Entertainment

GOOD GUY KEANU REEVES ความสำเร็จและความเป็นผู้ให้ จากชีวิตที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง

By: Chaipohn December 17, 2018

Keanu Reeves คือผู้ชายที่มีความมั่งคั่งระดับ $360,000,000 USD (12,000 ล้านบาท) นั่งรถไฟฟ้า นั่งกินข้าวพูดคุยกับ Homeless ได้อย่างสบายใจ

ถ้าให้นึกถึงผู้ชายที่แม้แต่ผู้ชายด้วยกันต้องหลงใหล ชื่อที่ถูกยกให้เป็นอันดับ 1 ต้องเป็น Keanu Reeves อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นภายนอกที่ดูหล่อเท่แบบไม่ต้องพยายาม ไม่ได้วิ่งไล่ตามแฟชั่น แต่เลือกในสิ่งที่ใส่แล้วรู้สึกสบายใจ หรือจะเป็นภายในจิตใจที่ Keanu Reeves ได้รับเสียงยืนยันจากทั้งผู้ร่วมงานและคนรอบตัวที่ได้พบเจอกับเค้า ถึงความเป็นคนดี ใจกว้าง เข้าถึงง่าย มีความติดดินไม่ถือตัวว่าเป็นดาราใหญ่ ทั้งที่มีความสามารถในการแสดงจนชนะใจคนทั้งโลกได้ไม่ว่าจะนึกถึงเค้าในบทบาทไหนก็ตาม Keanu Reeves เป็นผู้ชายที่รับประกันได้ว่า หล่อทั้งในจอและนอกจออย่างแท้จริง

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติที่จะเกิดขึ้นได้กับทุกคน เราเห็นดาราที่ประสบความสำเร็จเร็วแต่ชีวิตกลับพังพินาศ คนมีชื่อเสียงที่เป็นคนดีแค่ในจอ หรือคนที่มีเงินมากมายแต่กลับดูถูกคนรอบข้าง สำหรับ Keanu Reeves สิ่งที่หล่อหลอมให้ตัวเข้าเป็นคนดีแบบทุกวันนี้ได้นั้น กลับกลายเป็นความผิดหวังและเรื่องราวน่าเศร้าแทบจะตลอดช่วงชีวิตของเค้า แต่ก็เป็นเพราะประสบการณ์เหล่านั้นเองที่ทำให้ Keanu Reeves เข้าใจโลกนี้ได้ดีกว่าคนอื่น และเรื่องหนักอึ้งทั้งหมดที่เค้าเจอ ไม่สามารถทำลายจิตใจของเค้าได้ ความอดทนจึงเป็นสิ่งที่เราควรจะเรียนรู้จากชีวิตของผู้ชายคนนี้

Keanu Reeves เป็นลูกชายของ Patricia และ Samuel Reeves ลืมตาดูโลกในวันที่ 2 กันยายน 1964 ปัจจุบันอายุ 54 ปี หลายคนอาจจะนึกภาพชีวิตของ Keanu Reeves เป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบ แต่ผิดถนัดครับ เพราะตั้งแต่เกิดมา Keanu Reeves เจอเรื่องหนัก ๆ มาโดยตลอด เมื่ออายุได้เพียง 3 ขวบ พ่อขี้ยาที่เคยติดคุกเพราะขายเฮโรอีน ก็เลิกลาและทิ้งครอบครัวของเค้าไป แม้จะมีติดต่อกันอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกว่ามีพ่อคอยอยู่ข้าง ๆ ก็ค่อย ๆ หายไปเนื่องจาก Keanu Reeves ต้องย้ายบ้านตามคุณแม่ที่แต่งงานใหม่อีก 4 ครั้ง นั่นหมายถึงการต้องย้ายถิ่นที่อยู่ไปไกลถึง Sydney, New York, Toronto และย้ายโรงเรียนตลอดเวลา เพื่อนและสังคมของ Keanu Reeves ในวัยเด็กจึงแทบไม่มี

เมื่อไม่มีคนรอบข้าง Keanu Reeves จึงมีปัญหาการแสดงอารมณ์ ถ้าภาษาปัจจุบันก็คงเรียกว่าเป็นโรคซึมเศร้าขั้นหนัก มีความเก็บกดอารมณ์โกรธอยู่ข้างใน และยังเป็นโรคดิสเล็กเซีย (Dyslexia) มีความบกพร่องในการอ่าน มีปัญหาในการอ่านเขียน ชีวิตนักเรียนจึงเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับ Keanu Reeves ถึงขั้นโดนไล่ออก แม้จะเจอสิ่งที่ชอบอย่างการเล่นเป็น Goalkeeper ในกีฬา Hockey ถึงขั้นใฝ่ฝันว่าจะอยู่กับกีฬาชนิดนี้ไปตลอด และเป้าหมายถึงการเป็นตัวแทนทีมชาติ Canada แต่สุดท้ายเค้ากลับประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บจนไม่สามารถเล่นได้ และทำให้เค้าตัดสินใจทิ้งชีวิตในโรงเรียนไปทันที

แม้การแต่งงานใหม่ของแม่จะไม่ใช่เรื่องดี แต่หนึ่งในพ่อเลี้ยงก็เป็นคนผลักดันให้ Keanu Reeves ได้ Green Card และย้ายไปใช้ชีวิตใน LA ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางการแสดงที่จริงจังของเค้า แม้ในช่วงแรกบทบาทที่เค้าเล่นจะเป็นเพียงบทตัวประกอบเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก แต่ด้วยความพยายามบนเส้นทางที่เลือกแล้ว Keanu Reeves ก็ค่อย ๆ ได้บทที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับ ทุกอย่างควรจะเริ่มดีเข้ารูปเข้ารอย แต่เค้าต้องมาเจอการสูญเสียครั้งใหญ่อีกครั้ง

