Business

CONVERSATION WITH NELSON LEUNG ผู้บริหารใหม่ของ VGI หนุ่มผู้มีพื้นที่สื่อโฆษณาไทยเต็มอ้อมแขน

By: anonymK August 6, 2018

ใครที่อยู่ในแวดวงสื่อโฆษณา ชื่อของ “VGI” หรือ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) คงเป็นชื่อแบรนด์อันดับต้นที่ติดหูในฐานะผู้ครองสื่อนอกบ้านรายใหญ่ที่ร่ำรวยเรื่องพื้นที่โฆษณานอกบ้านโดยมีสัมปทานโฆษณาบริเวณรถไฟฟ้า BTS อยู่เต็มกำมือแถมยังเหลือมืออีกข้างรวบตึงการลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท MACO หรือบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการด้านเครือข่ายป้ายโฆษณามือเก๋าที่ปีนี้มีอายุครบ 29 ขวบแล้ว และล่าสุดคือการประกาศเสริมใยเหล็ก โดดมาถือหุ้นถึง 23 % ธุรกิจ logistic สุดบูมอย่าง Kerry Express ช่วงต้นปีในเดือนเมษายนที่ผ่านมาอีกด้วย

เบื้องหลังอาณาจักรสื่อใหญ่เนื้อหอมของประเทศที่คนวงการโฆษณาทุกคนอยากมีโอกาสเข้าไปร่วมงานด้วย แน่นอนว่าความแข็งแกร่งต้องมาจากผู้บริหาร ครั้งนี้ UNLOCKMEN ได้รับโอกาสพิเศษร่วมพูดคุยปลดล็อกวิสัยทัศน์และไลฟ์สไตล์ของ เนลสัน เหลียง CEO คนปัจจุบันของบริษัท VGI ชายหนุ่มที่หลายคนอยากรู้จักเขามากที่สุดคนหนึ่งของประเทศ เพราะเพิ่งขึ้นรับตำแหน่งหมาด ๆ

คุณเนลสัน เหลียง คือหนุ่มชาวฮ่องกง ลุคขี้เล่นซึ่งทลายกำแพงภาพลักษณ์ผู้บริหารหลายคนที่เรารู้จัก แถมทำเอาทีมงานเราเข้าใจผิดเรื่องอายุเสียสนิทเพราะใบหน้าที่ยังอ่อนเยาว์กับความเฟิร์มของรูปร่าง ใครจะเชื่อว่าหนุ่มคนนี้อายุ 43 ปีแล้ว แต่นอกจากเรื่องภายนอกที่เห็น ไลฟ์สไตล์กับวิสัยทัศน์ภายในของเขาที่น่าทึ่งไม่แพ้กัน

 

หนุ่มปีกระต่ายที่มีวิสัยทัศน์แบบกระต่าย

คุณเนลสันเป็นหนุ่มปีนักษัตรกระต่าย ที่มีประวัติการเรียนและการทำงานที่น่าสนใจ เขาจบปริญญาตรีด้าน Mathemetic เคยทำงานด้าน Tech ใน Silicon Valley ทำงานด้าน Consult ด้าน E-payment Business ก่อนมาทำงานด้านธุรกิจในไทยเมื่อ 8 ปีที่แล้วโดยเป็นผู้ริเริ่มธุรกิจด้าน E-Payment ให้กับ Rabbit Group ทำให้เกิด Rabbit Rewards Rabbit Card ฯลฯ จนวันนี้ได้รับเลือกให้นั่งในตำแหน่ง CEO ให้กับ VGI เรียกได้ว่ามีรูปแบบการทำงานที่ค่อนข้างโลดโผน รวดเร็ว จากคน Tech ที่ลงมือเองหน้าคอมพิวเตอร์กลายเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังนั่งให้คำปรึกษาและบริหารคนแทน ซึ่งเขาเฉลยความฝันและเส้นทางความคิดที่หักเหไปมาก่อนจะก้าวมาสู่จุดน้ีว่า

“ผมชอบอะไรที่เกี่ยวกับ Programming มาก ตอนเด็ก ๆ เคยฝันจะไปทำงานกับ Nintendo แต่หลังจากโตขึ้นและย้ายไปที่ซิลิคอนวัลเลย์ทำงานด้าน Programming แล้วพบว่าโลกมันเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การทำงานที่นี่สอนให้รู้ว่าเราจะเรียนรู้มันได้เพียงช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่อาจไล่ตามมันได้ตลอดไป คนเราต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ถ้าอยากประสบความสำเร็จและก้าวหน้าในอนาคต ทักษะด้าน Specialist อย่างเดียวไม่เพียงพอ คุณต้องเพิ่มสกิลอื่นด้วย คือการเพิ่ม Soft Skill เลยเป็นสาเหตุให้ผมมาเรียนเสริมความรู้ด้าน Finance Management ที่ Sasin”

