

FASHION
Fashion Trend มาจากไหน มาจากใคร เรามีคำตอบ
By: unlockmen August 1, 2016 39200
หลายคนอาจจะสงสัยว่า Fashion Trend ตามแต่ละยุคสมัยนั้นมาจากไหนและเกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนกำหนด ทำไมอยู่ดีๆ เสื้อตัวนี้ถึงได้ฮิต มองไปที่รันเวย์ก็ไม่น่าจะมาจากที่นี่ เพราะเสื้อผ้าแต่ละชิ้นดูเกินกว่าจะใส่ในความเป็นจริง จริงๆ แล้วคำว่า Trend น่าจะมาจาก Influencer หรือ Street Fasion ใช่หรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบมาให้ว่าต้นตอของ trend มาจากไหนกันแน่
แม้จะมีคนบอกว่า Trend จะเปลี่ยนทุก 6 เดือน แต่จริงๆ แล้ว Hendrik Vejilgaard ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Anatomy of a Trend ได้วิเคราะห์ว่า จริงๆ แล้วเทรนด์จะมีอายุอยู่ประมาณ 2 ถึง 5 ปี เหมือนกับห่วงโซ่อาหารทางแฟชั่น ที่เริ่มต้นมาจากเหล่า Endorser คนดัง ที่มักจะได้รับเสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆ มาสวมใส่นำเสนอเทรนด์ก่อนใครจะหาซื้อได้ ซึ่งแบรนด์เหล่านี้จะเป็นแบรนด์ระดับ High-End ที่ห่างไกลจากสามัญชนทั่วไป ดังนั้นมันต้องใช้เวลาส่งต่อห่วงโซ่เทรนด์แฟชั่นนั้นๆ กว่าจะไปถึง Street Influencer เบอร์รองลงมา จนไปถึงคนธรรมดาอย่างพวกเราในที่สุด
UNLOCKMEN จะมายกตัวอย่างชัดๆ จากเทรนด์เสื้อวงวินเทจ (Merch) Oversized ซึ่งคนเริ่มเทรนด์นี้ก็คือ Jerry Lorenzo ดีไซเนอร์ผู้มีเพื่อนเป็น Celebrities ชื่อดังมากมาย Jerry เป็นคนแรกที่เริ่มนำเสื้อวงวินเทจแบบ Oversized มาใส่ ก่อนจะเริ่มทำแบรนด์ของตัวเอง และส่ง keypieces หลักๆ ไปให้กับ Endorsers บางคน อย่าง Kanye West, Travis Scott, Justin Bieber เพื่อใส่ไปตามที่ต่างๆ รวมถึงใส่ขึ้นไปเล่นบนเวทีคอนเสิร์ตของแต่ละคน จากนั้นภาพแฟชั่นนั้นๆ จะถูกถ่ายทอดสู่สาธารณะชน ซึ่งหลายครั้งแฟชั่นเหล่านั้นอาจจะจะดูเป็นเรื่องตลกในช่วงแรก Step นี้เรียกว่าขั้น Ironic (Innovator)
Step ที่ 2 แฟชั่นนั้นจะเริ่มเป็นที่ต้องการในตลาด เหล่า Fashionista ที่ชอบไล่ตามเทรนด์ จะตามหาเสื้อแบบเดียวกับที่เหล่า Endorser สวมใส่ อย่างในกรณีของแบรนด์ Fear of God ของ Jerry Lorenzo ที่หายากแสนยาก และด้วยสนนราคาเสื้อยืดที่ดูเก่าๆ ในราคาแพงถึงเกือบ 6 พันบาท ขั้นตอนนี้คนธรรมดายังจะหามาใส่ได้ไม่ง่ายนัก จะมีก็แต่กลุ่มคนคลั่งไคล้แฟชั่นมากและเงินถึง ที่ต้องการใส่มันในช่วงที่ยังใหม่และคนส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใส่ ช่วงนี้เรียกว่า Nostalgic (Early Adopter)
