Entertainment

มุมมองที่ชัดเจนไม่เคยเปลี่ยนของ “ฮิวโก้ – จุลจักร จักรพงษ์”

By: unlockmen June 29, 2015

ด้วยวัยที่เติบโตขึ้นของคนเรา สิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามามีบทบาทในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความเสียใจ ความยินดี ความผิดหวัง หรือความสำเร็จ ล้วนหล่อหลอมให้เราเติบโต ซึ่งอาจส่งผลให้ความคิดบางอย่างเราเปลี่ยนไป หรือทำให้สิ่งที่เราเคยคิดชัดเจนขึ้น ประสบการณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่ทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้

หากพูดถึงผู้ชายหนึ่งคนที่ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ล้วนมีผลต่อวัยรุ่นไทย และเป็นไอดอลให้กับหนุ่มๆ มากมาย ชายที่เราพูดถึงนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก “ฮิวโก้ – จุลจักร จักรพงษ์” หรือพี่เล็กของใครหลายๆ คน หนุ่มสุดเซอร์มาดเท่ที่ไม่ว่าใครก็ต้องคุ้นชื่อเขาแน่นอน เราได้เห็นหน้าค่าตาของเขาครั้งแรกในโฆษณาดัชมิลล์ และบทบาทการแสดงละครในปี 2545 จากละครเรื่องลูกผู้ชายหัวใจเพชร จากนั้นเขาก็ได้ออกอัลบั้มกับเพื่อนๆ วงสิบล้อ มีผลงานเพลงดังอย่าง “ความลับ” ที่ฮอตฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง

หลังจากนั้นเขาก็หายหน้าหายตาไปพอสมควร จนเราได้พบเขาอีกครั้งจากการออกอัลบั้มในต่างประเทศ กับเพลง 99 Problems สังกัด Roc Nation ค่ายของศิลปินแร็ปเปอร์ยักษ์ใหญ่ Jay-Z แต่วันนี้เขากลับมาทำเพลง ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทยในฐานะคุณพ่อลูกสอง และออกอัลบั้มใหม่ Deep In The Long Grass นักดนตรีหนุ่มที่อ้างตัวว่าแก่แล้วคนนี้ ผ่านมาหมดแล้วทั้งการแสดงละคร เล่นดนตรี รวมไปถึงการแสดงออกทางการเมือง เรียกว่าเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาพอสมควร

IMG_1430

วันนี้ UNLOCKMEN มีโอกาสได้พูดคุยกับชายคนนี้ ชายที่พูดว่า “ไอดอลไม่ใช่วีรบุรุษ เป็นเพียงมนุษย์พังๆ คนหนึ่ง” เหตุใดเขาถึงคิดเช่นนั้น ติดตามได้ในบทความนี้ สำหรับเรามุมมองที่ไม่เปลี่ยนของเขาก็คงเป็นความฉลาดในการตอบคำถาม และความชัดเจนในสิ่งที่เขาได้ไตร่ตรองแล้วพูดมันออกมา

ทำไมถึงเลือกกลับมาทำเพลงในเมืองไทย มองในฐานะคนนอก เรากลับมองว่าที่โน้นน่าจะเติบโตได้มากกว่า

ผมว่าการเติบโตมันไม่ค่อยเกี่ยวกับสถานที่ที่ทำ แล้วจริงๆ คนที่เขามองชีวิตเราจากข้างนอกเขาจะคิดว่ามันเป็น กระบวนการที่มาจากการวางแผน แต่จริงๆ มันเป็นการไหวตัวตามสถานการณ์มากกว่า เราก็อยู่บนถนนที่โน่นมาพอสมควร อยู่ห่างกับลูกและครอบครัว ก็เลยอยากจะบันทึกเสียงที่เมืองไทย เพราะเราก็ได้ข่าวว่าเขาจะสร้างห้องอัดมาตรฐานโลก แล้วก็ทำอยู่ภายใต้สัญญากับ Roc Nation ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะแตกต่างกันยังไงที่จะอัดที่เมืองไทย แล้วเมืองไทยก็เป็นที่ที่เรามีความสัมพันธ์ด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบนิเวศน์ แสง ภาษา อาหาร กลิ่น ทุกอย่างมันมีความหมายกับเรา แล้วก็น่าจะมีความหมายกับคนต่างชาติที่เราเอามาทำงานด้วย ผมว่าปฏิกิริยาเหล่านั้นที่เกิดขึ้นจากการสัมผัสสิ่งแปลกใหม่มันน่าจะดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง เพราะว่ามันเป็นงานศิลปะที่ต้องมีการ input อะไรเข้าไป