นอกจากนี้ เขาได้แย้มเรื่องความแตกต่างระหว่างงานทั้งสองตำแหน่งนี้ว่าแตกต่างกันพอสมควร เนื่องจากการเป็นโปรแกรมเมอร์ ทุกขั้นตอนสามารถควบคุมและจัดการได้ด้วยตัวเองเพราะทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์ แต่การเป็นผู้บริหารต่อให้เก่งแค่ไหนเราก็ไม่สามารถควบคุมคนอื่นได้ 100 % ต้องเจอกับเรื่องผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงบ่อย ๆ บางครั้งเรื่องที่เราตั้งความหวังไว้อาจจะอยู่ที่ 0 % เลยก็ได้

 

ความเสี่ยงคือของหวาน

ความสำเร็จเกิดจากความกล้าเผชิญหน้ากับความเสี่ยงอย่างชาญฉลาด เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยินว่าหนังสือเล่มเดิม จะอ่านกี่ครั้งตอนจบก็เหมือนเดิม เช่นเดียวกับความก้าวหน้าของคนเรา ถ้าอยากสำเร็จก็ต้องขยับจากจุดเดิมถ้าไม่อยากได้ผลลัพธ์แบบเดิม ทำให้คุณเนลสันมองหาโอกาสและตอนจบที่ดีกว่าของตัวเองเสมอ เมื่อไหร่ที่เห็นโอกาสในดินแดนใหม่เขาพร้อมเปิดใจรับความเสี่ยงเพื่อแสวงหาโอกาสนั้น จึงเป็นที่มาของเหตุผลที่ทำให้เขาเข้ามาปักหลักในประเทศไทย

“ ผมคิดว่าการมาเมืองไทยเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น น่าสนใจ เมื่อมาอยู่แล้วรู้สึกชื่นชอบวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ที่นี่ อีกส่วนหนึ่งมองว่าตอนนี้ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงที่มีอัตราการเติบโต และมีช่องทางโอกาสให้ต่อยอดมากมาย เมื่อเทียบกับฮ่องกงหรือสิงคโปร์นับว่าเศรษฐกิจค่อนข้างอิ่มตัวแล้ว”

 

WORK LIFE BALANCE

ประเด็นความกล้าและแพสชันของเขาชัดเจนแล้ว ด้านการบริหารชีวิตและการงานก็ต้องไม่เป็นรอง คำตอบของแม่ทัพแห่ง VGI ที่ให้ไว้มีเพียงกุญแจสำคัญจากคำเพียงหนึ่งเดียวคือ “ความเข้าใจ”

“ผมคิดว่าหลัก ๆ อยู่ที่ความเข้าใจ เรื่องการทำงาน ผมมองว่า EQ สำคัญกว่า IQ มาก สำหรับผมที่ต้องบริหารคนที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 17 – 70 ปีในองค์กร ผมจัดระบบให้องค์กรมีลักษณะเป็นแนวราบ (Flat) ไม่ซับซ้อนหลายขั้น ถ้ามีไอเดียอะไรก็บอกกันได้ตรง ๆ เพราะผมไม่ใช่คนที่เก่งทุกอย่าง ผมทำหน้าที่ดึงคนเก่งมาทำให้องค์กรดีขึ้น ให้แนวทางกับทีม สำหรับพนักงานอายุน้อยผมช่วยส่งเสริมให้พวกเขาโตไปในระดับ Top Management ผมทำงานที่นี่แต่ในวันหนึ่งผมก็ต้องไป ทุกอย่างล้วนมีวันหมดอายุ คนรุ่นใหม่คือความหวังที่ผมอยากจะปั้นเขาขึ้นมา ส่วนคนในองค์กรที่อายุเยอะกว่า ผมมองเขาเป็นครู ขอคำปรึกษาและให้เกียรติเขา และถ้ามีการปะทะเกิดขึ้นในบริษัทผมก็ทำหน้าที่เป็นกรรมการ

 

สำหรับเรื่องครอบครัวผมคิดว่าการซัพพอร์ตกันและกันเป็นสิ่งสำคัญ ผมแบ่งเวลาไว้อย่างชัดเจน ช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ให้เวลากับที่ทำงานอย่างเต็มที่ ทุกเช้าก่อนทำงานจะใช้เวลา 15-20 นาทีออกกำลังกาย ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ถือเป็นเวลารีแล็กซ์ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัวและลูก ๆ อีกสองคนครับ ตอนนี้ลูกชายผมอายุ 9 ขวบ ส่วนลูกสาวอายุ 6 ขวบ ช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เราได้อยู่ด้วยกันครับ”

 

ไฟมอดแค่ต่อไฟการทำงานจากแหล่งอื่น

การทำงานกับอุปสรรคเป็นของคู่กัน ยิ่งต้องทำงานกับสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมผลลัพธ์ได้ ความรู้สึกกดดันและความท้อแท้ย่อมต้องเกิดขึ้นเป็นของธรรมดา คุณเนลสันเผยว่า

“ไม่มีสูตรไหนที่สามารถจัดการกับความล้มเหลวได้ ขึ้นอยู่กับ Mind Set ของแต่ละบุคคล”

