GADGETs

‘HASSELBLAD 907X SPECIAL EDITION’กล้องที่เคยลั่นชัตเตอร์บนดวงจันทร์เมื่อ 50 ปีก่อน

By: unlockmen July 23, 2019

เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมาถือเป็นอีกวันสำคัญของมนุษยชาติ เพราะมันคือวันครบรอบ 50 ปีที่ยานอวกาศ Apollo 11 ขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์ และเป็นวันที่มนุษย์ได้ประทับรอยเท้าบนดาวเคราะห์ขรุขระดวงนี้เป็นครั้งแรก

นอกจาก Neil Armstrong, Michael Collins, Buzz Aldrin และทีมนักอวกาศที่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับโลก หนุ่ม ๆ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าแบรนด์กล้องสุดหรูสัญชาติสวีเดนอย่าง HASSELBLAD ก็มีบทบาทไม่น้อยในภารกิจอันใหญ่หลวงนี้

hasselblad

กล้องที่เคยบันทึกภาพประวัติศาสตร์เมื่อ 50 ปีที่แล้ว

หากเปิดบันทึกประวัติศาสตร์ย้อนไปเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน จะรู้ว่า HASSELBLAD ได้รับคัดเลือกจาก NASA ให้ผลิตและจัดหากล้องที่จะไปสำรวจดวงจันทร์พร้อมกับยาน Apollo 11 โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นกล้องที่แข็งแรงทนทาน สามารถยืนหยัดต่อสู้กับอุณหภูมิ -270 องศาเซลเซียสและภาวะขาดแรงโน้มถ่วงของอวกาศได้เป็นอย่างดี

hasselblad

แบรนด์กล้องสวีเดนเจ้านี้จึงส่ง HASSELBLAD DATA CAMERA (HDC) สีเงิน พร้อมเลนส์ Zeiss Biogon 60 มม. ƒ/5.6 ให้ Neil Armstrong ถ่ายภาพบนพื้นผิวของดวงจันทร์ และส่ง HASSELBLAD ELECTRIC CAMERA (HEC) สีดำอีกสองตัวที่มากับเลนส์ Zeiss Planar 80 มม. ƒ/2.8 ขึ้นไปพร้อมกับยานอวกาศ

ตัวแรกให้ Buzz Aldrin ใช้ถ่ายภาพในโมดูล Eagle Lunar ส่วนอีกตัวเป็นกล้องที่ Michael Collins พกติดตัวตลอดภารกิจ ซึ่งกล้องตัวหลังเป็นกล้องตัวเดียวที่ถูกนำกลับมายังโลกหลังจากจบภารกิจเหยียบดวงจันทร์เมื่อปี 1969

HASSELBLAD จึงเป็นแบรนด์กล้องที่บันทึกภาพช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของชายคนแรกบนดวงจันทร์ แถมยังเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ว่าภารกิจของยาน Apollo 11 เป็นไปได้ด้วยดีและมีมนุษย์ขึ้นไปฝากรอยเท้าบนดาวเคราะห์ดวงนี้ได้จริง

กล้องรุ่นพิเศษฉลองเหตุการณ์สำคัญในอดีต

hasselblad

HASSELBLAD เปิดตัวชุดกล้องรุ่นพิเศษ ‘HASSELBLAD 907X SPECIAL EDITION’ เพื่อให้คนทั่วโลกระลึกถึงเหล่านักบินอวกาศที่ไปสำรวจดวงจันทร์และนำความภาคภูมิใจกลับมาสู่มนุษยชาติ

HASSELBLAD 907X SPECIAL EDITION ชุดนี้มีกล้อง 907X ขนาดกะทัดรัดที่สุดตั้งแต่ HASSELBLAD เคยทำมา โดยมีน้ำหนักเพียง 206 กรัมเท่านั้น มาพร้อมดิจิทัลแบ็ค CFV II 50C อุปกรณ์ต่อพ่วงที่มอบประสบการณ์ถ่ายภาพความละเอียดสูงด้วยกลไกคลาสสิกสมัยกล้องฟิล์ม แต่ได้ภาพเป็นไฟล์ดิจิทัลของโลกปัจจุบัน

 

