Entertainment

เหตุการณ์ เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๔ ทรงวางอุบายตรัสเป็น “ภาษาอังกฤษ” ก่อนเสด็จสวรรคต

By: unlockmen September 1, 2015

150901-KingRama4-01

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ถือเป็นกษัตริย์พระองค์หนึ่งที่มีบทบาทด้านการนำวัฒนธรรม และเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีประโยชน์ของตะวันตก มาประยุกต์ใช้ในสยาม และราชสำนักของพระองค์ได้อย่างชาญฉลาด อีกทั้งพระองค์ยังทรงดำริริเริ่มในการว่าจ้างชาวต่างชาติเข้ามารับราชการในยุคสมัยของพระองค์เพื่อทำนุบำรุงให้สยามมีความก้าวหน้าและเป็นที่ยอมรับในสายตาของโลก ไม่ว่าจะเป็นการว่าจ้างครูชาวต่างชาติภาษาอังกฤษเพื่อตั้งโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษอย่างที่เราเคยเขียนไปแล้ว หรือว่าการว่าจ้างนายทหารชาวอังกฤษในการจัดระเบียบการฝึกทหารของสยามให้มีความทันสมัยและก้าวทันโลก

พ.ศ. 2411 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จกลับจากการดูสุริยุปราคาเต็มดวงที่ ตำบลหว้ากอ จ.ประจวบคิริขันธ์ เมื่อเสด็จกลับถึงกรุงเทพมหานคร ก็ทรงเริ่มล้มป่วยด้วยโรคไข้มาลาเรีย ซึ่งสมัยนั้นถือว่าเป็นโรคที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยอย่างแพร่หลาย ทำให้พระองค์ทรงทรุดลงเรื่อยๆ แม้แพทย์หลวงหรือแพทย์ชาวตะวันตกผู้ใกล้ชิด จะทำการรักษาพระองค์อย่างไรก็ไม่มีท่าทีว่าจะทรงดีขึ้น ส่วนตัวพระองค์เองนั้น ท่านก็ทรงรู้ตัวพระองค์เองอย่างดียิ่ง ทำให้ท่านจึงได้เรียกเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์เข้ามาเพื่อฝากฝังเรื่องราชการบ้านเมือง และรัชทายาท

150901-KingRama4-02

 

จากนั้นจึงมีพระราชประสงค์ให้เรียกขุนนางคนสนิทเข้าเฝ้าพร้อมกันทั้งสามพระองค์ อันได้แก่ เสด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ที่สมุหพระกลาโหม เจ้าพระยาภูธราภัย ที่สมุหนายก เข้าไปเฝ้าถึงข้างพระที่พระบรรทม เมื่อทรงเรียกทั้งสามเข้าเฝ้าเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงได้กล่าวว่าขอทรงสมาธานศีลเพื่อแสดงความสัตย์สุจริตเสียก่อนที่จะทรงตรัสสิ่งต่างๆ เมื่อพระองค์ได้ทรงสมาธานศีลเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงได้ทรงตรัสออกมาเป็น ภาษาอังกฤษ หลายประโยค แล้วจึงทรงตรัสว่า

“ที่พูดภาษาอังกฤษนี้ เพื่อที่จะให้ท่านทั้งหลายเห็นว่า สติสัมปชัญญะยังเป็นปกติ ถึงภาษาอื่นมิใช่ภาษาของตน ก็ยังทรงจำได้ด้วยสติยังดีอยู่ ท่านทั้งปวงจะสำคัญในข้อความที่จะสั่ง ว่ามิได้สั่งโดยฟั่นเฟือน”