ต่อมา Trends เริ่มกระจายไปถึงคนหมู่มากขึ้น แฟชั่นนั้นๆ เริ่มถูกโปรโมตโดยบรรดา Fashion Blogger ที่จะแนะนำ Trend มาแรง คนส่วนใหญ่ในสังคมจะเริ่มเปลี่ยนทัศนะคติแล้ว เพียงแต่สินค้าเหล่านี้ยังเป็นอะไรที่หายาก แถมราคายังสูงอยู่ จึงยังไม่เข้าถึงกลุ่ม Mass แต่เทรนด์ก็เริ่มได้รับการยอมรับมากขึ้นแล้ว ระยะเวลานี้เรียกว่า Conservative (Early Adopter)
เมื่อความต้องการเริ่มมี ของเหมือนก็เริ่มมา กลุ่ม mass อย่างพวกเราจึงสามารถไปพึ่งบริการของเหมือนดูคล้าย เพื่อมา Adapt ให้เข้ากับแฟชั่นนั้นๆ รวมถึงแบรนด์ทางเลือกอย่างเช่น Zara, H&M ที่ทำเสื้อผ้ามาตอบโจทย์ Trend ใหม่ๆ ในราคาย่อมเยาว์กว่า พร้อมคุณภาพที่โอเค แม้หลายครั้งจะด่าว่าขี้ copy แต่สุดท้ายก็กลายเป็นของที่คนทั่วไปยินดีจะหาซื้อมาใส่กันอย่างกว้างขวาง ช่วงนี้เรียกว่า Outsider (Early Majority)
เข้าสู่ช่วงต่อมาเรียกว่า Precipine (Late Majority) หรือสัญลักษณ์แห่งความเท่ มันจะกลายเป็น Talk of the town ทุกคนพากันพูดถึงเทรนด์นี้ กลายเป็นกระแส Mainstream หรือไอเทมที่ทุกคนต้องมี แม้จะไม่ได้อินความหมายของแฟชั่นนั้นแต่อย่างใด อย่างเช่นเสื้อวง Iron Maiden หรือ Metallica ในปัจจุบัน ที่ทุกคนล้วนมีติดบ้านไว้หนึ่งชิ้น และเริ่มหาได้ง่ายมากขึ้น ไม่จำต้องขึ้นห้างเพื่อไปซื้ออีกต่อไป
จนมาถึง Step สุดท้าย Decline (Laggards) เมื่อสินค้ามันพีคมากๆ เหมือนฟองสบู่แตก ตัวสินค้าไม่ได้เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความมีรสนิยมอีกต่อไป โดยเฉพาะกับ Insight มนุษย์ที่ชอบอะไรแตกต่าง ไม่เหมือนใคร เมื่อทุกคนมีใส่ มองไปทางไหนก็ใส่เหมือนกันหมด หรือมองว่าคน Mainstream เชยๆ ล้วนหยิบมาใส่กันหมดแล้ว เหล่ากลุ่ม Endorser มักจะไม่อยากถูกมองว่าเป็นคน mass ไม่มีสไตล์ ก็จะเริ่มมองหาอะไรใหม่ๆ มาใส่กันเพื่อความแตกต่าง เพื่อให้ไม่ซ้ำกับใคร และมันก็จะวนกลับไปที่ step Ironic ใหม่อีกครั้งนึงนั่นเอง
สุดท้ายแล้ว Life Cycle ของวงการแฟชั่นทั้งชายหญิง ก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากมาย แต่แฟชั่นหญิงจะ Out เร็วกว่าแฟชั่นชาย ยกเว้นแต่ว่าคุณเป็น Stylish guy ที่มีแนวทางเป็นของตัวเอง ซึ่งจะมีข้อดีคือไม่ต้องวิ่งตามเทรนด์แฟชั่นแบบที่ Fashionista ทำกัน ลองดูว่าตัวคุณเองเป็นแนวไหน หรือถ้ายังไม่รู้ความแตกต่าง สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ https://www.unlockmen.com/stylish-guy-vs-fashionista/