

CARS
Me and My Car : RUF 993 turbo plus X50 German spirit ปอม อภิวิทย์ หัพนานนท์
By: Chaipohn December 4, 2016 48324
หลังจากแนะนำ Me and My Car คันแรก Porsche Panamera S E-Hybrid ของคุณวุ้นเส้นไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน คราวนี้มาถึงคันที่ 2 ที่ถือว่าเป็นรุ่นพิเศษสำหรับตัวจริงอย่าง ปอม ชายหนุ่มที่แสนสุภาพ พูดน้อย แต่มีเสน่ห์มากเมื่อเขานั่งอยู่บน Porsche 993 สีดำคันนั้น ปอร์เช่ที่เขาบอกว่ามีคันเดียวในบ้าน แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับ RUF993 turbo plus X50 ตัวแรงสุดพิเศษรุ่นสุดท้าย air-cooled ของปอม-อภิวิทย์ หัพนานนท์
RUF 993 turbo plus X50 German spirit ปอม อภิวิทย์ หัพนานนท์
“ความชอบรถยนต์ที่เพอฟอร์มานซ์สูงของผมคงสืบต่อมาจากคุณพ่อ” คุณปอมเล่าอย่างถ่อมตัวหลังจากที่เขาเปิดโรงรถจนเราตะลึง เพราะไม่แค่ปอร์เช่เท่านั้น แต่ยังมีตัวแรงในอดีตจากเยอรมนีอีกหลายคันจอดเรียงราย ซึ่งเขาบอกว่าบางคันก็ใช้ร่วมกับคุณพ่อ ซึ่งอดีตเคยทำงานที่สหประชาชาติ ทำให้เขามีโอกาสได้ซึมซับรถแปลกๆ ตัวแรงๆ จากท่าน
“ปอร์เช่นี้ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก แต่ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ จนกระทั่งไปเรียนต่อที่อเมริกา อยู่ที่นั่นก็ใช้โฟลค์สวาเก้น ก็ถือได้ว่าเป็นรุ่นพี่ของปอร์เช่ จนกระทั่งได้กลับมาเมืองไทยจึงได้มีโอกาสใช้ ปอร์เช่ 964 และก็ใช้อยู่นานสิบปีกว่าจะเปลี่ยนมาเป็น 993″
คุณปอมพูดถึง Porsche 993 turbo รุ่นปี 1997 สีดำพิเศษ Metallic black ที่ดูโดดเด่นเมื่อแล่นอยู่บนถนน ตัวรถเหมือนชายหนุ่มที่สวมทักซิโดสีเข้มแต่ไม่ได้ดำสนิทมันมีเหลือบของสีเทานิดๆ ผสมอยู่เมื่อต้องแสงแดด
แต่ความพิเศษของ 993 คันนี้ คือเป็นรถที่เจ้าตัวหอบหิ้วเอาชุดแต่งของ RUF แท้ๆ เข้ามาด้วยตัวเอง อาทิ กันชนหน้า – หลังที่เป็นของ RUF Turbo R ที่มีลิ้นด้านหน้า และร่องระบายอากาศ
“ชุดพาร์ทที่ผมเอาเข้ามาเป็น US spec เพราะว่าช่องใส่ป้ายทะเบียนจะเล็ก เท่าขนาดทะเบียนที่บ้านเราพอดี แต่ตอนเอาเข้ามาก็ไม่ได้รู้เรื่องภาษีศุลกากรอะไรกับเขาก็โดนภาษีไปไม่เบาอยู่เหมือนกัน”
เราถามคุณปอมว่าชุดแต่งปอร์เช่มีมากมายแต่ทำไมถึงเทใจให้ RUF เขาตอบเราด้วยน้ำเสียงนิ่มๆ ว่า
“ปอร์เช่กับ RUF ก็เหมือนอะไรที่โตมาด้วยกัน เหมือน AMG กับ Mercedes-Benz หรือ Alpina กับ BMW ผมชอบ RUF เพราะมันมีความพอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป ติดตามดูงาน RUF มาตั้งแต่สมัยเขาทำ CTR Yellowbird ถ้าผมส่งรถไปทำกับเขาที่เยอรมันได้ก็อยากจะทำ แต่ในเมื่อมันยังมีข้อจำกัดเยอะ ก็เลยขอทำเท่าที่เป็นได้คือสั่งพาร์ทมาให้ช่างในเมืองไทยประกอบ”
