ถ้าให้นึกถึงของดีฝั่งธนแบบไว ๆ คุณจะคิดถึงอะไร ? ให้เวลาคิด 15 วิ … หมดเวลา ! และไม่ว่าคำตอบของคุณจะเป็นอะไร แต่ของเรามันคือ P.Sherman The Enjoyable Ground ร้านแฮงเอาต์ของเรากับแก๊งเพื่อน ที่สามารถเริ่มต้นเจอกันตั้งแต่เช้า และปิดวันนั่งจิบเบา ๆ (รึเปล่า) ได้เลย ! บทความที่ชาว UNLOCKMEN กำลังได้อ่านอยู่นี้ ถูกเขียนขึ้นในช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวันศุกร์ โดย Content Creator ใส่แว่นคนหนึ่งที่ก็กำลังปั่นงานอยู่ในร้านโปรดที่เป็นหัวใจหลักของคอนเทนต์นี้อยู่ นั่นแสดงให้เห็นว่าร้านนี้เหมาะกับการนั่งทำงานด้วยเหมือนกัน และเป็นอะไรได้อีกหลายอย่าง ที่เราจะขอป้ายยาทุกคนในบรรทัดถัดไปกันเลย จาก ‘โรงงานเย็บผ้า’ สู่พื้นที่แห่งความหลากหลายของวัยมันส์ ร้าน P.Sherman The Enjoyable Ground ซ่อนตัวอยู่ในย่านอรุณอมรินทร์ ระบุชัด ๆ เลยคือซอยอรุณอมรินทร์ 39 ในอดีตที่นานมากแล้ว กว่า 10 ปีก่อน ตึกแห่งนี้เคยเป็นโรงงานเย็บผ้ามาก่อน ซึ่งเอาจริง
ที่นี่ไม่ใช่ “Cafe” แต่เป็น “Space” ของคนเสพติดเสียงเพลง และคาเฟอีน ที่เรียกว่า Record Cafe Space & Art ซึ่งต้องการเป็นพื้นที่กิจกรรมให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา กาแฟ / แผ่นเสียง / เพลง Jazz / ธนู / Event และงานศิลปะ ทุกสิ่งที่กล่าวมานี้มีอยู่ใน Track Addict! Track Addict นั้นเดิมเป็นร้านขายแผ่นเสียง และกาแฟที่อยู่ในคอนเทนเนอร์หนึ่งหลัง ในพื้นที่ลานจอดรถที่เต็มไปด้วยผืนหญ้า และต้นไม้ใหญ่ที่ช่วยให้ร่มเงาความเขียวขจีสบายตาแก่ร้าน ทำให้ร้านออกมาใน Vibe ของการ Camping นั่งชิล ๆ กินลมชมวิว พร้อมกับมีเสียงเพลงอันไพเราะให้คุณได้ฟัง เมื่อเปิดไปได้สักพักเจ้าของร้านจึงเริ่มมองเห็นประโยชน์ของ Green Space ขนาดใหญ่แห่งนี้ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะทำให้ Space แห่งนี้กลายเป็นพื้นที่กิจกรรมให้กับผู้คนที่ผ่านไปมา จึงเริ่มเชิญชวนเพื่อน ๆ มาทำกิจกรรมต่าง ๆ เริ่มจากการมีดนตรีสดในช่วงหน้าหนาว ชวนเพื่อน ๆ
วันนี้เราจะพาทุกคนไปดื่มกาแฟชื่อแปลก ในอาคารสีดำ และความทรงจำต่อสถาปนิกที่เสียชีวิตไปแล้ว! Modernism Café แห่งนี้คืออาคารสีดำที่สร้างด้วยไม้เผา ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก Modern Architecture และเหล่าสถาปนิกระดับปรมาจารย์ ตำนานที่ไร้ลมหายใจแต่เป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคน จนชื่อของพวกเขากลายมาเป็นกิมมิคอยู่ในชื่อเมนูกาแฟ อีกทั้งแนวคิดของพวกเขายังเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบร้าน