FASHION

แม้จะเก๋ามายาวนาน แต่กว่าจะกลับมาฮิตแบบนี้ Vans ก็เคยผ่านวันร้าย ๆ มาเช่นกัน

By: Thada February 2, 2018

หากจะพูดถึงรองเท้าที่มาแรงแซงทุกความนิยมและทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา เราต้องยกตำแหน่งนี้ให้กับรองเท้า Vans Old Skool ซึ่งหลายคนอาจจะตั้งข้อสงสัยว่ารองเท้าที่มีเรื่องราวอันยาวนาน ทำไมถึงเพิ่งจะกลับมาฮิต ต่างจากรองเท้าอย่าง Converse Chuck Taylor All Star หรือ Converse Jack Purcell ที่ได้รับความนิยมอยู่ตลอดเวลา

ย้อนกลับไปช่วงปี 2000 บริษัทรองเท้า Skateboard ชื่อดังก้องโลกอย่าง Vans กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก ยอดขายของพวกเขาถือว่าไม่สู้ดีนักแถมยังเจอแบรนด์คู่แข่งน้องใหม่อย่าง DC และ Osiris แย่งความนิยมไปทั้งที่ตัวเองถือว่าเป็นแบรนด์เก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานไม่แพ้ใครในโลก

ดังนั้นผู้บริหารจึงได้ว่าจ้าง Rian  Pozzebon ชายที่ชื่อไม่ได้คุ้นหูมากนักในวงการ sneakers เพื่อมาช่วยกอบกู้สถานการณ์ของแบรนด์ ซึ่ง Rian ได้ชวนเพื่อนอีกคนหนึ่งเข้ามาคือ Jon Warren เมื่อทั้งคู่เริ่มต้นทำงานกับ Vans คำถามแรกที่พวกเขาสงสัยคือ Vans จะยอมให้เราจัดการกับรุ่นคลาสสิคหรือไม่ ?

Rian Pozzebon ผู้ชุบชีวิต Vans ขึ้นมาอีกครั้ง

เพราะก่อนหน้านี้ทิศทางของบริษัท Vans ถือว่าสะเปะสะปะพอสมควร เนื่องจากพวกเขาพยายามผลักดันรองเท้าโมเดลใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดจนปล่อยปละละเลยรองเท้าโมเดลเก่า ๆ อย่าง  Slip-on , Old Skool และ Authentic ทั้งที่รองเท้าพวกนี้เปรียบดังเส้นเลือดใหญ่ของ Vans ที่สามารถทำตลาดได้อย่างดี แต่พวกเขากับผลิตโมเดลดังกล่าว แค่เพียงหยิบมือแถมไม่คิดจะพัฒนาสานต่อใด ๆ

บวกกับยุค 2000 เป็นปีที่ผู้บริโภคเองพยายามมองหาทางเลือกใหม่ ๆ หากลองสังเกตดี ๆ แฟชั่นทุกอย่างในช่วงเวลานั้นจะอิงกับความเป็น Furturistic ไม่เว้นแม้กระทั่งรองเท้าสเก็ตบอร์ดที่นักสเก็ตต่างมองหารองเท้าที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยี หรือดีไซน์ที่แตกต่างเพื่อตอบรับกระแสที่คนหันมาเน้นรองเท้าทรง Chunkier  ดังนั้น Vans จึงกลายเป็นรองเท้าที่ดูตกยุค ดีไซน์โบราณ ไม่เป็นที่ประทับใจของลูกค้า หรือนักสเก็ตรุ่นใหม่ จนชื่อของ Vans แทบจะไม่อยู่ในหัวอีกต่อไป

สถานการณ์ของ Vans ก่อนหน้าที่ Rian Pozzebon จะเข้ามาถือว่าเข้าขั้นวิกฤตเนื่องจากพวกเขาทุ่มเงินไปกับไลน์สินค้าใหม่ อาทิ รองเท้าสำหรับเบรคแดนซ์หรือแม้กระทั่งรองเท้าวอลเลย์บอล ซึ่งทั้งหมดล้วนล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงทำให้บริษัทเป็นหนี้มากถึง 12 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา

