CARS

“KEI MIURA” ROCKET BUNNY / PANDEM ชุดแต่ง RETRO จากจิตวิญญาณนักซิ่ง KANJO

By: Chaipohn January 12, 2021

ในวงการแต่งรถ ทั่วทั้งโลกต้องรู้จักและยอมรับฝีมือของ 3 จตุรเทพจากประเทศญี่ปุ่น

หนึ่งคือ Nakai-san แห่งสำนัก RWB ผู้เชี่ยวชาญด้าน air-cooled Porsche

สองคือ Kato-san แห่งสำนัก LB-Performance หรือ Liberty Walk เจ้าแห่งสไตล์ Wide body

และสามคือ Kei Miura-san ผู้ออกแบบ Rocket Bunny หรือ Pandem หนึ่งในสินค้าภายใต้บริษัท T.R.A. Kyoto เจ้าแห่งการผสมผสานความ Classic ให้เข้ากับทุกดีไซน์ทันสมัยจากฝั่งญี่ปุ่นและตะวันตก

ในสามจตุรเทพนี้ ดูเหมือน Kei Miura จะเป็นคนที่ติสท์ พูดน้อยที่สุด ออกสื่อน้อยที่สุด เรื่องราวส่วนตัวของเค้าเป็นสิ่งที่หาได้ยากแม้กระทั่งในโลกออนไลน์ปี 2021

ติสท์กระทั่งที่มาของโลโก้ Rocket Bunny ยังไม่ค่อยจะตรงกันซะทีเดียว บ้างก็ว่ามาจากแก้วกาแฟทรงกระต่างที่เขาใช้ดื่มบ่อย ๆ บ้างก็ว่ามาจากการทำมือสัญลักษณ์ Ok

Portrait of Kei Miura in 2008 by http://www.christopherjue.com/


 

เริ่มต้นจากการแต่งรถ Honda และนำรถไปซิ่งบน Kanjo Highway

Kei Miura ชายชาว Osaka เกิดในปี 1970 ยุคที่รถยนต์กำลังพีคมากในญี่ปุ่น เป็นคนที่มีความชิวตามสไตล์แบบชาวเกียวโต และมีความผูกพันกับกลิ่นอายรถซิ่งสไตล์ Kanjo อย่างเต็มเปี่ยม

อย่างที่เราทราบกันดีว่า Kanjo คืออาณาเขตของนักแข่ง Underground ที่ outlaw ท้าทายอำนาจตำรวจที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และมีวัฒนธรรม pure JDM ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก การส่งต่อความเป็น Kanjozoku จากรุ่นสู่รุ่น โดยไม่สนการแต่งรถหรือซิ่งรถสไตล์อื่น ทำให้ Kei Miura ได้ซึมซับรับอิทธิพลความเก๋า สะท้อนออกมาเป็นดีไซน์การออกแบบที่แตกต่างในแบบของตัวเอง

Rocket Bunny 1972 Nissan Skyline 2000GT KGC10 “Hakosuka”

เช่นเดียวกับอีก 2 นักออกแบบด้านบน ความบ้าคลั่งลุ่มหลงในรถยนต์ ทำให้เกิดจุดเริ่มต้นเส้นทางการดีไซน์ชุดแต่งของ Kei Miura

รถคันแรกของ Kei Miura คือ Nissan C110 “Kenmeri” (ケンメリ) Skyline ซึ่งทันทีที่ Kei ได้มันมาครอบครอง สิ่งแรกที่เขาทำคือขับตรงไปที่อู่แต่งรถของเพื่อน เจาะโป่งล้อ เปลี่ยนล้อแม็กซ์ ถอดนู่นแต่งนี่สารพัดตลอดทั้งคืน เพื่อวันรุ่นขึ้นจะได้เอามันไปลงสนามแข่งทันที ความบ้านี้ดูจะเป็นพฤติกรรมที่เหมือนกันของทั้ง 3 จตุรเทพจริง ๆ

จุดนึงที่หลายคนเข้าใจผิดคือ ทั้ง Rocket Bunny และ Pandem เป็นหนึ่งในแบรนด์ชุดแต่งภายใต้บริษัท T.R.A. Kyoto 