IMG_1457

มันมีจุดที่แตกต่างกัน หรือเหมือนกันไหม ระหว่างธุรกิจดนตรีในไทยและต่างประเทศ

ผมว่าไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ธุรกิจดนตรีทั่วโลกก็เจอปัญหาเดียวกัน มันแตกต่างกันที่ขนาดตลาด แต่ถ้าเรากำลังทำเพลงภาษาอังกฤษอยู่ แน่นอนที่โน้นตลาดมันใหญ่กว่า แต่ในเวลาเดียวกันทุกอย่างที่เราจะทำมันก็แพงขึ้น ทีมครีเอทีฟ ทีมอะไร เราไม่ได้มีความน่าเชื่อถือเท่าอยู่ที่เมืองไทย บางทีคนที่เราได้ทำงานด้วยก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เก่งที่สุด หรือดีที่สุด แล้วเค้าก็ไม่ได้รู้จักเรา ไม่ได้มองอนาคตยาวไกล เค้าก็คิดเราเต็มๆ แล้วมันก็มีเรื่องของการเมืองในค่ายเหมือนเมืองไทย มันมีแบบลูกคนโปรดอะไรอย่างนี้ มันก็เลยไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ แล้วผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผมมีตลาดอยู่หนึ่งตลาดที่เมืองไทยที่รออยู่ ซึ่งไม่ว่าผมจะร้องเพลงภาษาอะไรก็ตาม ผมก็ไม่ได้สนแล้วว่าคนที่เขาฟังเพลงผมจะต้องเป็นฝรั่ง คำว่าสากลมันแปลว่าต่างประเทศ ไม่ได้แปลว่าเมกาโดยเฉพาะ แล้วเราก็เป็นคนไทย มีอะไรที่ต้องดูแลอยู่ที่นี่ มีครอบครัว

เราทราบมาว่าคุณไม่ชอบการโกหก แต่ในวงการมายา เขาว่ามันหนีไม่พ้นเรื่องนี้ แล้วคุณทำอย่างไรในการยืนหยัดอยู่กับความจริงที่มี

ผมไม่ได้อยู่ในวงการมายา ผมอาศัยอยู่ในวงการดนตรี ไม่ได้ออกอีเว้นท์ ไม่ได้ออกรายการ ไม่ได้เอาชีวิตส่วนตัวมาขาย ผมไม่รับ ผมไม่ได้อยู่ จริงๆ ผมอาจจะไม่เคยอยู่ด้วยซ้ำ ผมแค่ผ่านมาในระหว่างเวลารับเช็ค แต่ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องเอาวิญญาณ หรือชีวิตส่วนตัวไปแลกกับอะไรทั้งสิ้น ผมไม่จำเป็นต้องเจรจากับวงการนั้น แล้วเวลามันก็พิสูจน์ให้ผมเห็นแล้วว่า ผมเลือกถูกแล้ว (ยิ้ม)

H1

ในขณะที่เด็กหนุ่มส่วนใหญ่มองเห็นคุณเป็นไอดอล แล้วคุณล่ะมีไอดอลเป็นของตัวเองหรือเปล่า

เยอะแยะเลยครับ เยอะแยะ แต่บางทีปัญหาของไอดอลอะ เราไปคิดว่าเขาเป็นวีรบุรุษ แล้วพออ่านไปลึกๆ เนี่ย เราก็จะเจอความเป็นมนุษย์พังๆ ธรรมดาหนึ่งคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ผมก็เคยมีไอดอลเยอะเหมือนกัน แต่จริงๆ ผมก็ไม่ได้ไปเพ่งเล็งใครแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น Bob Dylan น้าแอ๊ด คาราบาว พี่ป้อม อัสนี จรัล มโนเพชร Jim Morrison Jimi Hendrix เยอะเลย แต่พอเราเลยช่วงเวลาหนึ่งในชีวิต ไม่ไปเพ่งเล็งที่ไอดอลละ ต้องยกตัวเอง ต้องเอาตัวเองให้รอด คิดถึงตัวเอง คิดถึงพ่อแม่ คิดถึงแฟน คิดถึงลูก คิดถึงพี่น้อง ไอ้ไอดอลมันไม่ได้ช่วยอะไรเราหรอก

