CARS

ลุยฝนอย่างปลอดภัย !! MICHELIN ENERGY XM2+ เบรคสั้น ทันใจ จะรถเล็กรถใหญ่ ต้องใช้ยางที่มั่นใจไม่แพ้กัน

By: NTman August 1, 2019

ผู้ขับขี่รถยนต์โดยทั่วไป ส่วนใหญ่มักจะเทความสนใจให้กับรูปโฉมที่เตะตา แรงม้าที่สะใจ กับฟังก์ชันอำนวยความสะดวกทั้งหลาย แค่ชอบก็ยอมจ่ายแบบไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังใด ๆ ทั้งที่หลายต่อหลายกรณีในวินาทีแห่งความเป็นความตาย ระยะเบรกที่มั่นใจ รวมถึงประสิทธิภาพการเกาะถนนของยางเส้นน้อย ๆ ทั้ง 4 เส้นนี่แหละคือสิ่งที่ช่วยกู้วิกฤติจากหนักเป็นเบา เปลี่ยนความสูญเสียให้กลายเป็นความปลอดภัยมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน

ยืนยันได้จากสถิติอุบัติเหตุบนท้องถนนของกระทวงคมนาคมประเทศสหรัฐอเมริกาที่ระบุว่าต้นตอการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากความบกพร่องของยานพาหนะ (ไม่นับเรื่องการขับขี่โดยประมาท, เมาแล้วขับ หรือสาเหตุอื่น ๆ) นั้นมีสาเหตุหลักมาจากปัญหาของล้อ และยาง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจากยางระเบิด หรือรถเสียหลักลื่นไถลบนถนนเปียกเนื่องจากดอกยางสึก แซงหน้าปัญหาระบบเบรค ระบบเครื่องยนต์ พวงมาลัย ไฟสัญญาณ ไปแบบไม่เห็นฝุ่น (SOURCE: 1/2)

รู้แบบนี้แล้วชาว UNLOCKMEN ทั้งหลายก็ควรหันมาใส่ใจยางรถยนต์กันสักหน่อย ยิ่งอากาศในบ้านเราร้อนอยู่ดี ๆ ก็มีฝนกระหน่ำเข้ามาซะอย่างนั้น เป็นแบบนี้สลับไปมาตลอดทั้งปี ทำให้ยิ่งต้องเตรียมพร้อมหมั่นตรวจดูสภาพยางอย่างสม่ำเสมอ ก่อนออกเดินทางแนะนำให้ดูสักหน่อยว่า แก้มยางไม่บวม ไม่มีรอยแตก เช็คลมยางให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน หากใครที่ยางหมดดอกไปแล้วขอบอกว่าได้เวลาเปลี่ยนยางกันเสียที งานนี้ไม่ควรฝืนสวมบทนายประหยัดใช้ต่อ เพราะค่ายางที่ประหยัดไปยังไงมันก็ไม่คุ้มกับชีวิตเราแน่ ๆ

ส่วนใครที่ได้ฤกษ์เปลี่ยนยางใหม่ แต่ยังหายางรถยนต์รุ่นเหมาะ ๆ ไม่ได้ วันนี้เรามียางคุณภาพดี ราคาคุ้มค่าโดนใจมาแนะนำกันอีกครา หลังจากที่เคยแนะนำ MICHELIN Primacy 4 ยางหนึบคุ้มนุ่มเงียบสำหรับรถกลุ่ม C-Segment กันไปแล้ว คราวนี้เราจะมาเอาใจหนุ่ม ๆ สายรถเล็ก และสาย Eco Car รวมถึงผู้ที่เน้นความคล่องตัวสำหรับการขับขี่ในเมืองด้วยรถยนต์ขนาดเล็กในกลุ่ม B-Segment กับ MICHELIN Energy XM2+ (มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม ทู พลัส) ที่มีคุณสมบัติจี๊ดไม่แพ้รุ่นใหญ่

ด้วยชื่อเสียงประสบการณ์ของมิชลินที่สั่งสมมายาวนานกว่า 130 ปี ทุกวันนี้คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่าหันไปทางไหนจะพบว่าใคร ๆ ต่างก็ใช้ยางมิชลิน กับความเชื่อมั่นในแนวคิด ‘แม้เวลาเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน’ (Performance Made to Last) ซึ่งแน่นอนว่ามันคือปรัชญาที่เป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนายาง MICHELIN Energy XM2+ (มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม ทู พลัส) ขึ้นมาเช่นเดียวกัน

โดยจุดเด่นที่ทำให้ MICHELIN Energy XM2+ (มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม ทู พลัส) นั้นเป็นยางรถยนต์ที่เราภูมิใจนำเสนอ นั่นเป็นเพราะคุณสมบัติที่ให้ทั้งความปลอดภัย มั่นใจด้วยระยะเบรคที่สั้น รวมถึงนุ่มเงียบขับสบายสไตล์ยางมิชลิน มั่นใจทุกช่วงเวลาด้วยพลังเบรกที่คงประสิทธิภาพได้ยาวนานนับตั้งแต่เปลี่ยนยางใหม่ผ่านการใช้งานไปจนยางใกล้หมดดอกครบเวลาเปลี่ยนยางรอบถัดไป (ความลึกดอกยางเหลือประมาณ 2 มิลลิเมตร)