แต่สำหรับเทคนิกเติมไฟการทำงานช่วงที่เขารู้สึกท้อถอย มันเริ่มจากความรู้สึกไม่ยอมแพ้เป็นตัวตั้ง บวกกับปัจจัยรอบข้างด้านอื่นที่สำคัญจากการพูดคุยกับคนอื่นเพื่อรับ Positive Mindset (ทัศนคติเชิงบวก) การปรับใจให้นิ่งสงบเพื่อเผชิญหน้ากับปัญหา หาลู่ทางผ่อนคลายบวก ๆ จากการเสียเหงื่อออกกำลังกาย โดยกิจกรรมที่เขาชื่นชอบและทำมันอยู่เป็นประจำคือ การว่ายน้ำและการขี่จักรยาน และสุดท้ายคือแรงสนับสนุนจากคนในครอบครัว ใครที่กำลังเจอปัญหาแบบเดียวกันลองมาใช้วิธีของเขาเพิ่มไฟดูได้

 

ทิศทางธุรกิจ มองสื่อจากมุมสื่อ

ความรวดเร็วของสื่อ การตามสื่อให้ทันและหาทางสร้างเม็ดเงินยังคงเป็นสิ่งที่หลายคนอยากรู้ ถ้าบ้านเรายังคงมีพื้นที่ว่างสำหรับวงการค้าสื่อโฆษณา ที่ว่างนี้มันควรอยู่ที่ไหนกันแน่

 

“ผมคิดว่าสื่อโฆษณาในอนาคตจะย้ายไปอยู่ในมือถือเพิ่มขึ้น ทำให้ตัดสินใจเข้าไปลงทุนใน Platform อื่น ทั้ง Payment และก็ Logistic ในอนาคตทุกอย่างมันจะต้อง Link กันหมด ทั้ง Payment ทั้ง E-Commerce จะอยู่รอบกายเราซึ่งเราต้องปรับไปตามเทรนด์ เราหยุดมันไม่ได้ ถ้าเรายังทำตัวเป็นสื่อโบราณที่ติดขนบเดิมอย่างหนังสือพิมพ์ ที่ไม่ปรับตัวมันก็อาจจะทำให้เราล้าหลังกว่าคนอื่น

แต่สำหรับ VGI เหตุผลที่เรายังเลือกลงทุนในสื่อออฟไลน์และออนไลน์เฉลี่ยกัน ไม่เทไปทางออนไลน์เพียงอย่างเดียวเพราะเราเห็นว่าแต่ละช่องทางมันทำหน้าที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับพื้นที่ติดตั้ง บางแห่งอาจจะไม่สะดวก หรือการให้ความรู้สึก Impact ที่ออฟไลน์ให้ได้มากกว่า ดังนั้น การมีทั้ง 2 อย่างมันน่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่า ”

 

UNLOCK HIS POTENTIAL

แล้วก็มาถึงคำถามที่หลายคนอยากรู้ เมื่ออยู่ในตำแหน่งสูงแบบนี้เขายังอยากจะปลดล็อกปีนป่ายไปคว้าอะไรมาเพิ่มเติมอีกบ้าง เขาให้คำตอบไว้เรียบง่ายแต่น่าสนใจว่าเขาอยากตั้งบริษัทไปช่วยเด็กรุ่นใหม่ โดยคอยให้ความรู้ทางธุรกิจ เพราะมันมีค่าและให้ความสุขเขาได้มากกว่าของราคาแพง ๆ

สุดท้ายนี้สำหรับชาว UNLOCKMEN ที่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงอยากเป็นนักบริหารเก่ง ๆ แบบเขา คุณเนลสันก็ใจดีสรุปข้อแนะนำมาให้ถึง 4 ข้อก่อนจากกันไปดังนี้

  1. เราต้องกล้าเสี่ยงในช่วงอายุที่สมควรเสี่ยง ตั้งแต่อายุ 20-30 ถ้าฝันจะทำอะไรให้รีบตามความฝันเสีย เพราะความเสี่ยงน้อย ถือเป็นของขวัญในช่วงวัยนี้ที่ยังไม่มีภาระมากนัก
  2. ควรทำหน้าที่เป็นผู้ให้ อย่างกหรือขี้เหนียว เพราะการเป็นผู้ให้ก็สามารถทำให้คุณมี Connection กับคนอื่น ๆ ได้ สิ่งนี้มันอาจจะยังไม่มีผลกับคุณตอนนี้ แต่อนาคตเมื่ออายุเยอะขึ้นไปอาจสร้างมูลค่ามหาศาล
  3. ควรเรียนรู้การทำงานหนัก โดยเฉพาะเรื่องวินัยที่ควรฝึกไว้ให้เป็นนิสัย
  4. ควรเป็นคนอ่อนน้อมเพราะเป็นคุณสมบัติสำคัญที่ผู้บริหารควรมี

 

หวังว่าหนุ่ม ๆ ทุกคนจะได้รับพลังบวกจากเขาคนนี้ไม่มากก็น้อย “เนลสัน เหลียง”

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line