ถ้าให้พูดชื่อซิทคอมยุคปลาย 90s ในดวงใจมาสักเรื่อง มั่นใจเลยว่าไม่มีใครสามารถเลือกเรื่องเดียวได้หรอก ก็ในช่วงเวลานั้นมีทั้ง Sex and the City (1998-2004) และ Friends (1994-2004) ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังไม่นับเรื่องอื่น ๆ อีกเต็มไปหมด แต่เราอยากขอให้ทุกคนเหลือที่ว่างในใจเผื่อเอาไว้อีกสักที่ครับ เพราะซิทคอมเรื่อง That ’70s Show เป็นโชว์ที่เราไม่อยากให้ชาว UNLOCKMEN พลาดเด็ดขาด กัญชา, เพลงร็อค และ ชีวิตของวัยรุ่นอเมริกันปี 70s คือสิ่งที่ขับเคลื่อนซิทคอมเรื่องนี้ That ’70s Show คือซิทคอมที่ออกฉายในปี 1998-2006 เล่าเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นสุดเบียวปินเกลียวผู้ปกครองให้หัวจะปวดไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งโดดเรียน แอบไปกินเบียร์ทั้ง ๆ ที่ยังอายุไม่ถึง หนักถึงขนาดแอบดูดกัญชาอยู่ในห้องใต้ดินในขณะที่พ่อ-แม่อยู่ข้างบน ผ่านฉากหลังของเมือง Point Place (เมืองสมมติ) ในรัฐ Wisconsin (อันนี้มีจริง) ในปี 70s รู้จักตัวละครกับนักแสดงของเรื่อง : Eric Forman (Topher
Dangerous Minds คือภาพยนตร์แนวดราม่าที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในยุค 90’s ออกฉายครั้งแรกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 1995 นำแสดงโดย Michelle Pfeiffer มารับบทเป็นคุณครู LouAnne Johnson และกำกับการแสดงโดย John N. Smith ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดได้รับแรงบันดาลใจมาจากหนังสือ “My Posse Don’t Do Homework” ที่เขียนโดย LouAnne Johnson ตัวจริง Dangerous Minds นำเสนอเรื่องราวของคุณครูคนหนึ่งที่ตกลงปลงใจเข้าสอนกลุ่มนักเรียนพิเศษในระดับไฮส์สคูล หรือจะให้บอกตรง ๆ ก็คือกลุ่มนักเรียนเกเรที่ไม่มีใครอยากสนใจ มีครูมากมายที่ต้องลาออกไปเพราะไม่สามารถที่จะรับมือกับความแสบของเด็ก ๆ กลุ่มนี้ได้ แต่ครู LouAnne Johnson กลับสามารถพิชิตใจนักเรียนกลุ่มนี้ได้ แม้กว่าจะทำสำเร็จก็ต้องผ่านเรื่องราวอะไรต่าง ๆ มากมาย ซึ่งพอมาเปรียบเทียบกับชีวิตของเราแล้ว มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมาะกับการนำไปปรับใช้เวลาทำงานด้วยเช่นกัน และเราสามารถแบ่งประเด็นที่น่าสนใจออกมาได้เป็นจำนวน 5 ข้อหลัก ๆ ดังนี้ แผนบางอย่างใช้ไมได้กับทุกสถานการณ์