จึงเป็นโจทย์ยากสำหรับ Rian Pozzebon ที่ต้องคิดว่าเขาจะทำอย่างไรเพื่อปรับปรุงให้ Vans กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง ดังนั้นเขาได้ตัดสินใจวิ่งกลับไปหาจุดเริ่มต้นของ Vans คือการ Back To Basic เขานำเสนอไอเดียการทำรองเท้าให้ใกล้เคียงกับ USA สเปคมากที่สุดหรือเรียกว่าการ reproduce โดยเลือกวางขายใน selective store เพื่อเพิ่มมูลค่าของตัวรองเท้า

หลังจากปี 2003 จึงได้เกิดเป็นไลน์สินค้าที่ชื่อว่า Vans Vaults ซึ่งเป็นการนำรองเท้าโมเดลคลาสสิคต่าง ๆ ออกมาเปลี่ยนวัสดุให้มีความไฮเอนด์มากยิ่งขึ้นอีกทั้งจะขายในจำนวนจำกัด ทำให้ Vans Vaults กลายเป็นที่ต้องการสำหรับคนที่หลงใหลใน Vans ให้ตามเก็บสะสมกัน แต่แล้วในปี 2004  บริษัท McCown De Leeuw & Co. ผู้ถือกรรมสิทธิ์ Vans ได้ตัดสินใจขายกิจการให้กับ VF Corp. เนื่องจากมองเห็นศักยภาพของบริษัทผู้ถือกิจการทั้ง The North Face , Timberland และ Nautica จะสามารถนำพา Vans ให้ก้าวขึ้นไปอีกระดับ

ภายหลังการซื้อขายสำเร็จลุล่วง กิจการถูกส่งต่อให้กับบริษัทที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับธุรกิจแฟชั่นโดยตรง ด้วยการโปรโมตแบบถูกวิธี Vans เริ่มกลับมาครองใจวัยรุ่นอเมริกันอีกครั้ง เพราะโมเดล The Big Five (Authentic , Era , Old Skool , Sk8-Hi และ Slip on) กลายเป็น casual sneakers ต้นแบบที่คนนึกถึง หากคิดถึงรองเท้า skate ก็ต้อง Old skool และ Sk8-Hi หากจะมองหารองเท้ามินิมอลราคาเบาดีไซน์สวยงามก็ต้องเป็น Authentic และลองไปดูใน Tumblr ดูได้ว่าภาพ reference ต่าง ๆ ล้วน หยิบจับเอารองเท้า Vans มาสื่อถึงไลฟ์สไตล์สเก็ตบอร์ด

จากวันนั้น Vans ก็ไม่เคยได้รับความนิยมลดลงเลยกลายเป็นรองเท้าที่แม้กระทั่งเซเลบริตี้คนดังต่างเลือกใช้อย่างเป็นประจำ โดยพวกเขามองว่า Vans ไม่ใช่รองเท้าแต่มันคือไลฟ์สไตล์อเมริกันที่จะขาดไม่ได้

แต่ทั้งหมดทั้งมวลสิ่งที่ทีมงาน UNLOCKMEN มองว่าเพราะเหตุใดรองเท้าของ Vans จึงประสบความสำเร็จและได้กลับมารับความนิยมอีกครั้ง คงไม่ใช่สิ่งอื่นใดนอกจากความอัจฉริยะของพี่น้องตระกูล Van Doren ที่สร้างดีไซน์ได้อย่างลงตัว ลองคิดดูภาพในปัจจุบันไม่ว่าคุณจะแต่งตัวสไตล์ไหนรองเท้า Vans ก็สามารถถูกนำไปมิกซ์แอนด์แมทช์ได้อย่างไม่เคอะเขิน แม้กระทั่งตัวอย่างของ Frank Ocean และ A$AP Rocky ที่นำรองเท้า Vans ไปใส่กับชุดสูทลำลองก็ยังออกมาโดดเด่นแปลกตา นั่นคือเคล็ดลับทั้งหมด บางครั้งเรามัวแต่มองหาสิ่งแปลกใหม่ จนหลงลืมอะไรแบบเก่า ๆ นั่นก็มีมนต์ขลังคลาสสิคอยู่ตลอดเวลา การวิ่งกลับไปหาจุดเริ่มต้นก็ถือเป็นสิ่งที่ควรทำ

 

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line