อายุน้อยร้อยล้าน ดีเจอันดับ 1 ของโลกที่อายุน้อยที่สุด Martin Garrix

Fast Track Success กลายเป็นเทรนด์ในปัจจุบันที่บรรดาวัยรุ่น วัยทีน เลือกที่จะลาออกจากโรงเรียน และมาวิ่งตามความฝันจนสามารถสร้างความสำเร็จให้กับอาชีพการงานของตัวเองตั้งแต่อายุน้อยๆ และจะเห็นได้ว่าในสังคมปัจจุบัน เด็กอายุประมาณ 20-30 สามารถก่อร่างสร้างตัวได้อย่างรวดเร็วกว่าคนใน Gen ก่อน ที่ต้องทำงานอย่างหนักจนอายุเข้าหลัก 40 ถึงจะสามารถสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตได้

ข้อดีของการเริ่มต้นทำอะไรเร็วคือไม่ว่าคุณจะทำอะไร หากรู้ตัวแล้วว่าเป็นทางที่ใช่ ทุ่มเทให้กับมันตั้งแต่อายุยังน้อยๆ เส้นชัยของคุณก็ใกล้กว่าคนอื่นที่ยังมัวหาตัวเองอยู่ ดังเช่นหนุ่มน้อยชาวดัตช์คนนี้ Martin Garrix  ที่ประสบความสำเร็จทั้งที่ทำงานในวงการเพลงมาได้แค่ 4 ปี หลายคนอาจจะบอกว่าเขาเป็นคนโชคดีเพราะเติบโตมาในยุคที่กระแสดนตรีแนว Electronic dance music ฮิตติดลมบนไปทั่วโลก แต่สำหรับเราแล้ว โชคชะตา ต้องมาพร้อมกับความสามารถ

Martin Garrix หรือชื่อเต็มว่า Martijn Gerard Garritsen เป็นดีเจหนุ่มที่อายุเพิ่งจะครบ 20 ปีบริบูรณ์ไม่นานมานี้ โดยเขาเป็นชาวดัตช์โดยกำเนิด ซึ่งประเทศ ฮอลแลนด์ เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมดนตรีแนวเต้นรำอยู่ในสายเลือด เด็กๆ หลายคนอยากเติบโตขึ้นมาเป็นดีเจระดับโลก ทำให้ไม่น่าแปลกใจว่า ดีเจที่มีชื่อเสียงมากมายล้วนมาจากประเทศนี้

ตัวของ Martin เป็นหนึ่งในนั้น โดยเริ่มเล่นเครื่องดนตรีชิ้นแรกคือกีต้าร์ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ หลังจากนั้นเขามีโอกาสได้ไปดูเทปวีดิโอการแสดงสดดีเจรุ่นเก๋าอย่าง Tiësto ( ชาวฮอลแลนด์ ) ในงาน Olympic games ที่ เอเธนส์ นับจากนั้นมาเขาเลยตัดสินใจที่จะเลือกเดินทางสายดนตรีแนว Electronic เพื่อเป็นดีเจ เขาได้เริ่มต้นหาอุปกรณ์ต่างๆ ในการใช้สำหรับอัดเพลง รวมถึง Turn table เอง รวมถึงดาวโหลดโปรแกรมมิกซ์เพลง และเริ่มต้นมิกซ์เพลงเองเมื่อตอนอายุได้ 13 ปี

ความแตกต่างระหว่างดีเจต่างประเทศ และดีเจไทย ที่เห็นจะเป็นจุดสำคัญคือ ดีเจต่างประเทศจะพยายามเป็นทั้งดีเจ และโปรดิวส์เซอร์ โปรดิวส์เพลงตัวเองออกมา แต่ในไทย ดีเจทุกคนหวังเพียงสามารถมิกซ์เพลงเจ๋งๆ ได้เป็นพอ เช่นเดียวกับ Marin Garrix ที่เขาไม่ได้ต้องการเพลงมิกซ์เพลงเล่นตามคลับไปวันๆ เขาพยายามทำเพลงเองตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพการทำงาน และเพลงแรกคือ BFAM ตามมาด้วยเพลง Just some Loops ซึ่งไปเข้าตา Spinnin’ Records จึงได้จับเขาเซ็นสัญญา เลือกนำเพลงของ Martin Garrix ไปรวมในอัลบั้ม Loop Master Essential, Volume 2

หลังจากนั้นชื่อเสียงของเขาก็เริ่มถูกจับตามองด้วยความที่ ณ ตอนนั้นเขาอายุได้เพียง 16 ปี แต่ความสามารถรุดหน้าไปเกินอายุ Martin Garrix ถูกดึงไปทำเพลงให้กับ Sidney Samson ซึ่งอยู่ในค่ายของศิลปิน Idols ของเขาอย่าง Tiësto และเหมือนว่าเขาจะได้ครูที่ดีมาช่วยสอนอย่าง Hardwell ซึ่งในเวลานั้น Hardwell กำลังเนื้อหอมอย่างมาก เพราะเป็นดีเจ อันดับหนึ่งของโลก ทำให้ตัว Martin ได้สัมทานไปเต็มๆ ในการช่วยทำเพลง รวมถึงการนำเพลงที่เขาแต่งอย่าง Animals ไปเล่นตามที่ต่างๆ เพลง Animals เหมือนเพลงเปลี่ยนชีวิตของเขา เพราะสามารถขึ้นไปครองอันดับ 1 ในทุกชาร์ตทั่วยุโรป ทำให้คนเริ่มควานหาตัวดีเจวัยละอ่อนคนนี้ว่าเป็นใคร

