FASHION

ความเป็นมาของเสื้อไฟลต์แจ็คเก็ต MA-1 จากตำนานสงครามบนฟากฟ้า สู่แฟชั่นไม่มีวันตาย

By: Thada June 16, 2020

แฟชั่นสำหรับผู้ชายในปัจจุบันเปิดกว้างอย่างมาก มีตัวเลือกในท้องตลาดให้เราได้เลือกใช้งานมากมายเต็มไปหมดไม่ต่างกับแฟชั่นของผู้หญิง แต่บางครั้งแฟชั่นที่สวย อาจไม่ใช่แฟชั่นที่ดี หรือตอบสนองพื้นฐานความต้องการจริงของมนุษย์ได้ เสน่ห์ และความอัศจรรย์ของแฟชั่นเสื้อผ้าอีกอย่าง คือเสื้อผ้าบางตัวถูกออกแบบมา 50-60 ปีที่แล้ว แต่ในปัจจุบัน ก็ยังคงความเท่ ขลัง ร่วมสมัยอยู่ตลอดเวลา เราจะเรียกว่ามัน miracle of fabric เลยก็ว่าได้

ถ้าพูดถึงแฟชั่นที่ทั้งเท่ และมีประโยชน์ใช้สอยยิ่งใหญ่มาหลายสิบปี หนึ่งในนั้นต้องเป็นเสื้อ MA-1 bomber jacket หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ  Bomber Jacket  ที่มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ช่วงปี 1950s โดยความตั้งใจแรกคือการสร้างมาให้กับนักบินในช่วงสงครามโลก เพื่อความปลอดภัย ความสบายในการเคลื่อนไหว และให้ความอบอุ่นเมื่อขึ้นบินผ่านอากาศผิดปกติ ซึ่งมันถูกพัฒนาสอดคล้องไปกับเทคโนโลยีของเครื่องบินรบในยุคนั้น ๆ

161114-ma1-3

ในยุคแรกก่อนจะมีเครื่องบินเจ็ท เครื่องบินรบยังเป็นแบบใบพัด ไม่มีแม้แต่กระจกปิด cockpit  เวลาขึ้นบิน เสื้อผ้าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่คนขับจะใช้เพื่อสร้างความอบอุ่นและกันลมปะทะระหว่างปฎิบัติหน้าที่  แต่เมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีมาสู่เครื่องบินเจ็ทความเร็วสูง ซึ่งมีทั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ละเอียดอ่อนมากมาย รวมถึงต้องเจอกับสภาพอากาศที่หลากหลายมากขึ้นถึงขั้น -50 องศา เสื้อแจ็คเก็ตหนังแกะแบบยุคแรกจึงไม่ตอบโจทย์การใช้งานอีกต่อไป

ลองคิดดูว่าระหว่างที่นักบินต้องเดินขึ้นเครื่อง อาจจะมีหยดน้ำเกาะตามเสื้อได้ เมื่อต้องผ่านอากาศที่หนาวเย็น น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้แจ็คเก็ตหนัก เย็น และอึดอัดกว่าเดิมเมื่อต้องนั่งในห้อง cockpit เล็ก ๆ พร้อมคาดเข็มขัดนิรภัยหลายเส้นเป็นระยะเวลานาน จึงเริ่มมีเสียงเรียกร้องให้มีการออกแบบเสื้อแจ็คเก็ตนักบินที่มีน้ำหนักเบา คล่องตัว กันน้ำ และยังคงต้องให้ความอบอุ่นได้ดีเช่นเดิม

161114-ma1-13

A-2 bomber jacket

แต่ก็มีการลองผิดลองถูกอยู่นานก่อนจะมาเป็นเสื้อแจ็คเก็ต MA-1 แบบทุกวันนี้ มีเสื้อแจ็คเก็ตตระกูล bomber ที่เป็นบรรพบุรุษของ MA-1 คือ B-15  ต่างกันเล็กเพียงบริเวณปกเสื้อที่จะเป็นในขนเฟอร์ ด้านในของตัวแจ็คเก็ตถูกเปลี่ยนไปใช้วัสดุที่เรียกว่า  Flight silk nylon  ในการทอเป็นครั้งแรก  และมันก็มีคุณสมบัติตามที่นักบินต้องการครบทุกข้อ พร้อมความเท่ เบา สบาย

161114-ma1-8

B-15 bomber jacket

เสื้อ MA-1 ตัวแรกเกิดขึ้นในปี 1949 ถูกคิดค้นโดยกองทัพอากาศของสหรัฐอเมริกา ก่อนจะขายสัญญาผลิตให้กับบริษัท Dobbs Industries ในการผลิตเสื้อประเภทนี้ส่งให้กองทัพสหรัฐ ก่อนภายหลัง หนึ่งในหุ้นส่วนของ Dobbs Industries มีปัญหาขัดใจกับรัฐบาลสหรัฐ ทำให้เสียสิทธิ์การผลิตไปให้บริษัท Alpha Industries และปัจจุบันบริษัทนี้ก็ยังคงผลิตเสื้อให้กับกองทัพสหรัฐ ที่มาของชื่อ MA-1 คือเลขรหัสของเสื้อทหารหลัก แต่รหัสต่อท้ายจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาอย่าง โมเดลแรกคือ MA-1 Mil-J-8727 ก่อนจะเป็นโมเดลสุดท้าย แบบที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้คือ Mil-J-8279D