จอห์น ซีน่า แท็กทีมเหล่าฮีโร่ต่อสู้กับเหล่าวายร้ายเพื่อพิทักษ์โลก ในซีรีส์เรื่องใหม่ล่าสุด Peacemaker พร้อมเข้าฉายสามตอนแรกในวันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคมนี้ และสามารถรับชมตอนใหม่ได้ทุกวันพฤหัสบดี เฉพาะทาง HBO GO เท่านั้น Peacemaker เล่าเรื่องราวเบื้องหลังต้นกำเนิดของ Peacemaker ชายผู้อวดดีที่เชื่อในสันติภาพจนยอมแลกและทำทุกอย่าง ไม่ว่าเขาจะต้องฆ่าคนสักกี่คนเพื่อให้ได้มันมา ตัวละครที่ปรากฏตัวครั้งแรกในภาพยนตร์ The Suicide Squad ของผู้กำกับเจมส์ กันน์ (James Gunn) รับบทโดย จอห์น ซีน่า (John Cena) พร้อมเสริมทัพด้วยเหล่านักแสดงมากความสามารถ อาทิ แดเนียล บรู๊คส์ (Danielle Brooks) รับบท Leota Adebayo, เฟรดดี้ สโตรมา (Freddie Stroma) รับบท Vigilante, เจนนิเฟอร์ ฮอลแลนด์ (Jennifer Holland) รับบท Emilia Harcourt, สตีฟ เอจี
จากคอมมิคที่แปลกและแตกต่างของโลก Super Hero ในยุค 60s นับเป็นเวลาที่ยาวนานไม่ใช่น้อยสำหรับไอ้แมงมุม หรือ Spider-Man ที่โลดแล่นบนทั้งหน้ากระดาษ ทั้งจอทีวีในรูปแบบอนิเมชั่น มาจนถึงรูปแบบภาพยนตร์จอใหญ่ แต่ถึงกระนั้น Spider-Man ก็หาได้หยุดนิ่งไม่ สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในจักรวาลของไอ้แมงมุมมาตลอด 60 ปี และเพื่อต้อนรับหนัง Spider-Man No Way Home ที่ฉายให้ชมกันในโรงภาพยนตร์ เรามาดูการเปลี่ยนแปลงและความแตกต่างของซูเปอร์ฮีโร่ ที่มีทั้งรูปแบบชะตากรรมสุดรันทดจนไปถึงเวอร์ชั่นเกรียนทะลุจอกัน มาดูกันว่าไอ้แมงมุมเวอร์ชั่นไหนที่ตรงใจคุณมากที่สุด จุดกำเนิดไอ้แมงมุม จากการ์ตูนสั้น ปั่นกระแสจนเป็นการ์ตูนคลาสสิค คาแรคเตอร์ไอ้แมงมุมนั้น ถือกำเนิดขึ้นมาแบบไม่ไม่ได้ตั้งใจนัก กล่าวคือ Stan Lee ผู้จุดกำเนิดไอเดีย และ Steve Ditko ศิลปินนักวาดการ์ตูนนั้นกำลังเฟ้นหาไอเดียใหม่ ๆ ของสุดยอดวีรบุรุษหลังจากพวกเขาแบกรับความสำเร็จจากการ์ตูน Fantastic Four ความกดดันถาโถมเขาอย่างหนัก จนกระทั่งวันหนึ่ง เขามองเห็นแมงมุมไต่อยู่ตรงผนัง Stan Lee ก็เกิดไอเดียขึ้นโดยฉับพลัน ถึงเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกแมงมุมกัดจนเกิดปฏิกิริยาส่งผลให้เขามีพลังเหนือมนุษย์ แต่ในช่วงนั้นเขาพบว่าซูเปอร์ฮีโร่ส่วนใหญ่จะเป็นวัยผู้ใหญ่มากกว่า เขาจึงลองออกแบบดีไซน์ซูเปอร์ฮีโร่วัยรุ่นดูบ้างเพื่อหาไอเดียที่แตกต่างและหลากหลาย แต่ในตอนต้น กองบก.ใน Marvel
หากเอ่ยถึงวาระที่ย่างเข้า 25 ปี แฟน UNLOCKMEN ก็คงคิดถึงวัยเบญจเพสอันแสนร้อนรุ่ม วัยที่เพิ่งผ่านพ้นความเป็นวัยรุ่นเพื่อก้าวสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว ย้อนกลับไปเมื่อ 25 ปีก่อน ในตอนนั้นวงการภาพยนตร์ก็เต็มไปด้วยสีสันของหนังหลากแนว ไม่ว่าจะเป็นจุดสูงสุดของหนัง Blockbuster ที่ทำเงินถล่มทลาย