ในปี 1998 เค้าเจอกับ Jennifer Syme แฟนสาวที่เค้ารักมากและคบมาเป็นเวลานานจนตั้งท้องขึ้น แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขก็ต้องเปลี่ยนเป็นความผิดหวังอีกครั้ง เมื่อ Syme คลอดลูกออกมาเสียชีวิต ความสะเทือนใจนี้ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จบลงตามไปด้วย และในปี 2001 ข่าวเศร้าก็มาเยือน Keanu Reeves อีกครั้ง เมื่อ Syme ที่เข้ารับการรักษาอาการเครียดมาตลอด ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์พลิกคว่ำหลายตลบ ศพกระเด็นออกมานอกรถ ความเสียใจทำให้ Keanu Reeves ต้องขอพักถ่าย The Matrix ชั่วคราวเพื่อทำใจ

โชคชะตาดูเหมือนจะไม่อยากให้ Keanu Reeves ได้พักความเสียใจ เพราะน้องสาวที่รัก Kim Reeves ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว และต้องต่อสู้กับมันมายาวนานนับสิบปี ซึ่งตลอดเวลาก็ได้ Keanu Reeves คอยดูแลเป็นอย่างดี พร้อมบริจาคเงินให้หน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับด้านมะเร็งเม็ดเลือดขาว โดยหวังว่าจะเจอวิธีรักษาหรืออย่างน้อยก็ขอให้เกิดปาฏิหาริย์กับน้องสาวของเค้า

ซึ่งโชคดีที่ครั้งนี้ Keanu Reeves ได้พบกับข่าวดีบ้าง เพราะ Kim Reeves หายจากอาการป่วยแล้วเรียบร้อย แต่ Keanu Reeves ก็ยังคงบริจาคเงินให้โรงพยาบาลเด็กและสถาบันวิจัยมะเร็งต่อไป รวมถึงจัดตั้งกองทุนของตัวเองเพื่อสนับสนุนโดยไม่เคยใช้ชื่อตัวเองเลย

“I don’t like to attach my name to it, I just let the foundation do what it does.”

ความเจ๋งของ Keanu Reeves เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวางหลายเรื่อง สิ่งที่ผ่านตาเรามาบ้านน่าจะเป็นการสละที่นั่งให้คนอื่นบนรถไฟฟ้า ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้านักแสดงหมื่นล้านคนนี้ไม่ใช่คนติดดินใช้รถสาธารณะในการเดินทางเหมือนคนทั่วไป นั่นเพราะสิ่งที่ Keanu Reeves เจอมาสอนให้ได้รู้ว่า เงินหรือฐานะไม่ใช่สิ่งสำคัญของชีวิต ซึ่งการกระทำของเค้าก็เป็นหลักฐานที่บอกได้ว่าเค้าคิดแบบนี้จริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการยอมลดเงินค่าตัวของตัวเองลง เพื่อให้ทีม Casting มีงบเหลือในการจ้างนักแสดงคนอื่นเพื่อทำให้ภาพยนตร์สมบูรณ์ขึ้น

หรือในกรณี่ The Matrix ที่มีการพูดถึงความใจกว้างและเป็นกันเองของ Keanu Reeves กับทีม Crew ในกองถ่ายว่า Keanu Reeves พาคนในทีมไปเลี้ยงข้าวเป็นประจำเกือบทุกวัน พูดคุยอย่างเป็นกันเอง จำชื่อทุกคนในกองถ่ายได้ ขับรถไปส่งคนที่อยู่ห่างจากบ้านตัวเองเป็นร้อยกิโลเมตร หรือแม้แต่ควักเงินตัวเองให้หนึ่งในทีมงานที่มีปัญหาครอบครัวให้ถึง $20,000 (ราว 700,000 บาท) และที่เป็นตำนานที่สุดน่าจะเป็นการแบ่งเงินรายได้จาก The Matrix ของตัวเองให้กับทีมงานเบื้องหลัง และ Speical Effect ทั้งสามภาครวม ๆ กว่า $80 ล้านเหรียญ จากรายได้มากกว่า $100 ล้านเหรียญของเค้า (The Matrix แต่ละภาคทำรายได้เฉลี่ยราว 450 ล้านเหรียญถึง 700 ล้านเหรียญ)

“Money is the last thing I think about.” 

ยังมีคำชื่นชม Keanu Reeves อีกมากมาย ซึ่งหาข้อมูลได้ง่ายกว่าการถูกพูดถึงในแง่ร้ายเกี่ยวกับตัวเค้าซะอีก

ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ Keanu Reeves เจอนั้นล้วนเป็นประสบการณ์ที่หนักเกินกว่าเราจะจินตนาการได้ว่า “ถ้าเกิดขึ้นกับเรา จะทนได้ถึงขนาดนี้หรือไม่” แต่ที่เราเห็นคือ Keanu Reeves สามารถต่อสู้อดทนกับทุกความเจ็บปวดมาได้โดยไม่เคยทิ้งความหวังที่จะประสบความสำเร็จลงไป ทำให้วันนี้ Keanu Reeves อาจจะเป็นผู้ชายคนเดียวใน Hollywoods ที่ไม่มี Mansion หรู ไม่มี Bodyguards เดินห้อมล้อม ไม่มี Exotic Cars จำนวนมากไว้ขับอวดใคร

แต่ Keanu Reeves มีความสุขที่เรียบง่ายและได้ใจของคนทั้งโลกไปครองอย่างที่ไม่มีใครทำได้ เป็นการประสบความสำเร็จทั้งในจอและนอกจออย่างแท้จริง

 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line