CARS

McLaren 720S SPIDER SUPER SERIES คันล่าสุดที่มาพร้อมขุมกำลัง 710 แรงม้า

By: SPLESS December 14, 2018

เรียกว่าเป็นช่วงเทศกาลแห่งการเปิดตัวรถยนต์แนว Roadster ของค่ายรถต่าง ๆ ก็ว่าได้สำหรับช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งล่าสุดสำหรับ McLaren Automotive ก็ได้เปิดตัวเจ้าแห่งความเร็วคันใหม่ของ Super Series ออกมาแบบเปลี่ยนแปลงตั้งแต่หัวจรดท้ายอย่าง All-New 720S Spider

Carscoops

เรียกว่าได้รับการพัฒนาข้ามขั้นจากรถต้นแบบคันแรกของ Super Series อย่าง McLaren 650S มาไกลทีเดียวสำหรับโมเดลใหม่ของ 720S Spider มาพร้อมจุดเด่นตามสไตล์ Roadster ด้วยหลังคาเปิดประทุนแบบ Hard Top ซึ่งถูกออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยจะพับเก็บลงไปในแผงคาร์บอนไฟเบอร์ชิ้นเดียวด้านหลังตัวรถ ซึ่งเป็นระบบหลังคาที่ทาง McLaren เคลมว่ามันคือ “ระบบเปิดประทุนซึ่งทำงานได้เร็วที่สุดในโลกของซุปเปอร์คาร์”​ โดยใช้เวลาในการเปิด-ปิดเพียง 11วินาทีในความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง และสำหรับหนุ่มที่ต้องการเพิ่มประสบการณ์พิเศษ ก็สามารถสั่งติดกระจกแบบ ElectroChromic แทนที่หลังคาแบบทึบได้อีกด้วย

Carscoops

แต่นอกจากหลังคาสุดไฮเทคแล้ว 720s Spider ยังมาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ที่โคตรดุดัน เริ่มจากชุดไฟหน้าใหม่และส่วน A-pillar ที่ปรับเปลี่ยนให้ได้มุมมองที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ตัวรถยังมาพร้อมโครงสร้างผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ซึ่งเบาและแข็งแรงเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์บางชิ้นจากรุ่น 650S Spider เป็นวัสดุที่น้ำหนักเบามากขึ้นทำให้รถเบากว่ารุ่นก่อนได้ถึง 6.8 กิโลกรัม รวมถึงสปอยเลอร์หลังซึ่งจะปรับเปลี่ยนระบบ Aerodynamic แบบอัตโนมัติตามหลังคาที่เปิด-ปิด ล้ออัลลอยด์น้ำหนักเบาและยางจาก Pirelli P Zero หรือ Pirelli P Zero Corsa ซึ่งสามารถเลือกได้ตามต้องการ

Carscoops

ด้านขุมกำลัง 720S Spider มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 Twin-Turbo ขนาด 4.0 ลิตร ซึ่งให้กำลังถึง 710 แรงม้า ควบคุมและสั่งการด้วยชุดเกียร์ 7-Speed อัตราการเร่งสะใจตั้งแต่ 0-100 กิโลเมตรใน 2.8 วินาที และ 0-200 ในเวลาเพียง 7.9 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 341 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยทั้งหมดของ All-New 720S Spider มาในน้ำหนักรวมเพียง 1332 กิโลกรัมเท่านั้น

McLaren มีแผนจะวางขาย 720S Spider ในช่วงเดือนมีนาคมของปี 2019 โดยราคาเริ่มต้นของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันไปคือ 315,000 USD ในสหรัฐอเมริกา และราว 237,000 USD ในสหราชอาณาจักร ส่วนในเมืองไทยได้ข่าวว่านำเข้ามาให้จองรอบแรกไม่ถึง 10 คัน และ Sold Out ทั้งหมดแล้วเรียบร้อย

ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ที่ปราดเปรียวกับน้ำหนักแบบรุ่น Lightweight ที่มาพร้อมขุมพลังแบบ Heavyweight คันนี้ ทำให้เราเชื่อเหลือเกินว่ามันจะกลายเป็นรถที่แสดงสมรรถนะได้อย่างเต็มที่บนท้องถนน และดึงดูดสายตาทั้งผู้หนุ่มผู้สาวให้หันมองตามทั้งถนนอย่างแน่นอน

SOURCE 1

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line