IMG_1416

เมื่อก่อนวัยรุ่นต้องออกไปแสดงตัวเพื่อแสดงออกทางการเมือง แต่ทุกวันนี้แค่มีแป้นคีย์บอร์ด ทุกคนก็แสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว คุณมองเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

อะไรที่ทำหลังจอ หรือต่อหน้าจอ หรือกับคีย์บอร์ดเนี่ย มันก็ไม่ได้มีความเสี่ยงอะไร เพราะฉะนั้นผมก็ไม่ได้ให้ราคากับมันเท่าไหร่ นอกเสียจากเป็นบทความที่เขียนได้น่าสนใจ หรือเป็นบทความที่เขียนจากข้อมูลที่แน่น มีการใช้ภาษาที่ชัดเจน มีประโยชน์ เป็นการกระจายข้อมูลความรู้ แต่มันไม่ได้เอาอะไรไปเดิมพัน ผมย้อนเวลากลับไปรู้สึกผมไปอยู่ผิดกลุ่ม ผิดเวที แต่เวลานั้นเราก็กำลังต่อต้านในสิ่งที่เรารู้สึกว่าผิด ไปๆ มาๆ เรามีความเข้าใจว่าอะไรเป็นซ้าย อะไรเป็นขวานี้ สรุปพอทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ซ้ายเป็นขวา ขวาเป็นซ้าย

ผมไม่ค่อยเชื่อในการประท้วงเรื่องที่ภาพกว้างๆ ใหญ่ๆ ผมเข้าใจถึงการแสดงออกทางความคิดเห็น อันนั้นน่ะถูกต้อง แต่ประเด็นต้องแคบถ้าอยากให้มันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ นอกจากแค่ระบายความในใจออกไป ถ้าอยากจะเคลื่อนไหวเพื่อความเปลี่ยนแปลงในโลกที่เราอาศัยอยู่จริงๆ ผมว่าประเด็นมันต้องแคบลง จะไปบอกทั้งระบบต้องเปลี่ยน ต้องล้ม เหมือนที่เราเคยพูด บางทีมันก็กว้างไป ล้มแล้วได้อะไรมาแทนไม่มีใครรู้ ผมว่ามันต้องย่อประเด็นลงมาให้เป็นเรื่องๆ ไป เช่น นโยบายอันนี้บรรทัดนี้อยากให้ปรับปรุง กระทรวงนี้อยากให้คนนี้ลาออก เพราะอะไรหนึ่งสองสามสี่ ผมไม่ค่อยเชื่อในขบวนการทางการเมืองใหญ่ๆ  คนเรามันละเอียดอ่อน และแตกต่างกันเกินไป ที่จะมาใส่ได้แค่สองฝั่ง คนเราอาจจะมีฝั่งนี้ที่เราชอบ หรือฝั่งนั้นที่เราชอบ

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ มันมีเกมอำนาจที่คนหลายคนเขาเล่นกัน ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อะไรจากตรงนั้น ฉะนั้นมันยากที่จะเห็นว่าบทบาทของเราอยู่ตรงไหน ยิ่งถ้าเราไม่มีสิทธิ์เลือกตั้ง

IMG_1439

ประมาณปี 2553 คุณเคยให้สัมภาษณ์เรื่องเด็กไทยมีอะไรกันเหมือนกระต่าย วันนี้มุมมองของคุณที่มีต่อเรื่องนี้เปลี่ยนไปบ้างหรือยัง

