Business

ใครว่ามุก 5 บาท 10 ไม่น่าเล่น? รู้จัก “ขายหัวเราะ” กับ 46 ปีความฮาหนังเหนียวที่ขายได้ไม่สะดุดมาทุกยุค

By: anonymK September 2, 2019

 

ชีวิตประจำวันมันเครียด แต่เสียงหัวเราะจะช่วยเยียวยาเราได้

อยากหนีเรื่องเครียดเป็นสัญชาตญาณสากล ทำให้ “เสียงหัวเราะ” เป็นหนึ่งธุรกิจที่ขายได้ทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะกับชาติไทยเราที่เป็นชาติแห่งอารมณ์ขัน เพราะไม่ว่าสถานการณ์ไหน ทั้งวงเพื่อน วงเหล้า วงเหงา วงเครียด วงแดก หรือห้วงรัก ไทม์ไลน์ชีวิตเราต่างแทรกซึมด้วยเสียงหัวเราะเข้าไปได้เสียทุกเรื่อง ถึงแม้ว่าตอนที่เราเล่นเอง มุกจะกริบจนได้ยินเสียงลมหายใจก็ตาม

ตอนที่คิดจะลุกมาเขียนบทความนี้ ต้องยอมรับว่าเขียนถึงด้วยความคิดถึงและความบังเอิญ หลังจากที่เราไม่ได้เปิดทีวีมานานแล้วดันไปเจอว่าตอนนี้ทางกลุ่มบันลือกรุ๊ปเขาบุกตลาดซิตคอมผลิต “ขายหัวเราะ On Air” ด้วยการใช้คนแสดง เกิดเป็นรายการเข้าช่องเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งที่เราเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาทุกอย่างยังเงียบสงบและอาศัย 2 ทางคือ การขายเสียงหัวเราะผ่านการ์ตูนช่องที่เป็นรูปแบบสิ่งพิมพ์บนแผงกับการขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์ 

แต่เอาเข้าจริง พอเข้าไปไล่ดูจริง ๆ มันไม่ได้มีแค่นั้น อุตสาหกรรมคอนเทนต์ตลกของ “บันลือกรุ๊ป” งอกลูกหลานออกมาตบมุกเยอะแยะไปหมด และกระจายออกไปหลายแพลตฟอร์มชนิดที่เราเองก็ไม่รู้และไม่ทันสังเกตมาก่อนเหมือนกัน ซึ่งวิสัยทัศน์การขยายตัวทางธุรกิจนี้ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว

การแข่งขันแม้ไม่มีคู่เทียบที่ชัดเจนและครองตำแหน่งตำนานตลกสุดคลาสสิกในตลาดมายาวนานบางคนอาจจะมองว่าสามารถเล่นแบบเพลย์เซฟไปได้เรื่อย ๆ แต่ในวันที่โลกทั้งใบโดน Disrupt โอกาสและความเป็นไปได้ที่จะเติบโตหรือคงอยู่พร้อมจะเกิดขึ้นเสมอ ทำให้ไม่มีใครยอมล้าหลังอยู่ที่เดิมสักคน

ลองมาดูความดุของการลงทุนที่ไม่ใช่แค่ราคา 5 บาท 10 บาท แต่กางแขนขาโอบคลุมทั้งตลาดความฮาแบบครบวงจรกันว่ามันเป็นอย่างไร น่าสนใจแค่ไหนลองไปดู

เรื่องตลกจะไปอยู่ตรงไหนได้บ้าง?

ว่าด้วยเรื่องการขายล้วน ๆ ไม่รวมอย่างอื่นผสม ก่อนจะไปเรื่องการกระจายแพลตฟอร์ม เรามองว่า “บันลือกรุ๊ปหันไปลงทุนธุรกิจด้วยภาพกว้างยิ่งขึ้น” จากเดิมที่ขายสิ่งพิมพ์ ขายลายเส้นเฉพาะ เขาหันไปโฟกัสเรื่อง “คอนเทนต์” มากกว่าและขายประสบการณ์ที่หลากหลายเพิ่มเติมจาก Materials เดิมที่โดดเด่นของตัวเอง เรียกว่ามีของดีอะไรก็กล้าขนออกมาขายไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง ซึ่งผลการตอบรับนับว่าค่อนข้างดีเพราะไม่ว่าจะจับธุรกิจไหนก็มีคนสนใจ

ขายการ์ตูน

การ์ตูนหัวเดิมในไลน์บันลือกรุ๊ปยังคงอยู่ครบ เพิ่มเติมคือช่องทางการขายที่เขาไปเน้นการขายออนไลน์พร้อมให้สั่งซื้อในราคา 20 บาทจากทั้งเว็บไซต์และในเพจเฟซบุ๊ก ปกแต่ละฉบับจะนำมาโชว์ภาพประกอบลายเส้นที่คุ้นตา