ชื่อของ T.R.A. Kyoto ย่อมาจาก “Top Racing Art Kyoto” บริษัทขนาดเล็ก ที่ให้บริการออกแบบและผลิตชุดแต่งไฟเบอร์กลาส รวมถึงล้อแม็กซ์ให้กับบริษัทอื่น โดยมีความแตกต่างคือการใช้ Laser Scan รถทั้งคัน จากนั้นจึงใช้โปรแกรม 3D CAD ออกแบบรายละเอียด และใช้เครื่องจักรขึ้นโครงบอดี้พารท์ออกมา ทำให้ Kei สามารถเห็นภาพรวม ปรับแต่งรายละเอียด และใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้มากกว่าการใช้ดินเหนียวหรือยูรีเทนในการออกแบบ

การออกแบบให้คนอื่น ทำให้ Kei Miura ไม่ได้สร้างผลงานที่ตัวเองต้องการได้มากนัก โดยเฉพาะการผสมผสานความคลาสสิคที่จะเปลี่ยนรถทุกคันให้มีกลิ่นอายสไตล์ Kanjo โดยระมัดระวังไม่ไปทำลายดีไซน์หลักของรถคันนั้น ๆ

สำหรับคนอื่น การดีไซน์บอดี้พารท์ให้รถหนึ่งคันอาจจะเริ่มจากชุดแต่งกันชนหรืออะไรก็ตาม แต่สำหรับ Kei Miura เขาเริ่มจากการเลือกแบบล้อแม็กซ์และยาง จากนั้นจึงเป็นโป่งล้อ และชิ้นส่วนอื่น ๆ ตามมา

วันนึง Kei จึงลองออกแบบพารท์รถยนต์ที่เกิดจากไอเดียของตัวเองจริง ๆ นั่นก็คือ “โป่งล้อ” Overfenders เพื่อเปลี่ยนตัวถังให้เป็น Widebody เช่นเดียวกับ C110 Skyline คันแรกของเขา การใช้ยางหน้ากว้างสุด ๆ บวกกับการจัดทรงโหลดเตี้ยลงเพื่อ fitment ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ช่วยสร้างมิติให้ตัวถังรถดูโคตรเก๋า มีกลิ่นอายของ Kanjo Style เพิ่มขึ้นแบบเต็ม ๆ

รถคันแรกที่ Kei Miura ออกแบบชุดแต่ง Rocket Bunny Ver. 1 ที่ติดตั้งแบบเต็มคันครั้งแรกคือ S13 ที่สะท้อนความเป็น Retro car อย่างชัดเจน และยังมีพารท์ของ 180SX โป่งล้อ กันชนหน้า สปอย์หลังทรงตูดเป็ด ถือเป็นชุดแจ้งเกิดขึ้นกับ Rocket Bunny เลยก็ว่าได้

ทุกขั้นตอนและทุกชิ้นส่วนในการออกแบบและผลิต เกิดจากสองมือของ Kei Miura เองแบบ 100% ไม่มีการใช้อุปกรณ์ที่เจ้าอื่นผลิตแม้แต่ชิ้นเดียว ในทางกลับกัน Kei Miura ยังเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนตั้งแต่ขั้นตอน Prototype หรือแม้แต่บอดี้พารท์ให้กับแบรนด์อื่น ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น 6666 Custom, GReddy, Mad Mike หรือแม้แต่ Liberty Walk เองก็ตาม ส่วนล้อทรง retro ที่กำลังฮิตในบ้านเราตอนนี้อย่าง rotiform นั่นก็ใช่

วันนี้ จากดีไซน์การผสมผสานโลกแห่งความคลาสสิคสไตล์ Kanjo เข้ากับโลกยุคปัจจุบัน ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ Rocket Bunny ที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่ในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ชื่อเสียงของ Rocket Bunny ไปไกลถึงระดับโลก

จุดเชื่อมที่น่าจะสรุปได้ว่าเป็นเหตุผลที่ทั้ง 3 จตุรเทพสามารถสร้างผลงานมาได้ถึงจุดนี้ ล้วนมาจากความรักอันบ้าคลั่ง ความการลงมือทำในสิ่งที่รักโดยปราศจากความลังเลหรือสงสัยในสิ่งที่ทำ

ถ้าความบ้าของคุณใหญ่พอ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line