

FASHION
Justin Bieber Hype Machine 2015
By: unlockmen November 16, 2015 18859
หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา Justin Bieber ปล่อยอัลบั้มใหม่ออกมาในชื่อ Purpose ที่มีเพลงเปิดตัวอย่าง What do you mean กับ Sorry ออกมาให้ฟัง และขึ้น Top Chart ในหลายๆประเทศไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็ถือได้ว่าเป็น Studio อัลบั้มชุดที่ 4 ของเขาแล้วนับตั้งแต่ Debut ครั้งแรกเมื่อ 6 ปีก่อน จากภาพหน้าปกของอัลบั้มคงจะเห็นได้ว่าจากเด็กน้อยหน้ามน ชาวแคนนาเดี่ยน วัย 15 ปี ที่สร้างปรากฎการณ์ Fever ไปทั่วโลก ตอนเขาได้กลายเป็นหนุ่มหล่อเต็มตัว
แต่สิ่งที่เราจะมาพูดถึงวันนี้คงไม่ใช่ประวัติ หรือความดังของ Justin Bieber เพราะว่าเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็รู้กันอยู่แล้ว แต่วันนี้เรามาขอชำแหละวิวัฒนาการเรื่องการแต่งตัวของ Justin Bieber จากเด็กน้อยที่เหมือนแม่พาไปซื้อเสื้อผ้าในห้างจนตอนนี้ขึ้นแท่นเป็น Street Maestro อีกคนของวงการไปเรียบร้อยแล้ว จนเขามีสไตล์เป็นของตัวเองที่ชื่อ JB’s Style
เด็กน้อยที่แม่พาเป็นเดินซื้อเสื้อผ้าตามห้าง (2009)
หลังจาก Debut อัลบั้ม My World ภาพที่เราคุ้นตาของ Justin Bieber มากที่สุดคงเป็นภาพเด็กน้อยที่สวมเสื้อ Hoodie สีม่วงพร้อมกับกางเกง Skinny และรองเท้า Supra หุ้มข้อ ซึ่งลุคนี้ของ Justin Bieber ก็ไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นคนนึงที่แม่เป็นคนคอยเลือกซื้อเสื้อผ้าให้ แต่จริงๆแล้วมันเป็น Concept ที่ถูกไว้ซึ่งเราจะสังเกตุได้ว่าช่วงปี 2009 นั้น Justin จะสวมเสื้อที่มีม่วงเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น Cardigan หรือเสื้อยืด ก็ยังคงยืนพื้นเป็นสีม่วง จึงมีการวิเคราะห์กันว่าทำไมต้องเป็นสีม่วง 1. ผู้หญิงชอบสีม่วง ? 2.สีสัญลักษณ์ของเด็กซึ่งตรงกับชื่อเพลงของ Justin คือ Baby เป็นสีม่วง ? 3. ผู้หญิงขี้เหงาชอบสีม่วงซึ่งคนเหล่านี้คือติ่งหลักๆของ Justin ชอบสีม่วง ?
ผมไม่ใช่เด็ก….แต่ก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ (2010)
หลังจากขึ้นแท่นเป็น Superstar เรียบร้อย และด้วยวัยที่โตขึ้นตามความคิดของ Justin Bieber เอง เขาก็เหมือนอยากจะพัตนาลุคของตัวเองให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โดยที่เขาได้ทิ้งเสื้อ Hoodie และเสื้อผ้าสีสัน และเริ่มหยิบเอาเสื้อ Jacket หนังสีดำมาใส่มากขึ้น เริ่มใส่แว่นตาแต่ความเป็นจริงแล้วเขาเพิ่งจะอายุแค่ 16 ปี พอแต่งออกมาก็เลยเหมือนเด็กที่พยายามจะเล่นแต่งตัวให้เป็นผู้ใหญ่ เพราะเขาก็ยังหยิบรองเท้า Supra กับ Snapback คู่ใจมาใส่อยู่เลย ก็เลยทำให้ยังดูลุคก่ำกึ่งๆ อยู่นิดว่าจะไปทางไหนดี
ฤดูแห่งกาลเปลี่ยนแปลงเริ่มต้น (2011)
Justin Bieber เริ่มปรับเปลี่ยนบุคลิกภายนอก นอกเหนือจากการแต่งตัวมากขึ้น โดยเขาทำร้ายจิตใจสาวกติ่ง Bieber ทั่วโลกโดยการลุคขึ้นมาตัดผมสั้น ซึ่งมันไม่ใช่ลุคเด็กน้อยใสๆอีกต่อไป ความจริงแล้วติ่งทั่วโลกคงอยากสตาฟ Bieber ไว้ที่ปี 2009 ตลอดไป แต่เวลาคือสิ่งที่ไม่เคยรอใคร Justin เริ่มมีพัฒนาการด้านการแต่งตัวมากขึ้นโดยเขาเลือกหยิบหมวกทรงอื่นนอกเหนือจาก Snapback มาใส่ อาทิ Fedora หมวกทรงคลาสสิค หรือว่าจะเป็นการใส่ Blazer หรือว่าจะเป็น Varsity jacket มากขึ้นก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า Bieber ไม่ต้องการเป็นเด็กน้อยอีกต่อไป
หลงใหลกับวัตนธรรม Hiphop (2012)