รวมไปถึงหนังอินดี้สีสันจัดจ้านมากมายที่กลายมาเป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญของวงการ เรามาย้อนความทรงจำของหนังช่วงกลางยุค 90s มาดูกันว่าจุดเริ่มต้นเหล่านี้ ได้ส่งผลอะไรต่อวงการหนังในปัจจุบันกันบ้าง Independence Day ภาพของมหานครไม่ว่าจะเป็นทำเนียบขาว หรือแลนด์มาร์คต่าง ๆ ถูกจานบินลึกลับจากนอกโลกถล่มจนราบเป็นหน้ากลอง ในยุคปัจจุบันอาจจะดูเป็นภาพที่แสนจะชาชินและธรรมดา แต่ทว่าเมื่อ 25 ปีที่แล้ว ภาพเหล่านั้นต่างเป็นภาพที่ชวนตื่นตาสำหรับผู้ชมที่ได้ชมกันในโรงภาพยนตร์ สำหรับหนังไซไฟโลกถล่มแผ่นดินทลายในหนัง Independence Day หรือ ID4 หนังแนวโลกวิบัติผสมผสานกับการครองโลกของเหล่าเอเลี่ยน กลายเป็นโปรแกรมเด็ดของหนังยักษ์ต้อนรับซัมเมอร์ที่ทุกคนต้องดู ผู้กำกับ Roland Emmerich ที่เพิ่งผ่านงานหนังไซไฟลึกลับอย่าง Stargate สานต่อเรื่องราวของสิ่งมีชีวิตจากต่างดาว ที่มาจู่โจมโลกใบนี้ได้อย่างทรงพลัง บวกกับพลังดาราที่มากันล้นจอ ตั้งแต่ Will Smith ที่เพิ่งแจ้งเกิดจาก Bad Boys มาขับยานต่อสู้กับเหล่าเอเลี่ยนได้สุดกวน หรือสุนทรพจน์อันทรงพลังของ Bill Pullman
มหกรรม Tokyo Olympic 2020 ที่ถึงแม้จะล่าช้าจากโรคระบาดที่สะเทือนไปทั่วทั้งโลก แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งสปิริตอันแรงกล้าของเจ้าภาพญี่ปุ่นที่ข้ามพรมแดนของโรคระบาด พร้อมประกาศจัดงานอย่างอลังการ เพื่อให้รู้ว่าพลังของมนุษย์นั้นยิ่งใหญ่พอที่จะสามารถก้าวข้ามทุกอุปสรรคเพื่อยืนหยัดสู่ที่ 1 ของโลกให้จงได้ และในประวัติศาสตร์ของมหกรรมกีฬาระดับโลกนี้ ไม่แปลกใจเลยที่โลกของภาพยนตร์ ได้บันทึกเรื่องราวอันหลากหลาย ที่น่าทึ่ง ทั้งซาบซึ้ง ทั้งระทึกใจ และนี่คือหนังเกี่ยวกับมหกรรมโอลิมปิก ที่คุณควรหาชม เพราะสนุกไม่ต่างกับการลุ้นการแข่งขันจริง ๆ เลย Tokyo Olympiad (1962, Kon Ichikawa) เริ่มต้นด้วยสารคดีที่บันทึกความยิ่งใหญ่สมัยที่โตเกียวเป็นเจ้าภาพในการจัดงานโอลิมปิคในครั้งแรกเมื่อปี 1964 ที่ได้ผู้กำกับระดับตำนาน Kon Ichikawa บันทึกภาพทั้งความยิ่งใหญ่ในการจัดงาน เพื่อแสดงให้เห็นความพร้อมของประเทศญี่ปุ่นหลังพ่ายแพ่ต่อสงครามโลกครั้งที่ 2 และใช้เวลาเยียวยาพัฒนาจนกลับมายิ่งใหญ่ ขณะเดียวกันหนังก็ได้รับการยกย่องในฐานะการสรรสร้างศิลปะบนเฟรมด้วยการถ่ายภาพระดับ Super Close-Up ที่ใกล้ชิดจนเห็นถึงกล้ามเนื้อและหยดเหงื่อ ทั้ง ๆ ที่การถ่ายทำนั้นไม่ได้มีการเซ็ทใด ๆ ผู้กำกับและตากล้องที่มีเพียง 2 คน ต่างสามารถบันทึกภาพงดงามของการแข่งขันในเสี้ยววินาทีราวกับงานศิลปะสุดอ่อนช้อย เข้มแข็ง และยิ่งใหญ่อย่างเหลือเชื่อ หนังพูดน้อยมากเพื่อให้เราซึมซับภาพการแข่งขันอันสุดทะเยอทะยานชุดนี้ แม้มีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 50 นาที
