World

ผมผิดอะไร? มารู้จัก MAXIMILIANO MEZA นักเตะที่โดนสาปส่งมากที่สุดในฟุตบอลโลก 2018

By: PERLE July 1, 2018

เมื่อการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มในศึกฟุตบอลโลก 2018 หนนี้ผ่านพ้นไปแล้ว นักเตะที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้น Luka Modric, Harry Kane , Diego Godin แต่พวกเขาเหล่านี้กลับไม่ใช่นักเตะที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุด เพราะนักเตะที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดเป็นนักเตะของทีมชาติอาร์เจนตินา และคน ๆ นั้นก็ไม่ใช่ซูเปอร์สตาร์อย่าง Lionel Messi ด้วย แต่เป็นนักเตะที่ใครหลายคนคงเพิ่งเคยได้ยินชื่อเป็นครั้งแรกในฟุตบอลโลกครั้งนี้ เขาคนนั้นคือ ‘Maximiliano Meza’

Who is Maximiliano Meza?

Maximiliano Meza ปัจจุบันอายุ 26 ปี สัญชาติอาร์เจนตินา ตำแหน่งถนัดคือมิดฟิลด์ด้านข้าง แต่ในบางครั้งก็สามารถขยับขึ้นสูงไปเล่นเป็นปีกได้ สมัยยังเด็กเขาเป็นเด็กฝึกของสโมสร Gimnasia y Esgrima ทีมในลีกประเทศบ้านเกิด และสามารถพัฒนาตนเองขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ โดยลงเล่นในลีกไปทั้งหมด 100 นัดพอดิบพอดี ยิงไป 12 ประตู ซึ่งถือเป็นฟอร์มการเล่นที่ดีจนเตะตาสโมสรยักษ์ใหญ่ในลีกอย่างทีม Independiente และสามารถคว้าตัว Meza ไปร่วมทีมได้สำเร็จในปี 2016 นับตั้งแต่ตอนนั้น Meza ลงเล่นในลีกให้กับ Independiente ไปทั้งหมด 44 นัด ซัดไป 5 ประตู

และที่แฟนบอลอย่างเรา ๆ ไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเนื่องจาก Meza นั้นค้าแข้งอยู่ในลีกอาร์เจนติน่าซึ่งไม่ใช่ลีกยอดนิยมในบ้านเรา อีกทั้งในนามทีมชาติเขาเคยลงสนามให้ทัพฟ้าขาวแค่ 5 นัดเท่านั้น

 

ทำไมจึงโดนสาปส่ง?

เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากการที่เขามีชื่อติดอยู่ใน 23 ขุนพลลุยศึกฟุตบอลโลก 2018 แบบงง ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาแทบจะไม่มีส่วนร่วมในการเตะรอบคัดเลือกเลย นอกจากนั้นยังมีนักเตะอีกหลายคนที่มีดีกรีดีกว่าเขาไม่ว่าจะเป็น Mauro Icardi, Javier Pastore, Diego Perotti ชื่อเหล่านี้คือซูเปอร์สตาร์ที่ล้วนค้าแข้งอยู่กับสโมสรยักษ์ใหญ่ในยุโรป แต่โค้ชอย่าง Jorge Sampaoli กลับตัดสินใจเลือกนักเตะที่ไม่เคยเล่นในยุโรปและมีประสบการณ์ในทีมชาติน้อยนิดอย่าง Maximiliano Meza จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา

ถึงจะมีความไม่พอใจจากกลุ่มแฟนบอลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงนักเนื่องจากทุกคนคิดว่าบทบาทของ Meza นั้นคงเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง น่าจะได้ลงสนามมาเพื่อเผาเวลาเท่านั้น แต่เมื่อมีประกาศรายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงในนัดแรกที่ทีมชาติอาร์เจนตินาต้องลงสนามเจอกับทีมชาติไอซ์แลนด์สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเพราะมีชื่อ Maximiliano Meza  เป็นหนึ่งในนัดด้วย แฟนบอลได้แต่ภาวนาว่าเขาจะโชว์ฟอร์มได้ดี

แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามคาด ฟอร์มของ Meza ในนัดแรกนั้นเข้าขั้นย่ำแย่ ไม่สามารถทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน ผลการแข่งขันจบลงด้วยการเสมอกับทีมรองบ่อนอย่างไอซ์แลนด์ 1-1 สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นกระแสโจมตีจากเหล่าแฟนบอล และคนที่โดนวิจารณ์มากที่สุดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เป็น Maximiliano Meza คนนี้นี่แหละ

หลังจากจบเกมแรกทุกคนคิดว่า Jorge Sampaoli จะตาสว่างและดรอป Meza ลงเป็นตัวสำรอง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม ชื่อของ Meza ยังคงขึ้นเป็นผู้เล่น 11 คนแรกในเกมที่เจอกับทีมชาติโครเอเชีย สถานการณ์เลวร้ายยิ่งไปกว่าเดิมเพราะในนัดนี้ทีมฟ้าขาวโดนทีมตราหมากรุกอัดเละเทะ 3-0 และฟอร์มของ Meza ก็ย่ำแย่ไม่เปลี่ยนแปลง

