Guide

HA TIEN CAFE คาเฟ่สไตล์แอนทีคย่านเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยเรื่องเล่าชวนให้เราหลงใหล

By: TOIISAN January 31, 2019

เพราะทุกสิ่งทุกอย่างต่างมีเรื่องราวที่น่าสนใจในแบบตัวเอง ไม่ว่าจะกับคน สิ่งของ หรือแม้กระทั่งสถานที่สักแห่ง และ Ha Tien Café ร้านกาแฟเท่ ๆ สไตล์ Antique ที่ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าของกรุงเทพฯ ก็พร้อมที่จะบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองแล้วเช่นกัน

ความบังเอิญ ความหลงใหลในกาแฟ ความสนใจด้านสถาปัตยกรรม และของสะสมส่วนตัวของคุณเบิร์ด-เอกภพ โกมลชาติ ผู้เป็นเจ้าของร้านทำให้เกิดร้านกาแฟและเบเกอรี่ที่มีชื่อว่า Ha Tien Café สถานที่ที่ใครสักคนผู้หลงใหลในความคลาสสิก และเรื่องราวอันยาวนานของเมืองพระนครควรแวะเวียนมาสักครั้ง

ความน่าสนใจของคาเฟ่แห่งนี้เริ่มตั้งแต่การตั้งชื่อร้านตามชื่อเมือง “ฮาเตียน” ในเวียดนามที่มีตำนานเก่าแก่กล่าวถึงชาวญวนที่อาศัยอยู่ในเมืองฮาเตียนที่อพยพมาตั้งรกรากอยู่ในย่านนี้และเรียกกันเพี้ยนจนเป็นคำว่า “ท่าเตียน”

คุณเบิร์ดก็คิดว่าตำนานอันนี้มีความน่าสนใจและยังมีน้อยคนนักที่จะเคยได้ยิน จึงเลือกหยิบฮาเตียนมาตั้งเป็นชื่อร้านกาแฟที่เขารัก

เมื่อเปิดประตูเข้ามาก็จะพบกับบาร์กาแฟและตู้โชว์เบเกอรี่ที่มีขนมหวานเรียงราย พร้อมกลิ่นอายของความเป็นจีนที่ยังหลงเหลืออยู่ เพราะในอดีตชั้นล่างของตึกแห่งนี้เคยเป็นร้านขายยาจีนมาก่อน อีกทั้งคุณเบิร์ดก็อยากได้สไตล์จีนมาเป็นหนึ่งในดีไซน์ของร้าน เลยตัดสินใจสร้างบาร์ชั้นแรกตามแบบบ้านของชาวจีนด้วยของตกแต่งอย่างตะกร้า กระบุง และตู้ยาที่มีล็อกเกอร์จำนวนมาก

เราสามารถเลือกเมนูที่ต้องการ สั่งออเดอร์ที่เคาน์เตอร์ และเดินขึ้นไปหาที่นั่งที่ใช่บนชั้นสองหรือชั้นสาม แต่ถ้าหากอยากซึมซับกลิ่นหอมของกาแฟ นั่งดูการชงเครื่องดื่มของบาริสต้าพร้อมสัมผัสบรรยากาศแบบจีน ๆ ก็สามารถจับจองที่นั่งกันได้ตั้งแต่ชั้นแรก

แต่ถ้าตัดสินใจขึ้นบันไดมายังชั้นสอง ก็ขอให้ลืมบรรยากาศร้านยาจีนที่เพิ่งเจอไปก่อนหน้านี้ เพราะบริเวณชั้นสองของร้านฮาเตียนจะนำเราไปพบกับความสวยงามทั้งดีไซน์จากฝั่งตะวันตกและสไตล์ของตะวันออกที่ผสมผสานเข้าด้วยกัน

ชั้นสองของคาเฟ่จะถูกแบ่งออกเป็น 2 โซน คือโซนที่เป็นผนังไม้และกำแพงสีขาวที่ให้อารมณ์แบบไทย-จีน และบริเวณด้านในที่ตกแต่งด้วยสไตล์ชิโนโปรตุกีสพร้อมกับกำแพงสีเขียวแปลกตา ประดับด้วยของตกแต่งที่เป็นของสะสมส่วนตัวของคุณเบิร์ดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพผู้คนในประวัติศาสตร์ โคมไฟที่ไปเลือกเองถึงฝรั่งเศส เฟอร์นิเจอร์แอนทีค

เรียกได้ว่าเก้าอี้ทุกตัวที่อยู่ในร้าน และเหล่าสัตว์สตั๊ฟที่สร้างความเท่แบบดิบ ๆ ทั้งหมดนี้จะพาเราเข้าสู่บรรยากาศคลาสสิกสไตล์ยุโรปได้อย่างไม่ยากเย็น

นอกจากเหล่าสัตว์สตั๊ฟ ผนังปูนเปลือย กำแพงสีเขียว และของตกแต่งอายุกว่าร้อยปีแล้ว อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ว่าใครมาเยือน Ha Tien Café ก็ต้องให้ความสนใจคือบันไดวนโครงสร้างเหล็กที่จะพาเราขึ้นไปสู่ชั้นสามของคาเฟ่ บันไดวนนี้เป็นไอเดียของคุณเบิร์ดที่ได้มาในช่วงรีโนเวทร้าน แรกเริ่มเป็นเพียงแค่บันไดลิงพาดไว้ตรงช่องแคบ ๆ ตอนนี้กลายมาเป็นบันไดวนที่ทั้งประหยัดพื้นที่ใช้สอยและสร้างความเท่ไปพร้อมกัน

