Entertainment

ชีวิตที่พัวพันในคุกและเส้นทางยาเสพติดของ ROBERT DOWNEY JR วันนี้ชีวิตดีด้วยความรักและการแต่งงาน

By: unlockmen December 1, 2018

ยุคนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Robert Downey, Jr. นักแสดงชื่อดังที่แสดงเป็นตัวเอกในภาพยนตร์จอยักษ์มากมายหลายเรื่อง แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าก่อนจะประสบความสำเร็จได้ไกลขนาดนี้ ชีวิตเขาต้องเจอกับความล้มเหลวสุดดาร์กมาแล้วนับไม่ถ้วน ทั้งเรื่องยาเสพติดและสารพัดคดีที่โชกโชน

Robert Downey, Jr. เกิดและเติบโตที่ย่านหรูหราอย่างแมนฮัตตัน และที่นั่นเองคือโลกทั้งใบให้ชีวิตในวัยเด็กของเขา เรียกได้ว่าเกิดมาโชคดี อยู่ในครอบครัวของดารานักแสดงอย่างแท้จริง โดยมีพ่อที่เป็นนักแสดงและนักกำกับภาพยนตร์ชื่อดัง Robert Downey Senior  และแม่ของเขา Elsie Ann ก็เป็นดารานักแสดงด้วยเช่นกัน

ดาวนีย์มีเลือดหลากหลายวนเวียนอยู่ถึง 5 เชื้อชาติในตัวของเค้า ได้แก่ ยิว, ไอริช จากฝั่งพ่อ และ สก็อตทิช, เยอรมัน, สวิส จากฝั่งแม่ นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาเป็นนักแสดงที่มีหน้าตาที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบอีกหนึ่งคนในวงการนั่นเอง แต่ในขณะเดียวกันครอบครัวที่เพียบพร้อมของเค้าก็เป็นปัจจัยสร้างความเสี่ยงจนเข้าไปยุ่งกับยาเสพติดอย่างช่วยไม่ได้

 

THE DARK SIDE OF DOWNEY JR.

ชีวิตที่พัวพันยาเสพติดของดาวนีย์เริ่มต้นตอนอายุเพียงแค่ 6 ขวบเท่านั้น โดยเขาได้เริ่มเสพกัญชากับพ่อของตัวเอง ซึ่งพ่อของเขาเป็นหนึ่งในดารานักแสดงที่มีข่าวฉาวเรื่องยาเสพติดอยู่แล้วในยุคนั้น  ด้วยความที่เป็นลูกชายดาวนีย์มักมองพ่อของตัวเองเป็นไอดอลสำหรับเขาเสมอ จึงไม่แปลกที่ดาวนีย์ในวัยเด็กจะคิดว่าการเสพยาซึ่งเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่เท่ เป็นอีกหนทางที่จะทำให้เขาได้ใกล้ชิดพ่อของเขามากขึ้น ไม่นานนักการร่วมเสพกัญชากับพ่อของตัวเองก็กลายเป็นพฤติกรรมที่ดาวนีย์ได้เรียกว่า “ความผูกพันธ์ทางอารมณ์”  โดยเขาได้เคยให้สัมภาษณ์ว่า “เมื่อผมกับพ่อเสพยาด้วยกัน มันเป็นเหมือนช่องทางเดียวที่พ่อจะพยายามถ่ายทอดความรักของเขาออกมาให้ผมรับรู้”

ซึ่งภายหลังดาวนีย์ผู้พ่อยอมรับว่าการชักชวนลูกชายตัวเองเสพยาเป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกผิดไปตลอดชีวิต แต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะเหตุการณ์นี้ กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ดาวนีย์เริ่มเข้าสู่แวดวงของยาเสพติดในอนาคตต่อมา

Robert Downey Jr. – Less Than Zero

ในด้านเส้นทางนักแสดง ดาวนีย์เริ่มเป็นที่รู้จักจากภาพยนตร์ที่พ่อของเขาเป็นคนกำกับ โดยเขาได้แสดงภาพยนตร์เรื่องแรกเมื่ออายุ 5 ขวบ ในเรื่อง Absurdist comedy Pound (1970) และเริ่มแสดงภาพยนตร์อื่น ๆ เรื่อยมา จนกระทั่งเข้าสู่วัยรุ่น Downey Jr ได้ก้าวไปเป็นนักแสดงหลักในโรงละครบรอดเวย์ จนกระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง Less Than Zero (1987) โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้ เขาได้รับบทบาทเป็นเด็กหนุ่มเพลย์บอยผู้ใช้ชีวิตหาความสำราญไปกับผู้หญิงและยาเสพติด ซึ่งสุดท้ายชีวิตจริงของเขากับการแสดงก็แยกจากกันไม่ออกในที่สุด

Downey Jr. เริ่มติดยาเสพติดหนักขึ้นเรื่อย ๆ จากกัญชา ไปถึงโคเคน และเฮโรอีนในที่สุด ถ้าถามว่าติดหนักแค่ไหน เขาเคยบอกว่าในบางคืนที่ดื่มเหล้าจนเมามากเมื่อไหร่ เป็นต้องโทรศัพท์หาคนโน้นคนนี้เป็นพัน ๆ สาย เพื่อจะตามหายามาเสพให้ได้