ตัวอย่างหน้าตาแอปพลิเคชันสำหรับขาย E-Book

ข้อดีคือการทำคอนเทนต์ของขายหัวเราะจะสามารถนำไปใช้งานได้ 2 ต่อ ต่อแรกคือขายในเล่ม (ทั้งฉบับพิมพ์และฉบับ E-book) ส่วนต่อที่สองคือใช้เป็นอาร์ตเวิร์กไว้อัปโหลดในเว็บไซต์ อันไหนโดนใจก็สามารถนำไปสร้างไวรัลให้คนแชร์ต่อและสร้าง Engagement ได้ ซึ่งเรื่องตลกเหล่านี้แม้ว่าจะดึงเราเข้าสู่การขาย เพราะเขาเป็นคอนเทนต์การ์ตูนตลก เราคงต้องยอมรับว่ามันเป็นคอนเทนต์ที่ผู้บริโภคทั่วไปยินดีแชร์แบบสนิทใจมากกว่าสินค้าประเภทอื่น ๆ 

ขาย EVENT
Credit Photo: FB ขายหัวเราะ

จากกระดาษถึง On ground ขายหัวเราะเคยสร้างปรากฏการณ์ทำอีเวนต์งานวิ่งที่ใช้ชื่อว่า “ฮาราธอน by ขายหัวเราะ” ที่สวนวชิรเบญจทัศน์ (สวนรถไฟ) โดยแบ่งระยะลงวิ่งไว้ 3 ช่วง ได้แก่ 10 กม., 4 กม. และ 2 กม. ดึงคนเข้าไปร่วมสมัครเต็มโควตาเรียบร้อย

ความโชคร้ายคือเมื่อใกล้ถึงกำหนดงานวิ่งจริงในเดือนกุมภาพันธ์ กรุงเทพฯ เจอสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 ปกคลุมเต็มพื้นที่จึงทำให้เจอเลื่อนมาแบบไร้กำหนด กระทั่งล่าสุดก็ปักหมุดวันมาแล้วให้เป็นวันที่ 15 กันยายนที่จะถึงนี้ ดังนั้น งานนี้จะปังหรือไม่ เราคงต้องมารอดูอีกที

สำหรับคนที่คิดว่างานวิ่งนี้ต่างจากงานอื่นตรงไหน ทำไมคนถึงมาเชื่อใจมือใหม่งานอีเวนต์วิ่ง คงต้องบอกว่าส่วนหนึ่งมาจากไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้เทคะแนนให้งานวิ่งมากขึ้น แถมในช่วงก่อนหน้ากระแสก้าวคนละก้าวก็ดัง ยิ่งเมื่อรวมเข้ากับประเด็นการ CSR ที่ขายหัวเราะกล่าวว่า รายได้จากค่าสมัครทุก 1 กิโลเมตร ร่วมสมทบทุน 10 บาท มูลนิธิสร้างรอยยิ้มช่วยเหลือด้านศัลยกรรมแก้ไขภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ และความผิดปกติบนใหญ่เด็กๆ ทั่วประเทศ (เข้าทางตามชื่อขายหัวเราะ) รวมการอัดฉีดรางวัลการแข่งแฟนซีทำให้การวิ่งรายการนี้เป็นรายการที่หลายคนสนใจและอยากเข้าร่วม

ขายหัวเราะ On Air

อนิเมะไม่ใช่ข้อจำกัด ในที่สุดขายหัวเราะก็มาสลัดคราบการ์ตูนเปลี่ยนเป็นภาพคนแล้วขายแทนได้ นำนักแสดงมารับบทบาทตัวละครในการ์ตูนแก๊ก จัดอยู่ในฉากซิกเนเจอร์ที่เห็นบ่อยจากภายในเล่มไม่ว่าจะเป็นทะเลทราย ห้องรับแขก หรือเกาะที่มีต้นมะพร้าวต้นเดียวสุดคุ้นตาแล้วนำมาออนแอร์ 

Credit Photo: Positioningmag.com

ครั้งนี้นับเป็นการบุกโลกดิจิทัลเต็มตัวอีกทางที่กล้าลุย ขณะเดียวกันก็ถือว่าเป็นการโยนหินที่ค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากตามสถิติของคนที่อยู่ในทีวีดิจิทัลจากการสำรวจของบริษัทนีลเส็น ประเทศไทย จำกัด ระบุว่ากลุ่มหลักที่ยังคงดูทีวีอยู่ในช่วงอายุ 35 ปีขึ้นไปและมีพฤติกรรมการดูมากขึ้น* ในปีที่ผ่านมา (แนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ) จึงมั่นใจได้ว่าคนที่ดูทีวีตอนนี้เป็นคนที่รู้จักการ์ตูนตลกไทยสุดคลาสสิกอย่าง “ขายหัวเราะ” เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ไม่ถือเป็นการเริ่มต้นจากศูนย์เสียทีเดียว 