ตอนนั้นผมเที่ยวอยู่ ผมเที่ยวกลางคืน ออกไปตามร้าน เล่นดนตรีตามผับตามบาร์ แล้วก็เห็นอาการ แต่มันก็เป็นแค่สิ่งที่ผมเห็น ผมแค่รู้สึกว่าตอนนั้นวัฒนธรรมไทยที่เรานำเสนอว่ามันคือความเรียบร้อย มันตรงกันข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้นในตอนกลางคืน ทั้งคนที่เซ็กส์เป็นอาชีพ หรือวัยรุ่นที่กำลังค้นหาตัวเอง ผมแค่รู้สึกว่ามันมีความแตกต่างที่มากเกินไป เอาเป็นว่า Official บอกว่าเราเป็นคนอย่างนี้ เราเป็นคนเรียบร้อย ในเวลาเดียวกันนี่คือเรื่องที่เกิดขึ้น ยิ่งในวงการบันเทิงทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่ามันหลวมกว่านั้นอีก แต่นั่นคือสิ่งที่ผมคิดในตอนนั้น ตอนนี้ผมไม่รู้ เพราะผมไม่เที่ยว ผมเล่นดนตรีอาทิตย์ละครั้ง ส่วนมากแฟนเพลงผมก็โตประมาณหนึ่งแล้ว แต่งงานแล้ว มีลูกแล้ว ผมเลยไม่สามารถพูดแทนวัยรุ่นได้ เพราะผมไม่ได้เป็นวัยรุ่นแล้ว

71Z8eswQ4ILมูซาชิ นิยายชีวิตของนักรบซามูไรแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย 

ในฐานะที่เป็นนักอ่านตัวยง มีหนังสือที่อยากแนะนำให้วัยรุ่นไทยได้อ่านไหม

ถ้าเป็นวัยรุ่นอะ ผมแนะนำหนังสือมูซาชิ (Musashi: An Epic Novel of the Samurai Era) ผมว่าช่วงวัยทีนสำหรับผู้ชาย เป็นหนังสือที่ดีมาก เพราะมันสั่งสอนผม เรื่องการนำใช้วิถีชีวิต การลงมือทำ ให้มันปรับไฟที่เร่าร้อนข้างในหัวใจผู้ชายทุกคน ปัญหาสังคมก็มักจะมาจากผู้ชาย เพราะฉะนั้นผมรู้สึกว่าการที่วัยรุ่นไทยได้เรียนรู้ ได้เข้าใจว่าผู้ชายมันมีมากกว่าความรุนแรง มันมีมากกว่าความโหดเหี้ยม

การเป็นนักล่าในสมัยเนี้ยเราต้องหาบทบาทให้ผู้ชาย เพราะจริงๆ แล้วผู้ชายเป็นนักรบ เป็นนักรัก เป็นนักล่า แล้วบางทีชีวิตมันก็ไม่ค่อยมีโอกาสให้เราได้ระบายความต้องการทางธรรมชาติเหล่านั้น เลยต้องนำอารมณ์ความแรง ความเหี้ยมไปใช้กับอย่างอื่น ในหนังสือเล่มนี้มันก็เกี่ยวกับผู้ชายที่โหดเหี้ยม เหลวไหล แล้วก็อยากจะไปเป็นนักรบ พอเขาตื่นขึ้นมาในสนามรบเขาก็ได้เรียนรู้และเข้าใจละว่าสิ่งที่เขายกย่องน่ะมันผิด แล้วเขาก็โดนพระขังไว้ในห้องสมุด การเรียนรู้ในชีวิตของเขาก็เริ่มจากตรงนั้น ผมก็เลยคิดว่ามันเป็นหนังสือที่เหมาะกับหนุ่มๆ

IMG_1483

การที่เราได้ไปเรียนและเติบโตในโรงเรียนประจำที่อังกฤษ คุณคิดว่ามันคือข้อได้เปรียบหรือเปล่าที่ส่งผลให้เราเป็นคนกล้าแสดงออก และชัดเจนในตัวตนอย่างมาก