ในปี 2013 Martin Garrix สามารถกระโดดเข้าไปอยู่ในอันดับ 40 ได้อย่างรวดเร็วจากการจัดอันดับดีเจประจำปีของ DJ Magazine’s top 100 DJs ด้วยผลงานเพลงการมิกซ์เพลงที่หาตัวจับยาก บวกกับหน้าตาอันหล่อเหลาทำให้งานวิ่งเข้าหาเขายังไม่หยุดยั้ง เขาไม่ต่างจาก Justin Bieber ในวงการเพลง EDM และได้กลายเป็นดีเจขวัญใจสาวๆ รวมถึงหนุ่มที่ชอบเพลงแนว Progressive house ปีถัดมา Martin Garrix กระเถิบขึ้นไปอยู่ในอันดับ 4 จาก DJ Mag แซงหน้ารุ่นดีเจรุ่นพี่ อย่างรวดเร็ว

ตัวของ Martix มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ เพราะเทศกาลดนตรีต่างๆ ทั่วโลก ล้วนต้องมีตัวเขาเป็น Head Line-up ไม่ว่าจะเป็น Tomorrowland , Ultra Music Festival เขาไม่ได้เพียงสนใจแต่การเล่น live เพราะเขายังตั้งหน้าตั้งตาทำเพลงในขณะที่ต้องเดินทางทัวร์รอบโลก แถมยังไปช่วยศิลปินคนอื่นทำเพลงอีกด้วยอาทิ Avicii ในเพลง  Waiting for love ซึ่งเขาได้รับรางวัลจาก YouTube ให้เป็น 50 ศิลปินประจำปี 2015 ที่ต้องดู รวมถึง MTV Europe Music Awards ในสาขา Best Electronic

หลักจากนั้นมีข่าวลือว่าเขามีปัญหากับทางต้นสังกัดอย่าง Spinnin’ Records และเขาก็ออกมายืนยันเองว่า มีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องการทำงาน รวมถึงมีข้อตกลงบางอย่างที่ไม่สามารถตกลงร่วมกันได้ ทำให้ Martin Garrix กลายเป็นศิลปินอิสระ แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาเพราะในตอนนี้เขามีเงินมากพอที่จะตั้งบริษัทของตัวเองที่ชื่อ STMPD RCRDS ใครจะคาดคิดว่าเด็กอายุ 19-20 จะสามารถทำค่ายเพลงของตัวเองได้ ซึ่งเพลงเปิดตัวค่ายของเขาคือ Now That I’ve Found You

Martin Garrix ได้ประกาศว่าปีนี้จะมีอัลบั้มเต็มของตัวเขาเองออกมาภายใต้ค่ายเพลงของเขา ซึ่งได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมากมายไม่ว่าจะเป็น Jay Hardway , Julian Jordan , Mike Shinoda ในขณะนี้ได้ปล่อยมาเพิ่มเติมอีกสองเพลงคือ In The Name of Love ที่ร่วมงานกับ Bebe Rexha และเพลง Rewind Repeat it ที่ได้ Ed Sheeran มา Featuaring

หากบอกว่ากราฟชีวิตของเด็กคนนี้เหมือนกับกราฟที่พุ่งขึ้น และไม่มีท่าทีว่าจะตก ก็ไม่ผิดเพี้ยน เขาใช้เวลาเพียง 4 ปี สามารถไต่ขึ้นมาเป็นดีเจแถวหน้าระดับโลก ที่สำคัญที่สุดคือ Martin Garrix เพิ่งได้รับโหวตจาก  DJ Magazine’s top 100 DJs ให้กลายเป็นดีเจอันดับ 1 ของโลกประจำปี 2016 เรียกว่าไม่มีอะไรฉุดเขาคนนี้ลงได้จริงๆ อีกทั้งเขายังถูกจัดอันดับโดย Forbes ว่าเป็นบุคคลอายุต่ำกว่า 30  ที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก บวกทั้งมีทรัพย์สินราวๆ $16 ล้านเหรียญสหรัฐ อยู่ในอันดับ 9 ของดีเจที่มีรายรับมากที่สุด หากเป็นเด็กคนอื่นที่อายุราวๆ กับเขา ณ เวลานี้คงนั่งเรียนหนังสืออยู่ในห้องเรียน แต่ Martin Garrix มีเงินมากมายจนไม่รู้จะใช้อย่างไรหมด

ทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้ว การจะเดินไปหนทางของความสำเร็จ บางทีไม่ได้เกิดขึ้นในห้องเรียน เราต้องออกไปค้นคว้าหามันด้วยตัวเอง พรสววรค์ที่ไร้โชคชะตาก็ไม่อาจออกผลได้ หรือแม้แต่โชคชะตาที่ไร้ซึ่งความสามารถก็มิอาจเบ่งบานได้เช่นกัน แต่เราไม่ได้บอกว่าให้ทุกคนเลิกเรียน และออกมาเป็นดีเจ  เพราะในสังคมบางสังคมอย่างเช่นประเทศไทย การเรียนเหมือนเป็นเกราะคุ้มกันให้คุณสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมแบบปลอดภัย หากมีเหตุพลาดพลั้ง

ยกเว้นว่าคุณเป็นคนที่มีพรสวรรค์แบบหนึ่งในล้าน มีความพร้อมในด้านความสามารถ และเอาจริงเอาจังให้กับความฝัน มีความเชื่อแบบที่ Steve Jobs , Bill Gates , Kurt Cobian หรือแม้แต่ Martin Garrix มี ที่พวกเขาเดิมพันทั้งชีวิต เลือกที่จะไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย และมาเดินตามฝันของตัวเอง แบบนั้น UNLOCKMEN ก็ขอสนับสนุนให้เลิกเรียน และมาเลือกทำตามฝัน