ที่เท่ และแฝงไปด้วยรายละเอียดอันน่าค้นหาแห่งนี้ ซึ่งเมนูชื่อแปลกที่ว่านั้นคือชื่อของสถาปนิกในตำนาน ที่ถูกนำชื่อมาดัดแปลงเป็นชื่อเป็นเมนูเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของที่ร้านอย่างเมนู Le Corbuccino เป็นกาแฟคาปูชิโน่ ที่มาจากชื่อของ Le Corbusier สถาปนิกชาวสวิส – ฝรั่งเศส ผู้บุกเบิกคนสำคัญของ Modern Architecture จึงมีการตกแต่งลวดลายบนแก้วกาแฟเป็นรูปแว่นตาของ Le Corbusier อันเป็นเอกลักษณ์ของเขา หรือเมนู Mocar Niemeyer เครื่องดื่ม Mocha Latte ที่มาจากชื่อของ Oscar Niemeyer สถาปนิกชาวบราซิลที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในการพัฒนา Modern Architecture อีกทั้งภายในร้านยังมีการนำ Quote จากสถาปนิกชื่อดังมาติดไว้ตามที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทางเข้าหน้าร้าน บันไดขึ้นสู่ชั้น 2 หรือแม้กระทั่งในห้องน้ำ เรียกได้ว่า Architect ที่ออกแบบที่นี่นั้น
ขอเข้าเรื่องแบบไม่รีรอ คอนเทนต์นี้ UNLOCKMEN จะมาแนะนำ 3 ร้านกิน ดื่ม ชิล ที่ต้องไปให้ได้ในช่วงเวลาที่ลมหนาวเดือนธันวาคมยังคงอยู่กับประเทศไทย เลื่อนลงไปอ่านแล้วโทรนัดเพื่อนออกมาเลย เพราะลมหนาวใกล้จะไปแล้ว ! Everyday Mookrata & Cafe (Riverside) : ตอนเช้า American Breakfast / ตอนบ่ายเอ็นจอยหมูกระทะ / ตอนกลางคืนจิบเบา ๆ ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา “หมูกระทะกินกับอะไรก็อร่อย” ไม่มีอะไรจะถูกต้องไปกว่าคำพูดข้างบนไปมากกว่านี้อีกแล้ว ยิ่งช่วงท้ายของปีอากาศของลมหนาวพัดผ่านร่างก็ยิ่งตอกย้ำความถูกต้องในความอร่อยของหมูกระทะมากขึ้นไปอีก และไม่มีร้านหมูกระทะไหนจะสไตล์จัดได้เท่ากับ Everyday Mookrata & Cafe (Riverside) ที่เขาเพิ่งเปิดสาขาใหม่เมื่อเดือนธันวาคมนี่เอง โดดเด่นด้วยการเป็นร้าน 3 in 1 เป็นทั้งคาเฟ่ บาร์ ร้านหมูกระทะ แถมยังอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา วิวหลักล้านเห็น Icon Siam อยู่ฝั่งตรงข้าม ให้เราได้มองพระอาทิตย์ตกดินไปด้วยกัน ข้อดีของ Everyday Mookrata & Cafe
พอถึงช่วงสุดสัปดาห์ ผู้ชายอย่างเราคงอยากพาคนในครอบครัว เพื่อน หรือ แฟน ไปเที่ยวเล่นผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานกันถ้วนหน้า ซึ่งบางคนที่ไม่ค่อยมึเวลาอาจเลือกที่จะเที่ยวเล่นในกรุงเทพฯ ส่วนคนที่มีเวลามากขึ้นหน่อย อาจเลือกที่จะพาคนรู้ใจออกต่างจังหวัด UNLOCKMEN จึงอยากแนะนำให้ทุกคนได้ไปเที่ยวที่ Good Old Sea Beach คาเฟ่เปิดใหม่ ที่อยู่ไม่ไกลแค่จังหวัดพัทยา บอกเลยว่าถ้าได้ไปเยือนสักครั้งต้องรู้สึกติดใจ เพราะวิวของร้านนั้นแสนชิวเป็นหนักหนา แถมยังมีแอคทิวิตี้ให้ทำมากมายอีกด้วย บอกเลยว่าถูกใจชาวสเก็ตอย่างแน่นอน บรรยากาศของร้าน พื้นที่ของร้านทำให้เราสัมผัสถึงความสดชื่นของพื้นที่เขตร้อนได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น ตัวร้านที่เป็นห้องกระจกที่เปิดรับแสงธรรมจากภายนอกสู่ภายใน หาดทรายแสนชิวที่เราสามารถไปนั่งหรือเดินเล่นเพื่อกินลมชมวิวได้ แถมพื้นที่ส่วนใหญ่ของร้านยังเต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียวทั้งต้นไม้ใบหญ้า และพืชพรรณต่าง ๆ ที่ช่วยสร้างความร่มรื่น และความรู้สึกสุด Fresh ให้กับทุกคนที่มาเยี่ยมชมร้านกันถ้วนหน้า เราสามารถนั่งทานอาหารได้ทั้งภายในและภายนอกร้าน โดยด้านในจะมีบรรยากาศแบบสุดชิว ด้วยของตกแต่งที่เป็น สเก็ตบอร์ด รูปปั้นม้ำน้ำ หรือ เฟอร์นิเจอร์ไม้ต่าง ๆ นอกจากนี้ภายนอกร้านก็มีที่นั่งทานอาหารแบบ outdoor เช่นกัน เราสามารถไปนั่งกินอาหารสุดชิวพลางชมวิวทะเล หรือ คนที่มาเล่นเซิร์ฟสเก็ตและซัพบอร์ดที่ร้านได้อย่างเพลิดเพลิน หากใครไม่อยากนั่งทานอาหารเฉย ๆ ทางร้านก็มีกิจกรรมมากมายที่ทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อ ไม่ว่าจะเป็น เช่าซัพบอร์ด (SUP) หรือ
‘ฝั่งธน’ ถือเป็นย่านประวัติศาสตร์ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เสมอ เพราะมันเป็นพื้นที่ที่รวบรวมความเก่าแก่ไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตึกเก่า ชุมชนเก่า วัดเก่า ไปจนถึง ร้านคาเฟ่สไตล์สไตล์เก่าหลายแห่งที่กระจายตัวอยู่ในพื้นที่ สถานที่ที่เราจะพูดถึงต่อไปนี้ตั้งอยู่ในย่านบางแวก และเรียกได้ว่าเป็นแลนด์มาร์กของคนรักรถเลยก็ว่าได้ เพราะ มัน คือ ร้านอาหารและคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าอู่รถคลาสสิก 911 GARAGE ร้านนี้มีชื่อว่า Folktales Cafe & Bistro และเป็นร้านที่เปิดมานานกว่า 2 ปีแล้ว เมื่อไปถึงร้านเราสามารถชมความงามของรถคลาสสิกจำนวนไม่น้อยกว่า 50 คัน ทานอาหาร หรือ จิบกาแฟ ในบรรยากาศสไตล์ย้อนยุคได้แบบฟิน ๆ ตามเรามา เดี๋ยวจะพาไปดูว่าร้านเป็นยังไงบ้าง ความเป็นมาของ Folktales ในปี พ.ศ.2561 กลุ่มคนรักรถคลาสสิกตัวยงได้รวมตัวกันสร้างพื้นที่ที่ทำให้คนสามารถใช้เวลากับครอบครัวและคนรักได้อย่างมีคุณภาพ และสามารถเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของคนเมืองได้ จึงเกิดเป็น Folktales Cafe & Bistro ร้านคาเฟ่และร้านอาหารสไตล์ย้อนยุคที่รายล้อมไปด้วยสวนสีเขียวชะอุม รวมถึงรถคลาสสิกจำนวนหลายสิบคันที่สับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยชื่อร้าน Folktales มีความหมายว่า “เรื่องราวที่เล่ากันมาแบบปากต่อปาก” ตอกย้ำปรัชญาของร้านอีกอันหนึ่ง คือ
