CARS

MIKE HORN นักผจญภัยผู้พิชิตทวีป ANTARCTICA หน้าหนาวอันโหดร้ายแบบฉายเดี่ยวใน 57 วัน

By: Chaipohn April 25, 2018

อากาศหนาวที่สุดเท่าที่คุณเคยเจอคือกี่องศา? ถ้าเป็นประเทศท่องเที่ยวช่วงหน้าหนาว ช่วงพีคสุดก็น่าจะหล่นไปอยู่แถว -3 หรือ -5 celsius ในบางเวลา เมื่อรู้สึกว่าทนไม่ได้ แค่กระโดดขึ้นรถ วิ่งหนีเข้าโรงแรมหรือร้านค้าไม่กี่ก้าว ก็จะเจอ Heater ที่สร้างความอบอุ่นให้ร่างกายกลับมาอยู่ในอุณหภูมิปกติได้สบาย ๆ แต่ลองจินตนาการถึงความโหดร้ายของหน้าหนาวในทวีป Antarctica ดินแดนน้ำแข็งแห่ง South Pole ที่ได้ชื่อว่าหนาวที่สุด ร้างแร้งที่สุด ลมแรงโหดร้ายที่สุดของโลก ได้ฉายาว่าเป็น “ทวีปสีขาว” (White Continent)

ด้วยอุณหภูมิเฉลี่ยช่วงหน้าหนาวที่ต่ำถึง -49 celsius (เคยหนาวที่สุดถึง -90 celsius ในหน้าหนาวปี 1983) มีแสงแดดวันละ 3 ชั่วโมง ด้วยอากาศที่โหดร้ายขนาดนี้ จึงไม่มีผู้คนตั้งรกรากอาศัยอยู่ที่นั่น นอกจากสถานีวิจัยราว 40 แห่ง กับเพนกวิน แมวน้ำ และสาหร่าย ใช้ชีวิตอยู่บนพื้นกว้างใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก แต่ในสภาพอากาศที่โหดร้าย ห่างไกลจากผู้คน Antarctica จึงมีความสมบูรณ์ที่สวยงามมาก กลายเป็นเสน่ห์ที่นักผจญภัยหลายคนต่างหลงใหลอยากไปพิชิตทวีปนี้ให้โลกได้จารึกไว้สักครั้งในชีวิต

มีชื่อของนักผจญภัยมากมายที่อยากเคยย่างเท้าเข้าไปลุยทวีป Antarctica ในช่วงฤดูหนาวที่ทวีความรุนแรงมาแล้วบ้าง เช่น Dr. Vivian Fuchs ในปี 1958 ซึ่งวางแผนเป็นปี ๆ ใช้จำนวนคนมหาศาล และใช้เวลานานถึง 99 วันในการข้ามดินแดนสีขาว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ทำสำเร็จ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2013  Sir Ranulph Fiennes นักผจญภัยชื่อดังชาวอังกฤษ ต้องหยุดความพยายามเอาไว้กลางคัน ด้วยอาการบาดเจ็บจาก frostbite ทั้ง ๆ ที่เคยพิชิตมันมาได้แล้วในอดีต มันจึงเป็นทวีปที่ยากจะคาดเดา เพราะนอกจากความอึด ความถึก ความพร้อมของร่างกายและจิตใจ คนที่จะพร้อมลุยทวีปสีขาวแห่งนี้ ยังต้องมีการวางแผนเพื่อรับมืออากาศแปรปรวนด้วย

Survive the Antarctic

แต่เมื่อไม่นานมานี้ วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2017 ได้ปรากฎชื่อของ Mike Horn นักผจญภัยมืออาชีพในวัย 50 ปี ผู้สามารถพิชิตการลุยข้ามทวีป Antarctica ด้วยระยะเวลาที่สั้นเป็นสถิติโลกเพียงแค่ 57 วัน ที่สำคัญคือเป็นการลุยพิชิตอากาศหนาวอันโหดร้ายแบบ solo ด้วยตัวคนเดียว ไม่มียานพาหนะ ไม่มีสุนัขลากเลื่อน มีเพียงสกีสำหรับเดินทางใน Antarctic พร้อมสัมภาระที่มีน้ำหนักเกือบ 200 กิโลกรัม บรรจุสิ่งจำเป็นเพื่อดำรงชีวิตสู้อากาศดินแดนหิมะในฤดูหนาวที่ลดต่ำเหลือ -40 Celsius ลมแรง  300 kilometers/hr โดยไม่มีความช่วยเหลือใด ๆ ในการเดินทางวันละ 14 ชั่วโมง