150901-KingRama4-03

แล้วได้ทรงตรัสต่อว่า “ท่านทั้งสามพระองค์ได้ช่วยกันทำนุบำรุงแผ่นดินเป็นสุขตลอดมาจนถึงเวลาสิ้นพระชนมายุ ถ้าสิ้นพระองค์ล่วงไปแล้ว ขอให้ท่านทั้งปวงจงช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินต่อไปให้เรียบร้อย ให้สมณพราห์มประชาราษฎรได้พึ่งอยู่เย็นเป็นสุขทั่วกัน ขอให้ทูลพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหม่ให้เอาเป็นพระราชธุระรับฎีกาของราษฎรอันมีทุกข์ร้อน ให้ร้องได้สะดวกเหมือนพระองค์ได้ทรงเป็นพระธุระรับฎีกามาแต่ก่อน อนึ่ง ผู้ซึ่งจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินสืบพระบรมราชวงศ์ไป ภายหน้านั้นให้ปรึกษากันเลือกดูแต่ที่สมควร จะเป็นพระเจ้าน้องยาเธอก็ตาม พระเจ้าลูกยาเธอหรือพระเจ้าหลานเธอก็ตาม เมื่อปรึกษาเห็นพร้อมกันว่าพระองค์ใดมีปรีชาสามารถควรจะรักษาแผ่นดินได้ก็จงยกย่องพระองค์นั้นขึ้น จะได้ทำนุบำรุงแผ่นดินให้พระราชวงศานุวงศ์ข้าราชการและอาณาประชาราษฎรอยู่เย็นเป็นสุขต่อไป อย่าได้หันเหียนเอาความว่าจะชอบพระราชหฤทัยเป็นประมาณเลย เอาแต่ความดีความเจริญของบ้านเมืองเป็นประมาณเถิด”

จนกระทั่งมาถึงวันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2411 ดำรัสสั่งให้ พระยาบุรุษฯ ออกไปเชิญ ขุนนางคนสนิททั้งสามพระองค์ที่เคยเรียกให้เข้าเฝ้าครั้งนั้นได้มาเข้าเฝ้าอีกครั้งหนึ่ง และมีพระราชดำรัสว่า เห็นทีพระองค์จะทรงสวรรคตในวันนั้นเสียแล้ว และตรัสว่า

“ท่านทั้ง ๓ กับพระองค์ได้ทำนุบำรุงประคับประคองกันมา บัดนี้กาลจะถึงพระองค์แล้ว ขอลาท่านทั้งหลายในวันนี้ ขอฝากพระราชโอรสธิดาอย่าให้มีภัยอันตรายหรือเป็นที่กีดขวางในการแผ่นดิน ถ้าจะมีความผิดสิ่งไรเป็นข้อใหญ่ ขอแต่ชีวิตไว้ ให้เป็นแต่โทษเนรเทศ ขอให้ท่านทั้ง ๓ จงเป็นที่พึ่งแก่พระราชโอรสธิดาต่อไปด้วยเถิด”

เมื่อท่านทั้ง 3 ได้ฟังก็ต่างพากันร้องไห้สะอื้นอาลัย จึงดำรัสห้ามว่า “อย่าร้องไห้ ความตายไม่เป็นอัศจรรย์อันใด ย่อมมีย่อมเป็นเหมือนกันทุกรูปทุกนาม ผิดกันแต่ที่ตายก่อนและตายทีหลัง แต่ก็อยู่ในต้องตายเหมือนกันทั้งสิ้น บัดนี้เมื่อกาลมาถึงพระองค์เข้าแล้ว จึงได้ลาท่านทั้งหลาย”

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคตเวลา 15 นาฬิกา ของวันดังกล่าว เรียกได้ว่าพระองค์ถือเป็นพระมหากษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งที่วางรากฐานไว้ให้พวกเราชาวไทย ซึ่งถึงแม้ตัวของพระองค์จะจากไป แต่ทรงได้ทิ้งพระราชกรณียกิจนานัปการที่ให้คุณต่อคนรุ่นหลังไว้ไม่สิ้นสุดเลยทีเดียว

150901-KingRama4-04

 

Source : จดหมายเหตุเมื่อประชวร

หนังสือ “ความทรงจำ” พระนิพนธ์โดย สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ

 

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line