ผมไม่ค่อยอยากจะให้เครดิตสถาบันขนาดนั้น ผมว่าครอบครัวผมโดยรวมน่าจะมีผลกับผมมากกว่าโรงเรียน แต่แน่นอนว่าเป็นโรงเรียนที่ดี (charterhouse school) คณะประวัติศาสตร์ สอนประวัติศาสตร์ดีมาก แต่จริงๆ แล้วผมอยู่โรงเรียน ผมก็เป็นขบถ มีอะไรเกิดขึ้นที่โรงเรียน มีอะไรแตก หรือพัง ผมก็จะโดนเรียกไปคนแรก เพราะดูแล้วน่าจะเป็นผู้ต้องสงสัย (หัวเราะ) ทั้งๆ ที่เราไม่ได้เกี่ยวข้องเลย เราไม่มีวันรู้หรอกว่าอะไรทำให้เราเป็นอย่างนี้ แต่แน่นอนที่สุดผมว่าบทบาทของพ่อแม่สำคัญกว่าอะไร ยิ่งผมมีลูกผมยิ่งเห็นเลย ไอ้ช่วงเวลาตอนเล็กๆ อยู่นั่นแหละ นิสัยมันมาตอนนั้น กึ๋นของคนมันมาตอนเด็ก

IMG_1466

พอได้เป็นพ่อคนแล้ว อยากให้ลูกชายทั้งสองคนเจริญรอยตามคุณไหม

ผมอยากให้เขามีความสุข อยากให้เขาปลอดภัย ความคิดของผมมันไม่ได้ซับซ้อน ผมอยากให้เขารู้สึกว่าเขาเป็นตัวของตัวเอง ทำอะไรก็ได้ ถ้ามันถูกกฎหมายแล้วลูกชอบ แต่จะไม่ยัดเยียดให้เข้าวงการบันเทิง เพราะวงการบันเทิงมันก็เปลี่ยนไปเยอะแล้ว มันเป็นอะไรที่เข้าง่ายแต่ออกยาก พอเข้าไปแล้วความชินกับเม็ดเงินที่มาง่ายว่องไวมันแทบไม่ได้สอนอะไรเท่าไหร่ ผมแทบจะไม่ได้เรียนรู้อะไรที่เป็นประโยชน์จากวงการบันเทิงเลย (ยิ้ม)

“ดนตรีมันเล่นกับความทรงจำเยอะ พอมีเพลงที่เราชอบ บางทีมันไม่เกี่ยวกับคอร์ด แต่มันเกี่ยวกับความทรงจำที่เราแฝงไว้ในเพลงนั้นด้วยจิตใต้สำนึก”

บทเพลงในอัลบั้มนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนยาเสพติดที่ปลอดภัยต่อร่างกายทุกคนอยู่ใช่ไหม

ใช่ๆ เพราะว่ามันต้องมีอะไรบ้างคนเราอะ จะแบบต้องเครียด ไปทำงาน ไปอะไร คือมันก็ต้องมีคลี่คลายบ้าง แล้วดนตรีเนี่ยมันก็ไม่มีผลร้ายอะไรเลยต่อร่างกายอะ ฉะนั้นถ้าเรามีส่วนร่วมในการผ่อนคลายคลี่คลาย หรือการปลอบใจ เพราะจริงๆ ความหมายมันจะตีความไปแบบไหนก็ได้ ถ้าเราไปฟังเพลงเศร้า หรือกำลังจะสร้างบรรยากาศโรแมนติกที่บ้าน อะไรก็ตามอะ มันก็ถือเป็นเกียรติที่เราได้มีบทบาทในชีวิตในอารมณ์ของคน เป็นส่วนหนึ่งในความทรงจำของคน เพราะดนตรีมันเล่นกับความทรงจำเยอะ พอมีเพลงที่เราชอบ บางทีมันไม่เกี่ยวกับคอร์ด แต่มันเกี่ยวกับความทรงจำที่เราแฝงไว้ในเพลงนั้นด้วยจิตใต้สำนึก อะไรที่เราได้มีส่วนร่วมกับชีวิตคนที่เราไม่เคยเจอ ไม่รู้จัก มันก็เป็นอะไรที่พิเศษ

ถ้าเปรียบชีวิตเป็นเพลงสักหนึ่งเพลง ตอนนี้ชีวิตคุณตรงกับเพลงอะไรมากที่สุด

มันก็คงเป็นอารมณ์ของ Beautiful Boy ของ John Lennon ช่วงที่กำลังเห่อลูก รักลูก รักครอบครัว จะเป็นคนดีแล้ว แต่ยังไม่เป็นนะ (หัวเราะ)

photo : โจนาธาน ร็อคไดอารี่

ขอบคุณ BEAR Visual Specialist School 

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line