โลกแฟนตาซีที่ไร้ซึ่งศีลธรรม มหกรรมแห่งการโรมรันอันเร่าร้อนบนจอ Porn Movie หรือ ภาษาชาวบ้านเรียกว่า หนังโป๊ / หนังผู้ใหญ่ / หนังเอวี แม้จะอยู่ขั้วตรงข้ามกับความดีงามและความถูกต้อง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หนังอินดี้ที่ประหยัดงบคอสตูม ถ่ายกันอยู่ไม่กี่คน กลับเป็นแรงผลักดันมหาศาลต่อธุรกิจความบันเทิงมานานนับศตวรรษ และปั้นเม็ดเงินจนได้ให้กำเนิดนวัตกรรมสำคัญแห่งโลกเทคโนโลยีในปัจจุบัน และเพื่อต้อนรับซีรีส์ The Naked Director 2 เรามาทำความรู้จักกับหนังแนวนี้กันทีละก้าว เพื่อรู้ว่า หนังโป๊ที่เสื่อมศีลธรรม กลับสร้างนวัตกรรมมากมาย และผลักดันเศรษฐกิจให้กับโลกใบนี้ได้อย่างเหลือเชื่อ ก่อนศตวรรษที่ 20 Porn Movie เรื่องแรกของโลก ย้อนกลับไป ตั้งแต่โลกใบนี้เพิ่งรู้จักกับสิ่งที่เรียกว่าภาพยนตร์ใหม่ ๆ ตั้งแต่ยุคหนังเงียบนั้น หนังที่เปลืองเนื้อหนังมังสาก็คลานตามกันมาไม่นานเช่นกัน มีข้อถกเถียงมากมายว่าหนังเรื่องไหนที่ควรนับเป็นหนังอีโรติกเรื่องแรก ถ้าเป็นการ “ถอดทีละชิ้น” เพื่อเห็นปทุมถันและของพึงสงวน หนังเรื่องแรกที่ควรได้รับตำแหน่งนั้นก็น่าจะเป็นหนังเงียบจากประเทศฝรั่งเศสเรื่อง “Le Coucher de la Mariée” ที่นักแสดงตลกสาว Louise Willy ลงทุนเปลื้องผ้าจะจะตาให้เห็นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1899 แต่ถ้าหนังอิโรติกที่มีฉากร่วมรักกันให้เห็น หนังเรื่อง
แน่นอนว่าช่วงเวลานี้ สำหรับนักดูหนังแล้ว ไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้นไปกว่าการมาของหนังตัวอย่างและโปสเตอร์ของหนังฮีโร่เรื่องใหม่ของ Marvel Studio เรื่อง Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings นั่นเอง แต่ที่น่าจะตื่นเต้นปนฉงนยิ่งกว่า นั่นก็คือผู้ที่มารับบทบาทนี้กลับเป็นคนโนเนมที่มีชื่อเสียงระดับปานกลางอย่าง Simu Liu ซึ่งเมื่อประกาศชื่อชายคนนี้มา ก็มีทั้งกระแสแง่บวกและแง่ลบเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้สนั่นโลกโซเชียล แต่เราไม่อยากให้คุณตีตนไปก่อนไข้ และลองเปิดใจมาทำความรู้จักผู้ชายคนนี้กันให้ลึกซึ้งก่อนที่จะตัดสินเขากันดีกว่า ว่าสรุปแล้วเขาเหมาะหรือไม่สำหรับการแบกรับบทบาทซูเปอร์ฮีโร่ที่ไม่เพียงเป็นบทบาทในโลกภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังแบกศักดิ์ศรีของชาวเอเชียให้โลกได้ประจักษ์อีกด้วย