ส่วนกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ดูรายการดิจิทัลผ่านมือถือหรือคอมพิวเตอร์ เขาวางกลยุทธ์ดึงดูดด้วยดาราแม่เหล็กหรืออินฟลูเอนเซอร์คนดังโลกออนไลน์สายฮามารับบทบาทเป็นตัวละคร จึงน่าสนใจว่าการวางคนที่เหมาะและแพลตฟอร์มที่ใช่นี้จะทำให้ “ขายหัวเราะ” กลับมาตีตลาดคนทุกกลุ่มได้อีกครั้ง โดยออกอากาศครั้งแรกในวันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา

PODCAST ขายความตลกบ้างไม่ตลกบ้าง

ใครที่อ่านการ์ตูนตลกคงจะรู้ดีว่า “การ์ตูน” เป็นตัวแทนของเรื่องราวที่เกิดในยุคนั้น เนื้อหาแต่ละช่องมีความเฉียบคมและปรับแปลงตามสถานการณ์ปัจจุบันเสมอ ที่สำคัญยังสามารถถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านั้นนำมาล้อเลียนให้ออกมาตลกได้อย่างมีชั้นเชิง

เรื่องเล่าคุณภาพจากคนที่ไม่ค่อยออกสื่อ มิติของนักเขียนการ์ตูนตลกในมุมที่ทุกคนไม่เคยสัมผัส เพราะบุคลากรเหล่านี้มักจะเก็บตัวจึงเป็นเรื่องที่หลายคนอยากรู้ ทั้งเรื่องดราม่าและแง่คิดทั้งหมดนี้ทางค่ายบันลือฯ จึงนำมาผลิตสื่อแบบ Podcast ให้คนที่ไม่มีเวลาที่ใช้ชื่อรายการว่า Laugh is More สำหรับเปิดฟังได้ทุกเมื่อ ก็เรียกว่าเป็นการขยายที่น่าสนใจ เก็บกลุ่มคนที่ไม่ค่อยมีเวลาแต่อยากหาอะไรฟังให้ติดตามได้เป็นอย่างดี 

นอกจากงานเหล่านี้ (ไม่รวมพวกสติกเกอร์ไลน์ที่ก็ทำรายได้ได้ดี) สิ่งที่การันตีว่าการแตกเสียงหัวเราะออกมาสู่รูปแบบอื่นเพื่อเท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกที่กลุ่มบันลือกรุ๊ปทำได้ถูกทางแล้วมองได้จากตัวเลขที่ขยับขึ้นมาในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ภาพงบการเงินของบริษัท บันลือ พับลิเคชั่นส์ จำกัด ถือว่ามีแนวโน้มที่ดี ถึงปี 2560 กำไรจะแผ่วแต่ 2561 ก็ดีดขึ้นมาได้อย่างงดงาม เราคงต้องรอดูว่ายอดปิดงบในปีนี้ที่มาพร้อมการเพิ่มโปรดักชั่นใหม่อย่างรายการทีวีนั้นว่าจะทำให้รายได้เปลี่ยนแปลงแค่ไหน

การเป็นเจ้าของคอนเทนต์ที่ทรงพลังและวางแผนการขายอย่างรู้จุดแข็งของตัวเองคือเส้นทางความเสี่ยงต่ำถ้าเทียบกับคนที่คิดเกาะกระแสเพียงชั่วคราว เพราะการขายที่ยั่งยืนยังคงเป็นเรื่องของคุณภาพเสมอ แต่กับโลกที่พร้อมเปลี่ยนแปลงรายวินาที ภาษิตยุคใหม่วันนี้อาจเป็นการหัวเราะ “ก่อน” ที่ดังกว่า แบบเดียวกับที่ขายหัวเราะมองเห็นทิศทางและชิงหัวเราะไปในทุกตลาด

ช้าแต่ชัวร์เป็นหลักที่ยังใช้ได้เรื่องความรอบคอบ แต่ถ้าชัวร์แล้วกลัวมัวชะงักคงทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเหมือนที่ตั้งใจไว้  ทางมีก็ต้องเดิน ถ้ามัวฝืนกระแส สุดท้ายยุคสมัยอาจจะพัดเราออกจากวงโคจรได้ คิดเหมือนเราไหม? 

ชาว UNLOCKMEN คนไหน ไม่ใช่สายธุรกิจ คอนเทนต์นี้ก็คิดเสียว่าเป็นคอนเทนต์เปิดโลกให้คุณเข้าใกล้ความบันเทิงในรูปแบบใหม่ ๆ จากขายหัวเราะแล้วกันนะ

SOURCE: 1 / 2

anonymK
WRITER: anonymK
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line