1987 RUF CTR Yellowbird
CTR spirit
คุณปอมพูดถึงเจ้านกสีเหลืองในตำนาน RUF CTR Yellowbird ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในปี 1987 และเป็นโปรดักซ์ชั่นคาร์ที่เร็วที่สุดในโลกของยุคนั้น เพราะมันวิ่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมง ได้ใน 4 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 211 ไมล์ต่อชั่วโมง (340 กิโลเมตร) เฉือนชนะคู่แข่งร่วมยุคอย่าง Ferrari Testarossa และ Lamborghini Countach ลงได้ ทั้งที่เป็นรถที่ระบายความร้อนด้วยอากาศ แต่ RUF 993 turbo plus X50 คันนี้คุณปอมกลับยึดเอาแนวของ RUF CTR2 มากกว่าเพราะว่าเป็นรุ่น 993 เหมือนกัน
“CTR2 มีกำลัง 520 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 217 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่คันนี้คงไม่แรงเท่านั้น” เขาตอบแบบถ่อมตัวเช่นเดิม แต่เชื่อเถอะว่าเครื่องยนต์ของเจ้า Metallic black ก็ไม่ธรรมดาเพราะแค่สเป็คเดิมๆ ของ 993 turbo plus X50 ที่มีเครื่องยนต์สูบ 6 สูบนอน 3.6 ลิตร ทวินเทอร์โบว์พ่วงกับอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ ก็สร้างแรงม้าได้กว่า 450 ตัวแล้ว
แต่คุณปอมยังเปลี่ยน turbo เป็นของ KKK- K24 และส่งกล่อง ECU ของ turbo S ไปให้จูนเพิ่มเติมที่เยอรมัน ทำให้สามารถใช้น้ำมันโซฮอลล์ได้ และติด oil cooler ตัวเล็กเพิ่มมาให้อีกที่ใต้กันชนหน้าทำให้ RUF 993 turbo plus X50 คันนี้ขับได้ไหลลื่นขึ้นด้วยแรงม้ามากกว่า 450 ตัวอย่างแน่นอน
ความงามภายนอกแบบ RUF นั้นยังไม่หมดด้วยการจับคู่ล้อของ RUF 19 นิ้ว เข้ากับยาง Bridgestone S001 ที่ล้อหน้า 245/35 ZR19 และ 285/30 ZR19 ที่ล้อหลัง ส่วนระบบกันสะเทือนนั้นได้เปลี่ยนมาใช้ชุด Suspension ของ KW รุ่น V.3 พร้อมทั้งปลายท่อไอเสียแบบคู่ของ Fabspeed รุ่น maxflow ทำให้รถคันนี้ดูเต็มและเท่ลงตัวแบบคลาสสิก พร้อมจัดการระบบเบรกให้หนึบขึ้นอีกด้วยจานเบรกที่ใหญ่ขึ้นที่ล้อหน้า กับคาลิปเปอร์ 4 พอร์ตสีเหลืองของ RUF อีกเช่นกัน
“ตอนติดตั้งชุดแอโร่พาร์ท ก็ต้องให้ช่างปรับแก้อยู่หลายรอบเหมือนกัน เพราะถึงจะเป็นชุดแต่งจากเยอรมันแต่มันก็ไม่ได้เข้ากันได้พอดีเป๊ะซะทีเดียว จุดที่แก้ไม่หายคือรุ่นนี้แอร์คอนดิชั่นยังไงก็ไม่เย็นฉ่ำ เวลาขับมันก็จะมีหลังเปียกๆ นิดหน่อยเป็นเอกลักษณ์ของ 993”