จะเช้า สาย บ่าย หรือเย็น แทบปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ‘กาแฟ’ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่หนุ่ม ๆ หลายคนใช้เพื่อรีเฟรชตัวเอง กระตุ้นความตื่นตัว และฟื้นคืนความกระปรี้กระเปร่ามาสู่ร่างกายกำยำที่จวนจะหมดแรง แม้ยุคนี้จะมีคาเฟ่เปิดใหม่ผุดขึ้นทั่วกรุงเป็นดอกเห็ด แต่คงต้องบอกว่าไม่ใช่ทุกร้านที่จะถูกใจและเหมาะกับไลฟ์สไตล์แมน ๆ ของผู้ชายอย่างเรา วันนี้ UNLOCKMEN เลยอยากพาหนุ่ม ๆ มาอัปเดตคาเฟ่เท่ๆ พร้อมดีไซน์ร้านคูล ๆ และอาหารเครื่องดื่มเลิศรส รับรองเลยว่าวันว่างแสนน่าเบื่อของพวกคุณจะเปลี่ยนไปแน่นอน SARNIES BANGKOK จากร้านขายของเก่าอายุร่วม 100 ปี แห่งย่านเจริญกรุง กลายมาเป็นคาเฟ่แอนทีคสุดเก๋าที่อิมพอร์ตมาจากสิงคโปร์ SARNIES BANGKOK โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งแบบคลาสสิก ใช้กำแพงอิฐ ปูนเปลือย และเฟอร์นิเจอร์วินเทจช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้คาเฟ่แห่งนี้น่านั่งขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ภายใต้โครงสร้างของตึกเก่าซ่อนคาเฟ่บรรยากาศอบอุ่น ที่มีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และขนม เน้นเสิร์ฟเมนูคอมพอร์ตฟู้ดง่าย ๆ ที่กินได้ทุกช่วงเวลา ส่วนเครื่องดื่มไฮไลต์ต้องยกให้ Orange Mocha ซิกเนเจอร์ของทางร้านที่ดื่มได้ทั้งแบบร้อนและเย็น ความหอมของส้มที่ผสมกับรสขมของกาแฟให้รสเข้ากันดีอย่างบอกไม่ถูก Location: ถนนเจริญกรุง เขตสาทร กรุงเทพฯ Open: 8.00
‘ถนนสีลม’ เป็นถนนคอนกรีตหกช่องจราจรที่ทอดยาวเกือบสามกิโลเมตร ตั้งแต่แยกบางรักสิ้นสุดที่แยกศาลาแดง นอกจากถนนเส้นนี้จะเป็นเส้นธุรกิจที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของไทย ถนนสีลมยังมากไปด้วยผู้คนที่พ่วงมากับความวุ่นวายตามสไตล์คนเมือง แต่ในวันที่อากาศร้อนอบอ้าวจนเราเริ่มเวียนหัวกับการมองผู้คนที่สัญจรไปมา ถนนแสนวุ่นวายที่รถติดแหง็กเส้นนี้ยังมีร้านกาแฟดี ๆ บรรยากาศสบาย ๆ ที่อาจช่วยคลายร้อนและทำให้อิ่มท้องได้พร้อมกัน Entree Coffee & Brunch Entree Coffee & Brunch เป็นร้านกาแฟขนาดกะทัดรัดที่ตั้งอยู่ในตึกแถวของซอยสีลม 8 ร้านกาแฟแห่งนี้เพิ่งเปิดอย่างไม่เป็นทางการในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตัวร้านตกแต่งสไตล์โคเรียนลอฟต์ ดูดิบเท่แต่ก็ซ่อนกลิ่นอายความเรียบง่ายถอดแบบคาเฟ่เกาหลีมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน แถมการใช้โทนสีเขียว เกรย์สเกล และประดับประดาภายนอกไปจนถึงภายในร้านด้วยต้นไม้ ยังช่วยให้ Entree Coffee & Brunch แห่งนี้ดูอบอุ่น มีสไตล์ และร่มรื่นสบายตาในเวลาเดียวกัน ก้าวแรกที่เข้ามาในร้านนอกจากจะได้กลิ่นขนมโฮมเมดอบใหม่อบอวลไปทั่ว เรายังสัมผัสความโปร่งโล่งจากดีไซน์ของร้านที่ยกเพดานให้สูงกว่าปกติ แม้พื้นที่ใช้สอยจะมีเพียงไม่กี่ตารางเมตร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือคับแคบแต่อย่างใด ตัวร้านแบ่งเป็นสามชั้น (แต่ตอนนี้เปิดแค่สองชั้น) ชั้นหนึ่งเป็นบาร์เครื่องดื่ม ตู้ขนม และมีเคาน์เตอร์ม้าหินสีเทาเข้มทอดยาว ส่วนชั้นสองตกแต่งด้วยเก้าอี้และโต๊ะไม้เป็นหลัก ดูเรียบง่ายและอบอุ่นสไตล์ร้านเกาหลี เหมาะจะเอางานมานั่งทำ อ่านหนังสือ หรือนั่งละเอียดรสชาติกาแฟอย่างไม่รีบร้อน Specialty Coffee & Homemade Bakery ที่นี่เน้นเสิร์ฟ
‘ตลาดน้อย’ ถือเป็นย่านการค้าเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ในอดีตที่นี่โดดเด่นด้วยธุรกิจเซียงกง ตลอดสองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านจำหน่ายอะไหล่ ชิ้นส่วนประกอบ และเครื่องยนต์เก่าของรถที่ใช้แล้ว แม้ปัจจุบันธุรกิจประเภทนี้จะถูกลดความนิยมลง แต่เซียงกงก็ยังคงมีให้เห็นและถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของย่านตลาดน้อยแห่งนี้ นอกจากตลาดน้อยจะรวบรวมเสน่ห์เมืองเก่าและบรรยากาศที่แฝงกลิ่นอายวัฒนธรรมจีนเอาไว้ ที่นี่ยังห้อมล้อมไปด้วยวิถีชีวิตของชาวจีนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่น่าหลงใหลไม่แพ้กัน ขณะที่เรากำลังเดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอยของย่านนี้ ก็ต้องสะดุดตากับ ‘TAIGUAN CAFE’ ร้านกาแฟสไตล์จีนที่ตั้งอยู่ใกล้กับศาลเจ้าโจ๋วซือกง เป็นคาเฟ่ที่ดีไซน์แบบร่วมสมัย และดึงดูดใจมากพอจะทำให้ก้าวเข้าไปแบบไม่ยั้งคิด TAIGUAN CAFE เปลี่ยนบ้านเก่าเก็บให้กลายเป็นคาเฟ่ร่วมสมัย จุดเริ่มต้นของ ‘TAIGUAN CAFE’ เกิดจากการนำบ้านจีนเก่าแก่อายุร่วม 200 ปี มารีโนเวตให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น แต่เดิมเจ้าของบ้านหลังนี้เป็นคนจีนที่อพยพมาจากสิงคโปร์ เขาจึงสร้างบ้านให้เป็นทั้งที่พัก ลานจอดรถม้า และโกดังเก็บของ ด้วยแนวคิดที่อยากคงเสน่ห์ของความเก่าแก่เอาไว้ เจ้าของร้าน TAIGUAN CAFE จึงนำสไตล์ Modern Chinese เข้ามาตกแต่งตัวอาคาร