ในนัดสุดท้ายทีมชาติอาร์เจนติน่าลงสนามเจอกับทีมชาติไนจีเรีย พวกเขาต้องชนะเท่านั้นจึงจะสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้ และในนัดนี้ดูเหมือน Jorge Sampaoli จะคิดอะไรได้บางอย่าง เนื่องจากไม่มีชื่อของ Maximiliano Meza ใน 11 ตัวจริง แฟนบอลอาร์เจนตินาคาดหวังขึ้นมาทันทีว่าทีมของพวกเขาจะมีเกมรุกที่ดีขึ้น

ในเกมนี้อาร์เจนตินาเป็นฝ่ายขึงเกมรุกใส่ไนจีเรียตามคาด แต่ทีมอินทรีมรกตเองก็มีจังหวะโต้กลับที่ค่อนข้างน่ากลัว เกมดำเนินมาจนถึงนาทีที่ 72 สกอร์เสมอกันอยู่ 1-1 อาร์เจนตินาเหลือเวลาอีกแค่ 18 ในการทำประตูเพิ่มเพื่อผ่านเข้ารอบต่อไป Jorge Sampaoli ตัดสินใจเปลี่ยนมิติในเกมรุกด้วยการเปลี่ยน Angel Di Maria นักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ออกและส่ง Maximiliano Meza ลงมา! วินาทีนั้น คนทั้งโลกโดยเฉพาะกองเชียร์อาร์เจนตินาคงตั้งคำถามว่า “มึงคิดอะไรอยู่?”

และ Meza ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง หลังจากลงสนามมาได้ไม่นานเขาก็โชว์ทักษะบันลือโลกด้วยการเลี้ยงบอลออกหลังไปเสียเฉย ๆ

ถึงแม้ว่าในที่สุดทีมชาติอาร์เจนตินาจะสามารถพลิกนรกผ่านเข้ารอบไปได้ด้วยลูกยิงของ Marcos Rojo (ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่ Meza ลงสนามมาเลย) แต่ตอนนี้แฟนบอลทั่วโลกต่างก็ตั้งคำถามกันว่า

“Meza เอ็งมีดีอะไร? หรือว่าจริง ๆ แล้วเอ็งเป็นลูกลับ ๆ ของ Jorge Sampaoli?”

 

ไม่ใช่คนแรก

ถึงแม้ว่าการที่นักเตะฟอร์มห่วยแต่ได้รับโอกาสจากโค้ชให้ลงสนามแทบทุกนัดราวกับเป็นลูกในไส้จะไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ แต่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ฟุตบอลโลก 2014 ชื่อของ Rodrigo Palacio และ Fred ก็ได้รับการพูดถึงในเชิงนี้เช่นกัน

Rodrigo Palacio คือศูนย์หน้าทีมชาติอาร์เจนตินา ถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ของ Maximiliano Meza ก็ว่าได้ ในฟุตบอลโลก 2014 ถึงแม้ว่า Palacio จะไม่ใช่กองหน้าตัวหลัก แต่เขาก็เป็นคนที่โค้ชมักเลือกให้ลงมาเปลี่ยนเกมเสมอ อย่างไรก็ตามเมื่ออยู่ในสนามเขาไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้เลย ฟอร์มเข้าขั้นย่ำแย่ แต่โค้ชอย่าง Alejandro Sabella ก็เลือกเปลี่ยนเขาลงมาแก้เกมทุกครั้งตั้งแต่รอบแรกจนถึงนัดชนะเลิศ และจำนวนประตูที่ Rodrigo Palacio ในตำแหน่ง ‘กองหน้า’ สามารถทำได้คือ 0

อีกคนคือ Fred นักเตะในตำแหน่งกองหน้าเช่นกันแต่เป็นของทีมชาติบราซิล ในขณะนั้นเขาค้าแข้งอยู่กับสโมสร Fluminense ในลีกประเทศบ้านเกิด และก็สามารถยิงประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แต่สำหรับตำแหน่งกองหน้าตัวจริงในทีมชาติบราซิลดีกรีแค่นี้ดูเหมือนจะยังไม่พอทำให้เขาโดนวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่ยังไม่ทันลงสนาม และเมื่อเขาถึงเวลาแข่งขัน Fred ก็ไม่ทำให้คนที่เคยสบประมาทเขาต้องหน้าแตก เพราะฟอร์มการเล่นของย่ำแย่เหลือเกิน การเคลื่อนที่ดูเชื่องช้า อืดอาด และเก้งก้าง อย่างไรก็ตามเขาก็ได้รับโอกาสลงสนามทุกนัด แต่ผลสุดท้ายเขากลับยิงประตูได้แค่ลูกเดียว

เรื่องราวแบบนี้แฟนบอลอย่างเราทำได้แค่วิพากษ์วิจารณ์อยู่หน้าจอ เพราะเราไม่มีทางรู้เหตุผลที่แท้จริงหรอกว่าทำไมนักเตะบางคนถึงยังได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องทั้ง ๆ ที่ฟอร์มย่ำแย่ไม่มีการพัฒนา เราได้เห็นเขาเล่นนัดละ 90 นาที แต่โค้ชอยู่กับพวกเขาตลอดเวลา เขาคงเห็นอะไรบางอย่างในตัวนักเตะเหล่านั้นแบบที่แฟนบอลอย่างเราไม่เห็น สุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์ให้อยู่ในขอบเขต อย่าลามปามไปถึงเรื่องส่วนตัวของนักเตะเหล่านี้เลย เข้าใจว่ามันต้องมีอาการ ‘หัวร้อน’ เป็นธรรมดา แต่ก็ต้องควบคุมให้ได้ จงดูฟุตบอลให้เป็นกีฬา

PERLE
WRITER: PERLE
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line