ขยับเข้ามาดูภายในกันอีกนิด RUF 993 turbo plus X50 คันนี้ยังรักษาความคลาสสิกไว้เช่นเดิมด้วยวัสดุบุหนังโทนสีดำเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถ้าเป็นในรุ่น 993 Turbo S จะมีชิ้นส่วนของคาร์บอนไฟเบอร์เพิ่มเข้ามาที่คอนโซล แต่เจ้าของรถบอกว่าไม่ค่อยชอบเพราะทำให้รถดูล้ำเกินไป การตกแต่งจึงมาเพิ่มในส่วนของเบาะที่นั่งที่หันมาคบกับ Recaro A8 หนังแท้สีดำ ที่ปีผลิตใกล้เคียงกับตัวรุ่นรถ มีปีกเบาะกว้างและรองศรีษะสูงนั่งสบายกว่าเบาะเดิม อีกสิ่งหนึ่งที่ดูหล่อมากๆ คือพวงมาลัยของ Raid หุ้มหนังแบบ sport airbag steering wheel มีถุงลมนิรภัยติดมาด้วย”
ทุกวันนี้ถ้ามีโอกาสคุณปอมบอกว่าเขาพยายามนำ RUF คันนี้ออกมาใช้งานตลอดอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง
“เรามีความสุขกับมันเสมอเมื้อได้ขับ ถ้ามีเวลาว่างก็จะขับ ไปต่างจังหวัดใกล้ๆ อย่างหัวหิน” ชายหนุ่มบอกกับเราก่อนจะขยับเข้าไปนั่งในค๊อกพิทแล้วสปรินท์ RUF 993 Metallic black ขนานไปกับทางรถไฟสายนั้น ทิ้งไว้แต่เสียงเครื่องยนต์คำรามและรอยยางบางๆบนพื้นถนน
RUF Automobile GmbH
คือสำนักแต่งรถยนต์ของเยอรมนีที่ได้รับอนุญาตให้สามารถนำแชสซี และเครื่องยนต์ของปอร์เช่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถใหม่สีขาวจากโรงงานหรือที่เรียกว่า Body in white มาปรับแต่งใหม่ให้เป็นรถ Supercar สไตล์ RUF โดยได้รับการอนุญาตให้สามารถตอกหมายเลขตัวถัง และหมายเลขเครื่องยนต์เป็นของตัวเองได้ (RUF VIN มักจะเริ่มต้นด้วย W09 หรือบางประเทศอาจจะทำไม่ได้ ก็สามารถส่ง Porsche เข้าไปให้ RUF ปรุกเสกได้เช่นกัน แต่อาจจะโดนมองว่า ไม่ใช่ RUF แท้)
RUF มีประวัติศาสตร์ในวงการรถยนต์ที่เยอรมันมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 1939 โดยเริ่มจากการสร้างรถบัสโดยสารมาก่อน จนกระทั่งมาถึงปี 1975 ลูกชายของ Alois Ruf ได้เข้ามารับช่วงกิจการต่อจากบิดาและเริ่มนำเอาปอร์เช่ 930 ที่เขารักมาปรับแต่งสมรรถนะเพิ่มเติม
ในปี 1987 Ruf CTR ได้สร้างสถิติโลกด้วยความเร็ว 211 ไมล์ต่อชั่วโมง และทายาทอย่าง Ruf CTR2 ที่ผลิตขึ้นในปี 1995 ก็สามารถทำความเร็วได้ถึง 217 ไมล์ต่อชั่วโมง (349 กิโลเมตร / ชั่วโมง) RUF Turbo Florio RUF CTR 3 รวมถึง eRUF R-Roadster ซูเปอร์คาร์พลังงานไฟฟ้า ที่มีกำลังสูงสุด 362 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุดที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และสามารถวิ่งได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟครั้งหนึ่ง
Sponsored Content by : www.facebook.com/gtporschethailand