แถมยังเหลือโครงสร้างเก่าอย่างประตูไม้อายุ 200 ปีไว้ให้ดูต่างหน้า ส่วนชื่อร้าน “TAIGUAN CAFE” ก็มาจากชื่อบ้านเดิม “ไทง้วนเอ้งกี่” ที่แปลว่าจุดกำเนิดรุ่นแรกของประเทศไทย ด้านหน้าของร้านดีไซน์ด้วยผนังสีขาว ยกโครงสร้างเป็นสองชั้นให้ดูเหมือนปราสาทเมืองจีน พร้อมประดับด้วยโคมไฟจีนสีแดงเด่น ส่วนภายในร้านเน้นใช้วัสดุไม้เป็นหลัก ดีไซน์ให้ดูอบอุ่นเหมือนบ้าน เพื่อให้เป็นจุดพบปะของเพื่อนฝูง เมนูเครื่องดื่มสุดครีเอตที่ถ่ายทอดรสชาติแบบจีนสมัยใหม่
เมื่อพูดถึง ‘บ้าน’ แต่ละคนคงมีภาพในหัวของตัวเองเป็นบ้านที่แตกต่างกันไปตามประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนน่าจะรู้สึกเหมือนกันเมื่อนึกถึงบ้านคือ ความอบอุ่น ความสบายใจ และการเป็นที่พักพิง ดังนั้นถ้ามีคาเฟ่สักแห่งที่บรรยากาศเหมือนบ้าน คาเฟ่นั้นก็คงมอบความอบอุ่นแก่ผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี เรากำลังพูดถึง LAFF คาเฟ่ในซอยสุขุมวิท 50 ที่มาพร้อมกับบรรยากาศสบาย ๆ เหมาะกับการมานั่งชิลล์ในวันหยุด และที่เราบอกว่า LAFF ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นบ้านก็เป็นความตั้งใจของเจ้าของร้านโดยถือเป็นคอนเซ็ปต์ตั้งแต่วันที่เปิดให้บริการวันแรกเพราะอยากให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย สบาย ๆ เมื่อมานั่งที่นี่ ‘เมื่อเป็นบ้านก็ไม่อยากให้มันดูเป็นแพตเทิร์น’ ด้วยเหตุนี้โต๊ะแต่ละตัวของที่นี่จึงไม่เหมือนกันเลย นอกจากนั้นการจัดวางโต๊ะตามมุมต่าง ๆ ก็เป็นการจัดแบบตามใจฉัน ลูกค้าจึงรู้สึกผ่อนคลาย สบาย ๆ ราวกับที่นี่เป็นบ้านจริง ๆ ชื่อร้าน LAFF นั้นเล่นคำมาจากคำว่า Laugh ที่แปลว่าหัวเราะ เป็นเหมือนปณิธานของทางร้านที่อยากให้ลูกค้าทุกคนได้รับความสุขและเสียงหัวเราะทุกครั้งที่มาเยือน LAFF เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่โดดเด่นเรื่องการตกแต่ง โดยทั้งร้านจะเหมือนเป็นโดมสีเขียวขนาดย่อม มีโถงโล่งกว้างอยู่ด้านใน รับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่จากกระจกบานใหญ่ เพิ่มความร่มรื่นด้วยต้นไม้เล็กใหญ่ภายในตัวร้าน เป็นบรรยากาศที่ถ้าได้ลองนั่งแล้วรับรองว่าไม่อยากลุกไปไหนตลอดทั้งวัน LAFF ใช้วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมในทุกเมนู เหมือนกับทำกินเองที่บ้าน และต้องสดใหม่ทุกวัน จานแรกที่ทางร้านนำมาให้ลองชิมคือ LAFF Me Tender ชีสเค้กสูตรเฉพาะของทางร้าน สดใหม่ทุกวันโดยฝีมือคุณแม่เจ้าของร้าน เนื้อเค้กนุ่มละลายในปาก ท็อปปิ้งด้วยสตรอเบอร์รี่แกะสลักสวยงาม