161114-ma1-7

พวกเขาเลิกใช้ขนเฟอร์ในการทำคอเสื้อ และเปลี่ยนมาใช้ยางยืดทำคอเสื้อแทน เพราะจะได้ไม่มีปัญหาในการดึงร่มชูชีพออกมาใช้งาน รวมถึงใช้ซิปแทนกระดุมติด เพื่อจะได้สอดท่อออกซิเจนผ่านทางซิปได้ง่ายกว่าเดิม และมีการเพิ่มซับในโพลิเอสเตอร์สีส้ม เพราะเวลาที่เครื่องบินตก นักบินจะสามารถใช้เสื้อ MA-1 เป็นตัวส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ สีดั้งเดิมของเสื้อ MA-1 คือสีน้ำเงิน  Midnight blue ก่อนมีการเปลี่ยนเป็นสีเขียว Sage ในภายหลังสงครามเกาหลี อีกทั้งเพิ่มลายพราง  (camoflage)  ช่วงสงครามเวียดนาม เพื่อให้ทหารสามารถใช้พรางตัวได้ดีขึ้น ที่มาของอีกชื่อของเสื้อ MA-1 คือ bomber jacket ก็เพราะนักบินที่ขับเครื่องบินไปทิ้งระเบิดตามที่ต่างๆ ใส่ชุดนี้ในขณะปฎิบัติการ

161114-ma1-10

เสื้อ MA-1 ได้กลายเป็นสัญลักษณ์อย่างเป็นทางการของทหารอเมริกัน แต่หลังจากสงครามเกาหลี และ เวียดนาม อเมริกาได้มอบเครื่องแบบนี้ให้กับกองทัพของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรต่างๆ ทำให้เสื้อแจ็คเก็ต MA-1 เริ่มกระจายไปถึงพลเรือนธรรมดามากขึ้น เพราะด้วยคุณภาพตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น ทำให้ MA-1 สามารถจะใช้เป็นเสื้อคลุมอากาศหนาวได้ตั้งแต่ช่วงฤดูหนาวระดับอุณหภูมิต่ำสุดที่ -9 องศา และกันลมได้สบายๆ สำหรับอากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่อดีตจนกลางยุค 70s บริษัท Alpha Industries เป็นเจ้าเดียวที่ได้สิทธิ์ในการผลิต และจัดจำหน่ายเสื้อ MA-1 รูปแบบของเสื้อแจ็คเก็ต วัสดุที่ใช้ในการผลิตจะเป็นมาตราฐานเดียวกับที่ผลิตให้กองทัพแม้ว่าจะขายให้กับพลเรือนทั่วไป

161114-ma1-11

161114-ma1-12

161114-ma1-14

หลังจากนั้น MA-1 เป็นสินค้าแฟชั่นที่เริ่มกระจายไปทั่วโลก กลุ่มพังค์อังกฤษ และกลุ่มสกินเฮดได้นำเครื่องแบบทหารหลายๆ ชนิดมาสวมใส่กับกางเกง Skinny รองเท้า Dr Martens โดยเฉพาะเสื้อ bomber jacket จึงเกิดเป็นอีกหนึ่ง Subculutre ก่อนที่เสื้อแจ็คเก็ตในตำนานนี้จะไปโลดแล่นบนฟิล์มฮอลลีวู้ด Steve McQueen ใส่เล่นหนัง The Hunter ในปี 1980 รวมถึงเสื้อที่ Harrison Ford ใส่ในหนัง Indiana Jones ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก bomber jacket แต่มีการคัสตอมส์สีน้ำตาลใหม่เท่านั้นเอง จุดพีคที่สุดของเสื้อ MA-1 มาจากหนังเรื่อง Top Gun ที่ Tom Cruise ใส่ในเรื่อง ทำให้เสื้อ bomber ไม่ใช่ subculture อีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นหนึ่งในไอเทมที่ผู้ชายทุกคนต้องมีติดตู้เสื้อผ้าไว้

161114-ma1-2

161114-ma1-1

Steve McQueen

161114-ma1-5

Tom Cruise

แบรนด์แฟชั่นต่างๆ เริ่มมองเห็นว่าเสื้อ bomber jacket สามารถเป็นแฟชั่นที่ร่วมสมัยได้ จึงได้ทำการติดต่อไปยัง Alpha Industries เพื่อขอทำคัสตอมส์ในแบบของตัวเอง ก็มีให้เลือกมากมายตั้งแต่แบรนด์ Street fashion จนไปถึง High fashion ที่มีการใส่ลูกเล่น ทั้งลวดลายดอกไม้ การทำรอยขาด สกรีนลายลงไป แต่ยังคงคอนเซ็ปเดิม แค่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับแต่ละช่วงเทรนด์ ในปัจจุบันโครงตัวเสื้อแจ็คเก็ต MA-1 ยังคงเป็นแบบเดิมแค่ทำให้บางลง เพื่อสามารถใส่ในหน้าร้อนได้ ชายเสื้อจะไม่เป็นเอวสูง เอวคอดอีกต่อไป เพราะจะทำให้ดูตัวพองๆ เวลาสวมใส่ ที่สำคัญคือมีให้เลือกหลายราคาตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน

MA-1 กลายเป็นหนึ่งใน Fashion Item อมตะตลอดกาล ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็สามารถใส่ได้ ซึ่งใครที่กำลังมองหา มีโครงการจะซื้อเสื้อแจ็คเก็ตตัวใหม่สักตัว เราอยากจะฝาก MA-1 เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่คุณควรลอง เพราะด้วยเหตุผลที่ว่าถ้าเสื้อแจ็คเก็ตตัวนี้สามารถยืนหยัดมาได้ถึง 70 ปี แล้วมีเหตุผลอะไรล่ะ ที่มันจะไม่อยู่คู่วงการแฟชั่นต่อไปอีกยาวนาน

161114-ma1-4

161114-ma1-6

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line