เมื่อผ่านบันไดวนขึ้นมาบนชั้นสามก็จะพบกับอีกหนึ่งอารมณ์ที่ไม่เหมือนกับสองชั้นแรก สิ่งที่เราพบคือความสบายตาด้วยสีขาวครีม และบรรยากาศโปร่งโล่งแบบ Glass House เพราะทั้งสองชั้นก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศแบบจีนจ๋าหรือสไตล์แบบยุโรป แต่บนชั้นสามจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างอีกครั้ง พร้อมกับความผ่อนคลาย สว่าง รวมถึงระเบียงด้านนอกที่เปิดให้รับชมบรรยากาศคลาสสิกของเมืองเก่าได้อย่างเต็มอิ่ม

ไม่ใช่เพียงแค่สไตล์การตกแต่งและเรื่องราวของร้านเท่านั้นที่น่าสนใจ เมนูของคาเฟ่แห่งนี้ก็เกิดขึ้นจากความชอบและการลองผิดลองถูกเพื่อให้ได้เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมเข้ากันที่สุด คุณเบิร์ดได้คิดค้นเครื่องดื่มที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวย่านเมืองเก่าซึ่งเป็นที่ตั้งของร้าน โดยใช้วัตถุดิบที่พบเจอได้ในละแวกนี้ไม่ว่าจะเป็นผลไม้อบแห้ง หรือดอกไม้ย่านปากคลองตลาด มาสร้างสรรค์เป็นเครื่องดื่มที่มีเรื่องราวเป็นของตัวเอง

อย่างเช่นเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง Ma-Toom Coffee (120 บาท) ความพิเศษอยู่ที่ไซรัปมะตูมแบบโฮมเมดที่คุณเบิร์ดลงมือทำเอง เมื่อนำไปผสมกับกาแฟและนมก็จะได้กาแฟมะตูมที่ให้รสสัมผัสกลมกล่อม รวมถึงกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์

ส่วนเครื่องดื่มซิกเนเจอร์อีกแก้วที่เราได้ลองอย่าง Rose Latte (120 บาท) ก็มีความแตกต่างไม่เหมือนกาแฟกุหลาบของที่ไหน ๆ เพราะทางร้านนำชาอังกฤษไปอินฟิวกับนมแทนการใช้ไซรัปกลิ่นกุหลาบ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมของดอกไม้ที่ชัดเจน และเมื่อนมกลิ่นกุหลาบได้ผสมกับกาแฟจะยิ่งเพิ่มความหอมของกุหลาบขึ้นไปอีก สำหรับใครที่ชื่นชอบกุหลาบและกาแฟนั้นไม่ควรพลาดที่จะลิ้มลองลาเต้กุหลาบแก้วนี้

แต่ถ้าใครที่ไม่ใช่คอกาแฟ หรืออยากลองดื่มอะไรใหม่ ๆ อีกหนึ่งเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ประเภทสมูทตี้อย่าง Yuzu Splash (95 บาท) ที่คุณเบิร์ดเป็นคนแนะนำให้กับเราก็อาจเป็นคำตอบที่ใครหลายคนกำลังตามหา เพราะด้วยรสหวานของส้มยูสุผสมกับความเปรี้ยวของเลม่อนจะเติมความสดชื่นได้เป็นอย่างดี

ในส่วนของเมนูเบเกอรี่ เค้กทุกชิ้นเกิดจากความใส่ใจจากการหาสูตรที่ใช่ ความลงตัวของรสชาติ และท็อปปิ้งที่อยู่บนเค้กเกือบทุกชนิดจะต้องเป็นผลไม้สดแสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถัน อย่าง Blueberry Chocolate mousse (180 บาท) ที่มีท็อปปิ้งเป็นเชอร์รี่ลูกโตและบลูเบอร์รี่ ราดด้วยไซรัปราสเบอร์รี่ ด้วยความเปรี้ยวของซอสเบอร์รี่และผลไม้จะตัดกับความหวานของช็อกโกแลตได้อย่างพอดิบพอดี จะทานคู่กับกาแฟขม ๆ อย่าง Americano หรือเครื่องดื่มประเภทชาร้อนก็เข้ากันไม่น้อย

นอกจากบรรยากาศในร้านที่มีกลิ่นอายประวัติศาสตร์ เครื่องดื่มและเบเกอรี่ที่เต็มไปด้วยความใส่ใจ ใครที่สนใจอยากรู้เรื่องในย่านเมืองเก่า หรือสนใจของสะสมโบราณภายในร้าน รวมถึงเรื่องของเครื่องดื่ม คุณเบิร์ดก็พร้อมที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทุกเมื่อ เพราะการเล่าเรื่องคือสิ่งที่ Ha Tien Café เต็มใจอย่างยิ่งที่จะแบ่งปันเรื่องราวกับทุกคน

สำหรับใครที่วันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ เบื่อการอยู่บ้านไม่รู้จะไปไหนดี หรือกำลังหาร้านคาเฟ่สวย ๆ เพื่อพาสาวไปเดท Ha Tien Café ก็พร้อมต้อนรับทุกคนและสร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนอยู่เสมอ

 

Contact:Ha Tien Café Bangkok

Location: ซอยประตูนกยูง (ตรงข้ามที่จอดรถวัดโพธิ์)

Open: อังคาร – ศุกร์ 10:00 am. – 20:00 pm.

เสาร์ – อาทิตย์ 09:00 – 20:00 pm.

(ปิดทุกวันจันทร์)

Call: 064-296-5549

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line