อมผลิตและจำหน่ายยาในประเทศจีนภายใต้ชื่อ Favilavir (ฟาวิลาเวียร์) แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนชื่อให้อ่านง่ายขึ้นอีกนิด รวมถึงเปลี่ยนผู้ผลิต แต่เจ้าของสิทธิบัตรอย่าง Fujifilm Holdings Corp. ก็ยังพร้อมรับทรัพย์อยู่ดี

Unsplash

และคงต้องบอกว่าด้วยอัตราความรวดเร็วในการระบาดของ COVID-2019 ที่เข้าขั้นน่าวิตก แม้จะทำให้หลายธุรกิจต้องหยุดชะงัก หรือขั้นหนักก็ถึงกับพังไม่เป็นท่า แต่จากการผงาดของ Fujifilm Holdings Corp. ด้วยยาดีในมือ ทำให้บริษัทยาอีกหลายรายกำลังทุ่มทุนวิจัยพัฒนายา และ วัคซีน เพื่อรับมือกับไวรัสร้ายชนิดนี้กันแบบจ้าละหวั่น ที่เห็นชัด ๆ ก็ 4 บริษัทยายักษ์ใหญ่จากสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท Gilead Sciences Inc. ที่กำลังทดสอบตัวยา Remdesivir, บริษัท GlaxoSmithKline LLC ที่กำลังสร้างแพลตฟอร์มรับมือการแพร่ระบาดของไวรัส รวมถึงบริษัท Johnson & Johnson และ บริษัท Moderna ที่ตั้งหน้าตั้งตาสร้างวัคซีนมาป้องกันไวรัส COVID-2019 กันตั้งแต่เนิ่น ๆ

Unsplash

งานนี้ใครจะผงาดขึ้นมาต่อจาก Fujifilm คงต้องรอดู ซึ่งถ้าเป็นแง่ของยารักษาก็อาจทำได้แค่แชร์ส่วนแบ่งการตลาด นอกเสียจากจะมาพร้อมประสิทธิภาพการรักษาที่ดีกว่า และผลข้างเคียงที่น้อยกว่า

แต่ที่น่าจับตาคือใครกันแน่ที่จะมาคว้าตำแหน่งผู้ผลิตวัคซีนป้องกันไวรัส COVID-2019 ขึ้นมาได้ก่อนเป็นเจ้าแรก เราคิดว่านั่นแหละคือผู้ชนะตัวจริงของสงคราม COVID-2019 ครั้งนี้ ส่วนประชาชนตาดำ ๆ อย่างเรา เอาเป็นว่าไม่ต้องถึงกับชนะใคร ขอแค่ดูแลป้องกันตัวเอง และรับผิดชอบต่อผู้คนรอบข้างให้ห่างจากความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเท่านี้ก็พอ จากนั้นก็ประคองชีวิตรอความหวังที่ว่าอีกไม่นานเรื่องของตัวยาและมาตรการการป้องกันและรักษาคงจะชัดเจนกว่านี้ แล้วเราจะรอวันนั้นเพื่อผ่านเรื่องเลวร้ายไปด้วยกันอีกครั้งนะครับผม

 

SOURCE: 1/2/3/4/5/6/

NTman
WRITER: NTman
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line