จนกระทั่งในปี 1996 เรื่องที่สร้างความตกใจให้แก่แฟนคลับและคนใกล้ชิดของเขาก็ได้เกิดขึ้น ดาวนีย์ถูกจับในข้อหาพกพาอาวุธปืน .357 Magnum อีกทั้งมีเฮโรอีนและโคเคนในครอบครอง บนถนน Sunset Boulevard, LA โดยเขาได้ถูกพิพากษาโทษให้รอลงอาญาสำหรับข้อหานี้ แต่เพียงหนึ่งเดือนให้หลัง ดาวนีย์ก็เสพยาจนขาดสติและบุกรุกเข้าไปในบ้านของเพื่อนบ้าน ด้วยฤทธิ์ยาเสพติดทำให้เขาหลับอยู่ในห้องนอนจนกระทั่งเจ้าของบ้านกลับมาพบเข้าจึงแจ้งตำรวจ โดนรวบไปอีกครั้งภายในเวลาไม่นาน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคช่วย หรือเพราะความเก่งกาจของทนายที่จ้างมา ศาลได้ยอมพิพากษารอลงอาญาเขาอีกครั้ง โดยเขาถูกทัณฑ์บน 3 ปี และต้องเข้ามารับการตรวจสารเสพติดในร่างกายตามนัดเป็นประจำเพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปเสพยาอีก

แต่แล้วในปี 1997 ดาวนีย์ก็ได้ละเมิดการตรวจสารเสพติดในร่างกายของศาล ไม่ยอมมาพบเจ้าหน้าที่ตามนัด เป็นเหตุให้ศาลตัดสินจำคุก 6 เดือนทันทีโดยไม่มีข้อแม้อีกต่อไป

หลังออกมาจากคุก ดาวนีย์ก็ยังมีพฤติกรรมเหลวแหลกและข้องเกี่ยวกับยาเสพติดอีกมากมายในช่วงปี 1998-2001 โดยในปี 1999 เขาก็ถูกจับอีกครั้งในข้อหาละเมิดนัดตรวจสารเสพติดจากเจ้าหน้าที่ตามรูปแบบเดิมเป๊ะ คราวนี้ศาลสั่งจำคุกเขา 3 ปี ถึงแม้ครั้งนี้เขาจะจ้างทนายชื่อดังมาว่าความให้อย่าง John Stewart Holden ซึ่งเป็นทนายที่มีชื่อเสียงมากในยุคนั้นจากการช่วยคนมีชื่อเสียงให้ชนะคดีดัง ๆ มากมาย แต่ครั้งนี้ไม่เป็นผล ศาลยังคงยืนยันให้ดาวนีย์ต้องจำคุก กลับเข้าไปใช้ชีวิตหลังลูกกรงในคุกที่แคลิฟอร์เนียอีกครั้ง ซึ่งในระหว่างที่จำคุก เป็นช่วงที่ดาวนีย์กำลังจะมีผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ออกฉายพอดี ทำให้ศาลยินยอมให้เขาถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้จนจบในช่วงระยะเวลาดำเนินคดี

หลังจากใช้ชีวิตที่คุกในเมืองแคลิฟอร์เนียร์เกือบ 1 ปี ทนายความของเขาก็สามารถพาดาวนีย์ออกมาจากคุกได้ โดยเขาได้รับการประกันตัวออกมาในราคา 5,000 ดอลลาห์สหรัฐ หรือราวๆ 200,000 บาท เมื่อเขาได้รับอิสระ เขาก็ยังมีโอกาสจากวงการให้รับบทบาทมากมายอีกครั้งในภาพยนตร์ และในช่วงนี้เองที่เขาได้รู้จักกับ Mel Gibson ชายผู้ที่ดึงให้เขาออกมาพ้นจากวังวนคุกตารางและยาเสพติดนี้ได้ในเวลาต่อมา

การติดคุกสองครั้งไม่ได้ช่วยอะไรให้ดาวนีย์ในวัยหนุ่มหยุดคะนองเลย เขายังคงใช้ชีวิตเสเพลและเสพยาเสพติดต่างๆ มากมายอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งมาถึงวันหนึ่งที่เป็นจุดพลิกผันของชีวิตของเขา โดยเขาได้เล่าไว้ในการให้สัมภาษณ์ของ Britain’s Empire magazine ว่า ในปี 2003 เขาได้นั่งคิดถึงชีวิตพัง ๆ ของตัวเองอย่างจริงจัง และคิดว่าถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปคงไม่มีอะไรดีแน่ ทำให้เขาตัดสินใจออกจากร้านและขับรถที่เต็มไปด้วยยาเสพติด เพื่อโยนทุกอย่างทิ้งลงในทะเลทั้งหมดทันที เป็นวันที่เขาได้หันหลังให้ยาเสพติดอย่างถาวร โดยเขาได้กล่าวปิดท้ายว่า “ผมคงต้องขอขอบคุณเบอร์เกอร์คิงที่ทำให้ชีวิตมาถึงจุดนี้ได้”

โดยหลังจากที่เขาได้เลิกยาเสพติดแล้ว นักแสดงซุปเปอร์สตาร์ Mel Gibson ก็ได้ทำการติดต่อจัดหาภาพยนตร์ให้เขาเล่นจะได้ไม่ว่างงานแล้วฟุ้งซ่าน สุดท้ายเขาก็ได้ไปปรากฏตัวอยู่ในภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของโลกอย่าง Iron Man นั่นเอง

ปัจจุบันในวัย 50 ปี โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ได้เลิกทั้งยาเสพติดและพฤติกรรมเหลวแหลกทั้งหลายแล้วเรียบร้อย ทุกวันนี้เขาได้แต่งงานใหม่และใช้ชีวิตคู่กับ Susan Levin โปรดิวเซอร์ชื่อดังในมหานครนิวยอร์ก และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์และพูดถึงเรื่องราวในอดีตช่วงที่ตัวเองเกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างสิ้นเชิง

ข้อมูลบางส่วนจาก : www.nydailynews.com

Wiki

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line