แค่เริ่มก็โหดแล้ว เพราะ Mission ที่ Mike กำลังทำอยู่ ไม่ใช่การพิชิตทวีป Antarctica เท่านั้น แต่ Antarctica เป็นเพียงทางผ่านหนึ่งในโปรเจค Pole2Pole การผจญภัยพิชิตรอบโลกผ่านทางแผ่นดินและทะเล ซึ่งจากเส้นทางก่อนจะมาถึง South Pole นั้น Mike ไม่ใช่แค่นั่งเครื่องบินมาลงที่ Antarctica แล้วค่อยเริ่มต้น แต่เป็นการล่องเรือใบมาจาก Cape Town, South Africa กินเวลา 25 วันผ่านก้อนน้ำแข็งมากมายคอยขวางทาง กว่าจะถึงทวีปสีขาวซึ่งกินเวลากว่าที่แพลนไปหลายวัน

ถึงฝั่งแล้วก็ใช่ว่าจะสบาย เพราะ Mike ต้องลากสัมภาระหนัก 200 กิโลกรัม ปีนภูเขาน้ำแข็งเป็นเวลา 11 วันเพื่อเข้าถึง Polar Plateau พื้นที่ราบเรียบของทวีป Antarctic ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ Mike ต้องเร่งมือแข่งกับเวลาเพื่อชดเชยก่อนที่อากาศจะเลวร้ายไปกว่านี้ โชคดีที่ Mike สามารถใช้ประโยชน์จากลมที่พัดแรง โดยการใช้ Snowkiting เร่งความเร็วในการเดินทางด้วยสกีได้พอสมควร แน่นอนว่ามีอุปสรรคเกิดขึ้นมากมาย เช่น สกีหัก แต่ก็มีการเตรียมสกีสำรองเอาไว้แล้ว หรืออุปกรณ์ทำอาหารหล่นหาย Mike ก็พลิกแพลงเอาตัวรอดได้

หลังจากผ่านไป 56 วันกับอีก 22 ชั่วโมง Mike ก็ปรากฎตัวที่ Dumont d’Urville station สถานีวิจัยของฝรั่งเศส ทางใต้ของ Antarctica ซึ่งหมายความว่าเค้าสามารถพิชิตความโหดร้ายของทวีปแห่งนี้เป็นระยะทาง 5,100 Km ได้สำเร็จ

 

The Inspiration

Mike พูดถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้การผจญภัยของเค้าเป็นจริงได้ นั่นคือการอยู่กับ Mindset ที่ดี เมื่อเราเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเองอย่างถึงที่สุด พยายามมุ่งไปข้างหน้าโดยไม่กลัวอุปสรรคใด ๆ ไม่กลัวว่าจะพลาด แม้บางช่วยเราอาจจะรู้สึกหมดหวัง อยากเลิก เราต้องรีบเอาตัวเองออกจากอารมณ์นั้นให้ได้ การทุ่มเทให้สุดทาง มันช่วยให้เราทำได้ทุกอย่างเท่าที่มนุษย์จะจินตนาการได้

เส้นทางการจญภัยของ Mike ยังไม่จบเพียงเท่านี้  เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของเขาไม่ใช่แค่การผจญภัยรอบโลกแบบ Pole2Pole แต่เป็นการเรียนรู้และพบเจอกับสิ่งใหม่ๆ ต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสวยงามและเงียบสงบของธรรมชาติที่ Mike ต้องการสร้างและกระตุ้นให้คนหันมาสนใจและใส่ใจกันมากขึ้น  ทำให้เขาเลือกเส้นทางผ่านทะเล Pacific Ocean สู่ทวีป Asia ทะลุผ่าน New Zealand และ Australia ผ่าน Papua New Guinea โดยสำหรับการเดินทางบนภาคพื้นดิน Mike เลือกใช้รถยนต์ Mercedes-Benz G-Class ที่เขาเป็น Global Brand Ambassador ในการพิชิตการเดินทางรอบโลก ใช้ขับลุยผ่านป่าที่เก่าแก่ที่สุดของโลก สลับล่องเรือเพื่อไปโผล่คาบสมุทรคัมชัตคา (Kamchatka Peninsula) ของประเทศรัสเซีย และโค้งกลับไปที่ North Pole เพื่อพิชิตทวีป Arctic ผ่านไปทะลุ Greenland สู่จุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งนี้ที่ Monaco ก็จะถือว่าเดินทางครบรอบโลกตามที่ตั้งใจไว้

Mike เป็นนักผจญภัยมืออาชีพ ที่ต้องสูญเสียภรรยาไปด้วยโรคมะเร็งเต้านม Mike และลูกสาวอีก 2 คนจึงตัดสินใจจะใช้ชีวิตให้เต็มที่ ด้วยความสามารถของ Mike ผู้เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติของนักผจญภัยที่มีครบทั้ง ทัศนคติในการใช้ชีวิต ความมุ่งมั่น ความสามารถ ความเฉลียวฉลาด เป็นเสมือนน้ำมันที่ช่วยหล่อเลี้ยงและขับเคลื่อน “ร่างกาย” ที่เปรียบได้กับรถยนต์ให้เคลื่อนที่ไปตามที่ใจต้องการ เหมาะสมกับตำแหน่ง Global Brand Ambassador ของ Mercedes-Benz มานานกว่า 17 ปี 

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line