เขาก็คงเหมือนเด็กอายุ 18 ทั่วไปที่กำลังหาแนวทงให้กับตัวเอง โดยในช่วงเวลานี้ Bieber หลงใหลไปกับวัฒนธรรม Gangsta Hip hop เขาแต่งตัวในสไตล์ MC Hammer อาทิใส่เสื้อกับกางเกงตัวใหญ่โคร่งๆ หรือจะหยิบสร้อยคอ นาฬิกา สร้อยเลส สีทองใหญ่ๆ มาใส่ และก็เหมือนเป็นช่วงที่ Jogger pants กำลังฮิต Bieber ก็ไม่รอช้าที่จะหยิบมันมาใส่ด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่วายโดนด่าว่าช่วงนี้เหมือนเขากำลังอยู่ในเงาการแต่งตัวแบบ Kanye West Style
Bieber กับโทนสีดำ (2013)
เป็นช่วงประจวบเหมาะกับกระแส Fashion แนว Gothic กำลังก่อตัวและบูมอยู่ในต่างประเทศ ดังนั้น Justin ก็เลยมีสไตล์การแต่งตัวที่คลุมโทน Monochrome ลุคในช่วงปีนั้น แต่เขาเริ่มจะมีการแต่งตัวที่หลากหลายขึ้นและมีเทสมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนำ Sneaker ของ Rick Owens มาใส่กับเสื้อ Biker Jacket ซึ่งก็ทำให้มีลุคที่ ดุ เข้ม และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่ก็มีที่หลุดๆ บ้างบางที เช่น การใส่หน้ากากกันแก๊สแบบตำรวจ หรือจะเป็น หรือจะเป็นผ้าเช็ดหน้าลายกระโหลกมาคลุมบริเวณหน้า
Bieber กับมาด Bad boy (2014)
ถึงเวลาที่ Justin ต้องเป็นผู้ใหญ่แล้วสักที ในช่วงขวบปีนี้เป็นช่วงที่ Justin Bieber มีข่าวคราวต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นข่าวที่เขาไปปาไข่ใส่เพื่อนบ้าน หรือจะเป็นการที่เขาโดนจับข้อหาขับรถโดยใบอนุญาติขับขี่หมดอายุไปแล้วกว่า 6 เดือน ทำให้เขาเริ่มมีภาพลักษณ์ในทางที่ไม่ค่อยดีมากขึ้น ทีม PR ของเขาเล็งเห็นต้องจุดนี้เลยพัตนาลุคของ Justinให้เป็นผู้ชาย Bad Boy ซึ่งลบล้างภาพ Pop Star เด็กไปอย่างสิ้นเชิง โดยในปีนี้ Justin ก็มีการแต่งที่เกือบเข้าขั้นแล้ว ทั้งการใส่ Bucket Hat หรือจะการทำ Detroy Denim มาใส่ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเข้าก้าวข้ามไปสู่การเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว
เครื่องจักรทางอุตสาหกรรม Fashion (2015)
เปิดปี 2015 ก็เหมือนยิ่งตอกย้ำความเป็น Bad boy ของ Justin เข้าไปอีก การที่เขาจับมือถ่ายแคมเปญชุดชั้นในชายร่วมกับ Calvin Klein ที่เรียกได้ว่าถูกใจสาวๆ และเก้งกวางเป็นอย่างมากทำให้เราเห็นว่า เขาเป็นหนุ่มแล้วจริงๆ นอกจากเรื่องรูปลักษณ์ภาพนอกแล้ว ทั้งด้านเพลงเรื่องการแต่งตัว Justin ก็ได้พัตนาทั้งสองอย่างไปพร้อมๆกันอีกขั้น การแต่งตัวของเขามีทั้งแบบเรียบง่ายแต่ดูดี และแบบเยอะ แต่ก็ไม่หลุดเหมือนเมื่อก่อน อาจเพราะเขาเข้าฟิตเนสทำให้ร่างกายดูเฟิรม์ขึ้นทำให้ใส่เสื้อผ้าดูสวย เพราะตอนนี้ไม่ว่าเขาจะใส่อะไรก็ดูลงตัวไปหมด จนทำให้เขาขึ้นแท่น Street Masetro ไปอีกหนึ่งคนเรียบร้อยแล้ว
เนี่ยก็เป็นวิวัฒนาการการแต่งตัวทั้งหมดของ JB ซึ่งเราก็เป็นคนนึงที่เคยดูแคลนว่า Justin Bieber อาจเพราะเราอาจจะติดภาพในวัยเด็กของเขามากเกินไปจึงปิดกั้นสิ่งต่างๆที่เขาสื่อสาร และแสดงออกมาก แต่ถ้าลองย้อนกลับมามองตัวเองแล้ว ชีวิตเด็กวัยรุ่นคนนึงก็คงไม่ต่างจาก Justin Bieber ที่มีช่วงค้นหาตัวเอง ทำอะไร Bad เพื่ออยากจะหลุดจากคำว่าเป็นเด็กๆ แบบที่ผู้ใหญ่ชอบว่าเรา
ซึ่งถ้าเปิดใจยอมรับจริงๆ เขาก็เป็นหนึ่งคนที่เก่งที่สามารถแบกรับกับ ชื่อเสียง เงินทอง ที่ถาถมเข้ามาหาแต่เด็ก เพราะถ้าเป็นบางคนก็อาจจะหลุดไปแล้วก็เป็นได้ แต่สิ่งที่เจ๋งที่สุดคือการแต่งตัวของ Justin Bieber ที่พัฒนาขึ้นทุกวันจนมีคนตั้งแนวทางของเขาว่า “JB Style” เป็นของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว