CARS

MERCEDES-AMG ‘GT FAMILY’ ยนตรกรรมที่สร้างขึ้นจากความหลงใหลในโลกแห่งความเร็ว

By: SPLESS September 11, 2020

สำหรับผู้ชายอย่างเราการได้ขับขี่รถยนต์สมรรถนะสูงถือเป็นเรื่องที่หลายคนฝันอยากจะทำให้สำเร็จ โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ที่หลงใหลความเร็วและต้องการครอบครองรถยนต์ที่แสดงพลังบนท้องถนนได้มีประสิทธิภาพต่างจากรถที่วิ่งอยู่ในสนามแข่ง

ขณะเดียวกันมีรถยนต์จำนวนไม่น้อยในโลกใบนี้ที่ได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจในการสร้างมาจากความหลงใหลในโลกแห่งการแข่งขันรถยนต์ แต่คงไม่มีรถยนต์ตระกูลไหนจะสามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณของรถแข่งลงในรถที่ใช้งานบนท้องถนนได้ดีไปกว่ารถยนต์จาก Mercedes-AMG ในตระกูล “GT Family” แต่เพราะเหตุผลอะไร วันนี้มาทำความรู้จักยนตรกรรมเหล่านี้ให้ดีขึ้นไปพร้อมกัน


จุดเริ่มต้นของ “GT Family” เริ่มขึ้นในปี 2010 เมื่อโรงงาน Mercedes-AMG ที่ตั้งอยู่ในเมือง Affalterbach ได้ให้กำเนิดรถยนต์อย่าง Mercedes-Benz SLS AMG ขึ้นมา ด้วยดีไซน์ที่สวยงามโดยเฉพาะประตูแบบ Gullwing ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถยนต์รุ่นไอคอนอย่าง Mercedes-Benz 300SL Gullwing ก็ทำให้รถยนต์คันนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ท่วมท้นจากคนรักรถยนต์ทั่วโลก

Mercedes-Benz SLS AMG ภาพจาก netcarshow

อย่างไรก็ตามความสวยงามในด้านงานดีไซน์ของ SLS AMG เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสำเร็จของรถยนต์คันนี้ เพราะสิ่งที่โดดเด่นเหนือสิ่งอื่นใดคือขุมพลังใต้ฝากระโปรงที่มาพร้อมเครื่องยนต์ที่ให้พลังสูงถึง 571 แรงม้าและแรงบิดที่ 630 นิวตันเมตร ส่งผลให้ Mercedes-Benz SLS AMG กลายเป็นรถยนต์ที่วิ่งด้วยเครื่องยนต์ Naturally Aspirated Engine (NA) ที่ทรงพลังที่สุดในเวลานั้น และกลายเป็นต้นกำเนิดให้กับรถยนต์ในตระกูล GT ในเวลาต่อ


 ปี 2014 Mercedes-AMG ต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดตัวรถยนต์ที่พัฒนามาจาก Mercedes-Benz SLS AMG ในชื่อ Mercedes-AMG GT และยนตรกรรมคันนี้เองที่กลายเป็นพื้นฐานสำคัญที่ต่อยอดสู่รถในตระกูล GT รุ่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Mercedes-AMG GT C Roadster, Mercedes-AMG GT R รวมถึงสายพันธุ์ 4-Door Coupe อย่าง Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe ในเวลาต่อมา

Mercedes-AMG GT C Roadster

ในเวลาเดียวกันรถยนต์ทุกคันในตระกูล GT ไม่ว่าจะเป็นโมเดล Coupe หรือ Roadster ยังถูกรู้จักดีในฐานะรถยนต์ที่สร้างขึ้นมาโดยกลุ่มคนที่หลงใหลในรถแข่ง โดยเป็นการร่วมมือของวิศวกรระดับหัวกะทิของแผนก AMG ที่ต่างเคยมีประสบการณ์ในการพัฒนาและสร้างรถแข่งมาแล้วนับคันไม่ถ้วน

พวกเขาได้นำทักษะและความรู้ด้านวิศวกรรมทั้งหมดที่มีมาถ่ายทอดรถยนต์ในตระกูล GT แบบใส่ใจในทุกรายละเอียด โดยรูปแบบการสร้างดังกล่าวถูกเรียกว่า “Handcrafted by Racers” แต่แค่พูดอย่างเดียวคงไม่เห็นภาพ วันนี้เราไปทำความรู้จักยนตรกรรมคันแรงที่ถูกยกให้เป็นที่สุดของ “GT Family” ให้ดีขึ้นไปพร้อมกัน

Mercedes-AMG GT C Roadster

รถยนต์คันแรกของ Mercedes-AMG ในตระกูล “GT Family” ที่เราอยากแนะนำให้รู้จักคือ Mercedes-AMG GT C Roadster สายพันธุ์เปิดประทุนที่เปิดตัวออกมาและได้ใจสาวกโร้ดสเตอร์ทั่วโลกไปเต็ม ๆ ด้วยเส้นสายตัวรถที่มีทั้งความสปอร์ตและคลาสสิก ที่ได้อิทธิพลจากรูปลักษณ์ของรถแข่งอย่าง Mercedes-AMG GT3 รวมถึงดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ของฝากระโปรงหน้าและหลังคาแบบ Soft Top

Mercedes-AMG GT C Roadster ยังมาพร้อมขุมพลังขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์ AMG V8 ขนาด 4.0 ลิตร Bi-Turbo ที่ให้พลัง 557 แรงม้าและแรงบิดที่ 680 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับชุดเกียร์ AMG SPEEDSHIFT DCT 7G 7-Speed ที่สั่งการได้รวดเร็ว ส่งผลให้โร้ดสเตอร์คันนี้มีอัตราเร่ง 0-100 ในเวลาเพียง 3.7 วินาที และความเร็วสูงสุดที่ 316 กิโลเมตร/ชั่วโมง ปลอดภัยด้วยระบบเบรกแบบเดียวกับที่ใช้ในวงการมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก

ทั้งหมดทำให้ AMG GT C Roadster เป็นโมเดลเปิดประทุนที่โดดเด่นทั้งด้านงานดีไซน์และสมรรถนะครบครัน


รถยนต์คันต่อมาถือเป็นรถยนต์รุ่น Iconic ของ Mercedes-AMG “GT Family” เป็นที่รู้จักให้ฐานะสุดยอดรถสปอร์ตที่ลงตัวทั้งเรื่องของงานดีไซน์และสมรรถนะ การันตีด้วยการทำลายสถิติบนสนาม Nürburgring และการรับหน้าที่เซฟตี้คาร์ในสุดยอดการแข่งขันโลกแห่งความเร็วอย่าง Formula 1 ในยุคปัจจุบัน รถที่เรากำลังพูดถึงคือ Mercedes-AMG GT R

Mercedes-AMG GT R

Mercedes-AMG GT R คือรถสปอร์ตแห่งยุคสมัยปัจจุบันที่ไม่เป็นสองรองใคร โดดเด่นด้วยรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวและกระจังหน้าที่ให้ความรู้สึกดุดันทรงพลังตามสไตล์ AMG มาพร้อมการทำงานของระบบอากาศพลศาสตร์ที่มีประสิทธิภาพ ผ่านการทดสอบในอุโมงค์ลมมานับครั้งไม่ถ้วนจนกระทั่งได้การไหลเวียนของอากาศที่สมบูรณ์แบบที่สุด

นอกจากงานดีไซน์ภายนอกที่ลงตัว งานออกแบบภายในของ Mercedes-AMG GT R ก็สวยงามไม่แพ้กัน เพราะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนที่ชื่นชอบรถยนต์สมรรถนะสูงโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นห้องโดยสารที่ได้รับอิทธิพลมาจากรถแข่ง รวมถึงเบาะโดยสารสไตล์สปอร์ตที่ออกแบบมาให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับตัวรถระหว่างขับขี่

Mercedes-AMG GT R

ทางด้านขุมพลัง Mercedes-AMG GT R มาพร้อมกับเครื่องยนต์เทอร์โบคู่ AMG V8 ขนาด 4.0 ลิตรที่ให้พลัง 585 แรงม้าพร้อมแรงบิดที่ 700 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับชุดเกียร์ AMG SpeedShift DCT 7-Speed ทั้งหมดส่งให้รถสปอร์ต 2 ที่นั่งคันนี้สามารถทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 3.6 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 318 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ประสิทธิภาพบนถนนของ Mercedes-AMG GT R ถูกพิสูจน์ด้วยการทำสถิติเวลาต่อรอบในเส้นทาง Green Hell ของ Nürburgring สนามแข่งรถสุดท้าทายที่มีความยาวต่อรอบ 20.83 กิโลเมตรและโค้งที่ท้าทายกว่า 70 โค้ง โดย Mercedes-AMG GT R สี AMG green hell magno (สีเฉพาะรุ่น GT R) สามารถทำเวลาต่อรอบได้เพียง 7 นาที 10.9 วินาทีเท่านั้น และการโชว์สมรรถนะในครั้งนั้นยังทำให้ Mercedes-AMG GT R ได้รับฉายา “Beast of the Green Hell” มาครอบครองในเวลาต่อมา