Simu Liu ชีวิตที่ลิขิตในวงการบันเทิง Simu Liu เกิดที่เมือง ฮาร์บิน มณฑลเฮย์หลงเจียง ก่อนจะย้ายถิ่นฐานตามพ่อและแม่มาอยู่ที่ประเทศแคนาดาตอนอายุ 5 ขวบ แรกเริ่มเดิมทีเขามีความใฝ่ฝันในอาชีพนักแสดง แต่ก็ไกลเกินเอื้อมคว้าสำหรับชายหนุ่มหน้าตี๋ที่พร้อมจะถูกรังแกจากฝรั่งตาน้ำข้าวง่ายๆ เขาร่ำเรียนธุรกิจตามความคาดหวังของครอบครัวจนจบปริญญาตรีและทำงานเป็นมนุษย์กินเงินเดือนในฐานะนักบัญชี แต่ก็ทำได้เพียงปีเดียวเขาก็ออกจากงานเพื่อตามล่าความฝันอย่างจริงจัง โดย Simu ได้กล่าวถึงการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวครั้งนี้ในงาน Comic Con ว่า “สิ่งที่ผมอยากทำเมื่อโตขึ้นคือทำให้พ่อและแม่ภาคภูมิใจ มากกว่าจะเจ้ากี้เจ้าการให้ทำอะไรที่ไม่ชอบ มันมีความสุขมากนะที่พ่อและแม่ไม่ได้คาดหวังให้ผมเป็นในสิ่งที่ผมไม่อยากจะเป็น…เช่นหมอเป็นต้น” Simu Liu เริ่มต้นด้วยการเป็นตัวประกอบในหนังหุ่นยนต์สู้กับสัตว์ประหลาดไคจู ในหนัง Pacific Rim
หากคุณเกิดมาในช่วงที่เมืองกำลังอยู่ในยุคสงคราม ทุกอย่างกระจัดกระจายมั่วซั่ว แต่หากคุณฉลาดมากพอ เก่งมากพอ และมั่นใจในฝีมือกับมันสมองของตัวเองมากพอ คุณจะอยากทำให้เมืองกลับมาสงบสุขด้วยการรวบความแตกแยกให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันไหม ถึงอย่างนั้น การจะรวบรวมชาวญี่ปุ่นตั้งแต่เหนือจรดใต้ รวมหมู่บ้านน้อยใหญ่ที่อยู่กันแบบนี้มานานหลายร้อยปี ให้ขึ้นตรงต่ออำนาจหนึ่งเดียวที่จะแผ่ขยายอำนาจปกครองทั่วญี่ปุ่น ให้อยู่ภายใต้ธงผืนเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครคิดจะทำก็ทำได้ โดยเฉพาะการพยายามในช่วง ค.ศ. 1500 ที่ญี่ปุ่นกลายเป็นก๊กเป็นเหล่า จมดิ่งอยู่กับการต่อสู้แบบไม่รู้จบมานานนับร้อยปี ทว่าการพลิกโฉมประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ที่แสนยากก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ NIHON STORIES ใคร่แนะนำให้ใครก็ตามที่เริ่มให้ความสนใจกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น โดยเฉพาะยุคที่ซามูไรต่างวิ่งเข้าใส่กันแล้วห้ำหั่นแบบไม่กลัวตายอย่างยุค ‘เซ็นโกคุ’ ได้ลองเปิดสารคดีเรื่อง Age of Samurai: Battle for Japan แล้วใช้เวลากับสิ่งนี้ให้เต็มที่ เพื่อทำความเข้าใจถึงอำนาจ ศักดิ์ศรี เล่ห์เหลี่ยม และมุมมองความคิดของชาวญี่ปุ่น ผ่านการต่อสู้ของสามนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค ว่าพวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นนักรบอย่างแท้จริง องก์ 1: โอดะ โนบุนากะ ชายที่ไม่มีใครยอมรับแสดงให้เห็นว่าบุคลิกห่าม ๆ ออกไปทางไม่น่าคบ กลับเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาด กล้าได้กล้าเสีย เขาสามารถชนะศึกในตระกูลและขึ้นเป็นผู้นำของจังหวัดอย่างแท้จริง ซ้ำยังต้านกองทัพของไดเมียวเมืองอื่นที่มีคนมากกว่าถึงสามเท่าได้ การก้าวสู่อำนาจอย่างเป็นทางการครั้งแรก ทำให้บุรุษผู้บ้าคลั่งในสนามรบ คิดว่าตนก็อาจจะสามารถรวมญี่ปุ่นที่กำลังแตกกระจายให้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้การปกครองของเขาได้เช่นกัน หากมองแค่ในสารคดีเรื่องนี้ หลายคนอาจรู้สึกไม่ชอบใจการกระทำหลายอย่างของ โอดะ
พบกันเดือนละครั้ง สำหรับหนังปังๆที่คุณสามารถหาชมได้ทาง Netflix ดับความร้อนของเดือนเมษายน ด้วยหนังเจ๋งๆมากมายเช่นเดิม ยิ่งวันหยุดยาวที่ประกาศห้ามเล่นน้ำสงกรานต์กันอยู่ ก็ใช้ช่วงเวลานี้เปิด Netflix ดูกันให้ฉ่ำกันไปเลยแล้วกัน ซึ่งเดือนนี้เราก็มีทั้งหนังสายแมสและหนังนอกกระแสไอเดียแจ่มจากหลายประเทศให้ชมกันเช่นเคย APRIL 2nd CONCRETE COWBOY มาเริ่มต้นด้วยหนังดราม่าอบอุ่น ท่ามกลางสังคมคาวบอยในเมืองใหญ่ เรื่องราวของเด็กหนุ่มวัย 15 ที่ต้องเดินทางมาอาศัยร่วมกับพ่อที่ไม่เคยคุยกันที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ความห่างเหินและการใช้ชีวิตในแบบคาวบอยหลงกรุงทำให้เด็กหนุ่มต่อต้านพ่อที่โลกไปไหนต่อไหนแล้ว แต่ยังทำฟาร์มขี่ม้าหลงยุคอยู่เลย แต่ด้วยสังคมคนดำที่มักจะถูกดูแคลนว่าเป็นพลเมืองชั้นสอง พวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อจะพิสูจน์ศักดิ์ศรีและคุณค่าของความเป็นคนที่เท่าเทียมกัน ในขณะที่ผู้เป็นพ่อแม้จะดูเย็นชากับลูกที่ไม่เคยได้เจอกัน แต่ก็พยายามเพื่อให้ลูกไม่หลงผิดกับสิ่งยั่วยุที่เข้ามา Concrete Cowboy คือการผสมผสานหนังดรามาสะท้อนสังคม มาเจอกับหนังคาวบอย ที่เผยทั้งปัญหาของคนชายขอบได้อย่างทรงพลัง ผู้ที่ได้ชมหนังเรื่องนี้จากการฉายในเทศกาลหนัง Toronto ต่างชื่นชมบทบาทการแสดงของ Idris Elba ที่เรามักจะเห็นกันจนชินชาจากหนังแอ๊กชั่นมากมาย (ล่าสุดที่กำลังจะฉายคือการรีบู๊ตอีกครั้งของหนัง The Suicide Squad) ให้กลายเป็นพ่อผู้มีแนวคิดในการใช้ชีวิตอย่างสุดโต่งได้อย่างยอดเยี่ยม ผู้ชมที่รักในหนังดราม่า จึงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง APRIL 2nd MADAME CLAUDE หนังฝรั่งเศสที่สร้างจากเรื่องจริงของ Fernande Grudet แม่เล้าผู้มั่งคั่งและทรงอิทธิพลแห่งยุค 60s ที่สร้างขื่อเสียงจากการจัดส่งเด็กๆในสังกัดสุดสวยบำเรอความใคร่ให้เหล่านักการเมือง ผู้มีชื่อเสียง รวมไปถึงมาเฟียใหญ่