ซึ่งประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนของยาง MICHELIN Energy XM2+ (มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม ทู พลัส) ที่เคลมว่าคงความหนึบได้ยาวนานนับตั้งแต่เริ่มใช้งานไปจนถึงเวลาเปลี่ยนยางรอบถัดไปนั้น ได้ผ่านการทดสอบยืนยันว่าหนึบนานหนึบจริง โดยสถาบัน ทียูวี ไรน์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด (TUV Rheinland Thailand) ที่นำเอายาง MICHELIN Energy XM2+ (มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม ทู พลัส) ทั้งที่เป็นยางใหม่ และแบบที่ใกล้หมดดอก มาทดสอบเปรียบเทียบระยะเบรกกับยางรถยนต์จากแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน (ทดสอบที่จังหวัดชลบุรี บนถนนเปียกด้วยความเร็ว 80-0 กม./ชม. ด้วยรถ TOYOTA Altis ที่ติดตั้งยางขนาด 205/55R16 เปรียบเทียบระหว่างยาง MICHELIN Energy XM2+ และยางจากแบรนด์นำอื่น ๆ ทั้งสภาพยางใหม่ และยางใกล้หมดดอก)

โดยผลทดสอบที่ออกมาปรากฏว่ายาง MICHELIN Energy XM2+ (มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม ทู พลัส) ที่เป็นยางใหม่สามารถทำระยะเบรกได้สั้นกว่าค่าเฉลี่ยของแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ อยู่ประมาณ 1.5 เมตร และในสภาพยางใกล้หมดดอก ก็ยังคงความหนึบโดยให้ระยะเบรกสั้นกว่าค่าเฉลี่ยของยางแบรนด์อื่น ๆ ถึง 2.6 เมตร

และคุณสมบัติเจ๋ง ๆ เหล่านี้คือผลพวงจากเทคโนยีการผลิตขั้นสูงที่ยากจะเลียนแบบ ซึ่งนำมาใช้ในการผลิต MICHELIN Energy XM2+ (มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม ทู พลัส) ที่มีเนื้อยาง Full-silica compound สูตรเฉพาะของมิชลินซึ่งพัฒนาให้โพลีเมอร์ของยาง และโมเลกุลของซิลิก้าผสมผสานกันได้อย่างลงตัวเป็นเนื้อเดียว ช่วยเสริมความแข็งแกร่งใช้งานได้ยาวนานกว่า และมีความยืดหยุ่นสูงยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ MICHELIN Energy XM2+ (มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม ทู พลัส) ยังได้เพิ่มสมรรถนะการขับขี่บนพื้นเปียกได้อย่างมั่นใจและยาวนานตลอดอายุการใช้งานด้วยร่องรีดน้ำขนาดใหญ่บนหน้ายาง และดอกยางที่ลึกแม้ใกล้หมดดอกก็ยังชัดเจน ไม่ย้วย ไม่สึกเร็ว อีกทั้งยังมีลายดอกยางที่ออกแบบมาเพื่อลดเสียงรบกวน รวมถึงโครงสร้างยางที่แข็งแรงแต่ไม่แข็งกระด้าง กระจายแรงกดได้สม่ำเสมอ ช่วยให้ขับขี่ได้นุ่มเงียบกว่าที่เคย เรียกได้ว่าเปลี่ยนยางไปแล้ว ได้อารมณ์เหมือนได้รถคันใหม่จากโชว์รูมกันเลยทีเดียว

สำหรับใครที่เริ่มหันมาเห็นความสำคัญของยาง และอยากอัพเกรดการขับขี่ที่ปลอดภัยนุ่มเงียบให้กับรถยนต์คันเก่ง  แนะนำให้รีบไปสัมผัสความมั่นใจทุกเวลาด้วยพลังเบรคของ MICHELIN Energy XM2+ (มิชลิน เอนเนอร์จี เอ็กซ์เอ็ม ทู พลัส) ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านยางใกล้บ้าน และขอย้ำอีกทีว่ารุ่นนี้เหมาะมากกับรถ Eco Car รถยนต์นั่งขนาดเล็ก ไม่ว่าจะ Toyota Altis, Honda City, Honda Jazz, Toyota Ative, Toyota Vios, Mazda 2, Mitsubishi Attrage, Suzuki swift และอื่น ๆ อีกมากมาย มีให้เลือกตั้งแต่ขอบ 14″ ไปจนถึงขอบ 16″  รวมแล้วทั้งสิ้น 24 ขนาด ในราคาเริ่มต้นเส้นละ 2,290 บาท เท่านั้น งานนี้ยางใครเริ่มออกอาการงอแงรีบไปจัดได้ด่วน ๆ หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: http://bit.ly/2Y3MVM6

NTman
WRITER: NTman
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line