LAND ROVER DEFENDER 70TH ANNIVERSARY LIMITED TO 150 UNITS

ขึ้นชื่อว่าเป็นรถ 4-wheel drive off-road ที่มีความคลาสสิค หลายคนหลงรักในความดิบ ไม่สนใจยุคสมัยของมัน ซึ่งจุดนี้ทำให้ Land Rover Defender มีอายุขัยทำตลาดที่ยาวนานถึง 68 ปี เป็นโมเดลที่พัฒนามาจากต้นแบบของ Land Rover Series ตั้งแต่ปี 1948 ซึ่งในช่วงแรกจะถูกเรียกว่า Land Rover Ninety (1983) บ้างก็เรียกว่า Land Rover One Ten (1984)  ตัวเลขเหล่านั้นมาจากระยะฐานล้อที่ต่างกัน (90 นิ้ว และ 110 นิ้ว) กว่าจะมาได้ชื่อ Defender แบบเต็ม ๆ ก็ปาเข้าไปช่วงปี 1990 แต่ก็ถือว่าเป็นรถตระกูลเดียวกันนั่นเอง

Land Rover Defender H166 HUE

Land Rover Defender คันสุดท้ายในสายการผลิต “H166 HUE edition” หยุดลงในวันที่ 29 มกราคม 2016 รวมจำนวน Defender ที่ผลิตไปทั้งหมดได้ราว ๆ  2,016,933 คันทั่วโลก ซึ่งสาเหตุที่ต้องยกเลิกการผลิตไปนั้น เป็นเพราะยอดขายที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นที่ทันสมัย หรูหรากว่า ถ้าถามคนที่ใช้งานรถ Defender อยู่ ทุกคนจะบอกเป็นเสียงเดียวกันเรื่องความล้าสมัยของเทคโนโลยี สมรรถนะไม่ค่อยแรงมากนัก ใช้งานยากโดยเฉพาะคนที่ขับรถในเมืองเป็นส่วนใหญ่ และมีปัญหาบ่อย แถมยังไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ยอดขายจึงน้อยเฉพาะกลุ่มคนสะสม คนที่ชื่นชอบความถึกของ Defender จริง ๆ หรือการซื้อไปใช้เป็น Utility Vehicle สำหรับหน้าที่ต่าง ๆ

แต่อย่างไรก็ตาม Land Rover Defender ก็ยังเป็นรถที่เท่มากอยู่ดี ทุกครั้งที่ได้เห็นเป็นต้องหันมองคอแทบเคล็ดเสมอ ข่าวดีสำหรับคนที่วันนี้มีเงินพร้อมซื้อมาสะสม เพราะ Land Rover ได้เปิดตัว Defender รุ่นพิเศษ ’70TH ANNIVERSARY EDITION’ ฉลองครบรอบอายุ 70 ปี ด้วยการอัพเกรดเทคโนโลยีหลายจุด แถมยังอัพเกรดสมรรถนะเครื่องยนต์ 5.0-liter V8 400 แรงม้า นับว่าเป็น Defender ที่แรงที่สุดในตระกูล ทำให้เงินในมือเราต้องสั่นสะท้านกันอีกครั้ง เพราะผลิตจำนวนจำกัดเพียง 150 คันเท่านั้น

LAND ROVER DEFENDER 70TH ANNIVERSARY 400 แรงม้าคันนี้ สามารถหอบร่างขนาดมหึมาวิ่งทำเวลา 0 – 100km/h ได้ภายใน 5.6 วินาทีเท่านั้น เร็วกว่ารถเก๋งขนาดใหญ่เครื่องยนต์ 2.4-liter ที่เราใช้อยู่ซะอีก ลุยป่าฝ่าดงได้ทันใจด้วยแรงบิดระดับ 380 pound-feet of torque ส่งกำลังอย่างนุ่มนวลกว่าเก่าด้วยเกียร์ 8-speed ZF automatic อัพเกรดช่วงล่าง และ anti-roll bar เพื่อการควบคุมที่สั่งได้มากขึ้น แม้ตัวเลขความแรงจะดูไม่ธรรมดา แต่ความเร็วสูงสุดของ 70th Edition คันนี้ถูกจำกัดไว้ที่ 170km/h เท่านั้น เนื่องจากรูปทรงกล่องที่มีผลกับ aerodynamic แบบเต็ม ๆ แรงกว่านี้อาจจะเสี่ยงอันตรายได้

แน่นอนว่า Defender 70th Edition ยังคงมากับ 2 ตัวถังให้เลือก Defender 90 2 ประตู และ Defender 110 4 ประตู มีสีให้เลือกมากถึง 8 เฉดสี แต่การกลับมาแบบ Limited Edition 150 คัน พร้อมความแรงระดับนี้ ราคาย่อมแพงเป็นธรรมดา คิดเป็นเงินไทยตอนนี้ก็อยู่ที่ราว ๆ เกือบ 7 ล้านบาทไทย ($207,000) บวกภาษีเครื่องยนต์ขนาดนี้กับปริมาณไอเสียเข้าไปอีก 350%  ก็ไปจบที่ 24 ล้านบาทไทย ราคานี้สามารถเลือก Supercars ได้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-AMG GT S, Aston Martin V12 Vantage S, McLaren 570S, BMW M760i Xdrive, Porsche 911 R, Porsche 911 Turbo S, Porsche 911 GT3RS และอีกมากมายสารพัด

อย่างที่บอกครับว่าคนที่จะควักเงินซื้อ Land Rover Defender ต้องใจรัก เงินถึง และเป็นนักสะสมตัวจริง ส่วนคนทำงานอย่างเรา เจอป้ายราคานี้เข้าไป แม้จะหลงรัก Defender ขนาดไหน ก็คงต้องกล่าคำว่า….. เอวัง สวัสดี