 

ตัวบอดี้ดีไซน์พื้นผิวด้วยสีดำด้าน เพื่อเป็นเกียรติแก่กล้องรุ่นเก๋าที่เคยขึ้นไปเก็บภาพบนดวงจันทร์ พร้อมสลักประโยค “On the Moon Since 1969” ไว้ด้านข้างของดิจิทัลแบ็ค ถือเป็นการออกแบบเตือนความทรงจำที่มีต่อกล้อง medium format รุ่นเก่าเมื่อ 50 ปีก่อน และไม่ทิ้งเอกลักษณ์งานดีไซน์ของแบรนด์ตน

ดิจิทัลแบ็ค CFV II 50C ใช้เซนเซอร์ CMOS แบบ medium format ที่ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ออกแบบมาให้ทำงานควบคู่กับกล้อง 907X ได้อย่างราบรื่น กล้องยังรองรับระบบ X System ที่เชื่อมต่อกล้องผ่านอะแดปเตอร์เพื่อสลับสับเปลี่ยนเลนส์ในการถ่ายภาพให้หลากหลายยิ่งขึ้น

ทั้งเลนส์ XCD โฟกัสภาพแบบอัตโนมัติและควบคุมการรับแสงแบบอิเล็กทรอนิกส์, เลนส์ V ให้ถ่ายภาพคลาสสิกความสูงระดับเอว หรือจะถ่ายภาพด้วยช่วงเลนส์ HC / HCD และ XPan ก็ยังได้

hasselblad

HASSELBLAD 907X SPECIAL EDITION มาพร้อม Dynamic Range 14 Stops เอื้อประโยชน์การถ่ายภาพท่ามกลางสภาพแสงที่หลากหลาย ทั้งยังจับภาพ RAW 16 bits  และ JPEG ที่ความละเอียดสูงสุดได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยอัตราเฟรมเรตสูงถึง 60 เฟรมต่อวินาที ทำให้การรับชมภาพผ่านหน้าจอแสดงผลลื่นไหลขึ้นกว่าเดิม

ด้านหลังของกล้องใช้จอ touchscreen ขนาด 3 นิ้ว ความละเอียด 920K ที่หมุนพับและปรับเอียงหน้าจอได้ดั่งใจ พร้อมระบบอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ให้ผู้ใช้ตั้งค่ากล้อง เช็กค่าแสง และสั่งงานในเมนูอื่น ๆ อย่างสะดวกสบาย

มีเทคโนโลยี Natural Colour Solution ช่วยยกระดับค่าความลึกของสีให้ยอดเยี่ยมและสมจริง สอดคล้องกับการมองเห็นของสายตามนุษย์ และเสริมประสิทธิภาพสูงสุดให้กับภาพถ่าย รองรับพอร์ตเสียบการ์ด SD คู่ UHS-II, USB-C และการเชื่อมต่อ Wi-Fi ส่วนแบตเตอรี่ก็ชาร์จไฟผ่านพอร์ต USB-C และ ultra-compact 907X ได้

HASSELBLAD 907X SPECIAL EDITION ตัวนี้ไม่เพียงแต่เป็นกล้องที่ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ด้านภาพถ่ายของแบรนด์กล้องสวีเดน แต่ยังเป็นการรวมระบบแอนะล็อกและดิจิทัลเข้าด้วยกันโดยสมบูรณ์ มีขนาดกะทัดรัด รูปร่างเพรียวบาง และผนวกเทคโนโลยีทันสมัยเข้ากับความเก๋าแบบคลาสสิกได้อย่างลงตัว

นอกจากจะมีสเปกยอดเยี่ยม งานดีไซน์ยังถอดแบบมาจากกล้องที่เคยขึ้นไปลั่นชัตเตอร์บนดวงจันทร์มาแล้วอีกด้วย หากหนุ่มคนไหนอยากสะสมคอลเลกชันกล้องหายาก นี่ก็เป็นอีกตัวที่ควรค่าแก่การบูชาไว้บนหิ้ง โดยจะวางจำหน่ายปลายปีนี้ในราคา $7,499 หรือราว 231,000 บาท

 

COVER SOURCE SOURCES: 1 / 2 / 3

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line