Mercedes-AMG GT R


 

รถยนต์ 2 คันสุดท้ายของ “GT Family” ที่เราอยากแนะนำยังคงเป็นยนตรกรรมที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของรถแข่ง แต่ถูกพัฒนาและนำเสนอให้สอดคล้องกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น โดยยนตรกรรมทั้ง 2 คันคือ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe

Mercedes-AMG GT 4-Door Coupe

ต้องบอกเลยว่า Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe คือผลลัพธ์ของการผสานรวมระหว่างรถสปอร์ตที่ทรงพลังกับรถยนต์สี่ประตูที่หรูหรา ใช้งานประจำวันได้ครอบคลุมมากขึ้น แต่ยังคงตอบสนองการขับขี่ที่ต้องการความเร็วได้แบบทันท่วงที

ทั้ง 2 คันเปิดตัวมาในฐานะ Mercedes-AMG GT 4-Door Coupe ซึ่งโชว์ให้เห็นงานออกแบบที่ลงตัวของรถยนต์ 4 ประตูที่มีกลิ่นอายสปอร์ตอยู่ทั่วทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่ออกแบบในสไตล์ AMG และรูปทรงคูเป้ที่เป็นเอกลักษณ์

Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe

นอกจากนี้ Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe และ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe ยังมาพร้อมห้องโดยสารที่หรูหราและครบครันด้วยฟังก์ชันทันสมัย เพิ่มอารมณ์สปอร์ตด้วยพวงมาลัย AMG และจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว ชุดเบาะโดยสารมีให้เลือกปรับแต่งได้ตามความชอบไม่ว่าจะเป็นเบาะหนัง Exclusive Nappa หรือเบาะ AMG Performance พร้อมพื้นที่แถวหลังที่กว้างขวางและสะดวกสบายไม่ต่างจากรถยนต์ซีดาน

เรื่องของขุมพลัง Mercedes-AMG GT 53 4MATIC+ 4-Door Coupe มาในเครื่องยนต์ 6 สูบขนาด 3.0 ลิตรให้พลัง 435 แรงม้าและแรงบิดที่ 520 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับชุดเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-speed ทำให้รถคันนี้มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลา 4.5 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 285 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ในขณะที่ Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe มากับเครื่องยนต์ AMG V8 ขนาด 4.0 ลิตร Bi-turbo ส่งกำลังผ่านชุดเกียร์ AMG SPEEDSHIFT MCT 9-speed ที่ให้พลังถึง 639 แรงม้าและแรงบิดที่ 900 นิวตันเมตร โดยมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงเพียง  3.2 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 315 กิโลเมตร/ ชั่วโมง

Mercedes-AMG GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe

ไม่เพียงแค่รูปลักษณ์ที่สวยงามและสมรรถนะบนท้องถนนที่แรงแบบหาตัวจับได้ยากที่ผ่านขั้นตอนการสร้างมาอย่างพิถีพิถัน เพราะรถยนต์ Mercedes-AMG “GT Family” ในรุ่น GT R, GT C Roadster และ GT 63 S 4MATIC+ 4-Door Coupe ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถปรับแต่งรถของตัวเองได้อย่างอิสระด้วยแพ็กเกจปรับแต่งทั้งภายนอกและภายในตัวรถเพื่อสร้างรถยนต์คู่ใจที่ไม่เหมือนใครขึ้นมา


จากเรื่องราวทั้งหมด หลายคนคงทราบเหตุผลแล้วว่าทำไมรถยนต์ใน “GT Family” ถึงเป็นรถยนต์สมรรถนะสูงที่ควรค่ากับการครอบครอง เพราะรถทุกคันล้วนถูกสร้างขึ้นมาแบบใส่ใจในทุกรายละเอียดและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของมอเตอร์สปอร์ต

สำหรับใครที่สนใจอยากทำความรู้จักกับรถยนต์ใน Mercedes-AMG “GT Family” ให้ดีขึ้น สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และติดต่อทดลองขับเพื่อสัมผัสอารมณ์การขับขี่ที่ทรงพลังด้วยตัวเองได้ที่ www.mercedes-benz.co.th หรือตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Mercedes-AMG ใกล้บ้าน

อย่าลืมมาพิสูจน์ไปพร้อมกันว่ายนตรกรรมที่อัดแน่นไปด้วยสมรรถนะของรถแข่งเหล่านี้ จะตอบสนองการขับขี่ของผู้ชายที่หลงใหลความเร็วอย่างพวกเราได้ยอดเยี่ยมแค่ไหน

 

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line