Entertainment

เที่ยวคนเดียวไม่ยาก ถ้าเธอคนนี้ทำได้ “มิ้นท์ I Roam Alone”

By: unlockmen November 20, 2015

ปัจจุบันนี้การท่องเที่ยวกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของใครหลายๆ คนไปแล้ว เรียกว่ามีเวลาว่างกันเมื่อไร เสาร์-อาทิตย์ ก็จะต้องรีบหาเวลาไปเที่ยว ไม่ว่าจะไปใกล้หรือไกล ก็ขอให้ได้ไปเพื่อเติมเชื้อเพลิงให้ลุกโชน แล้วกลับมาลุยงานกันต่อในเช้าวันจันทร์ แต่ก็ยังมีผู้คนอีกมากที่ไม่กล้าจะก้าวออกจาก Comfort Zone ได้แต่นั่งอ่านกระทู้รีวิวการท่องเที่ยว เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อม และไม่มีเวลาในการออกไปเที่ยวมากพอ ลองลืมเรื่องของเวลาไปบ้าง แล้วมาอ่านความคิดของผู้หญิงคนนี้ “มิ้นท์ – มณฑล กสานติกุล”

“มิ้นท์ – มณฑล กสานติกุล” หรือ มิ้นท์ I Roam Alone เธอเป็นเจ้าของเพจ และบล็อกท่องเที่ยวนามว่า I Roam Alone นอกจากนี้เธอยังออกหนังสือท่องเที่ยวมาแล้วถึงสองเล่ม คือ I ROAM ALONE THAI – SIBERIA issue และล่าสุด I ROAM ALONE — TREKKING THROUGH SOUTH AMERICA เธอเป็นสาวสวยหน้าหวานวัย 20 กลางๆ ที่เที่ยวมาแล้วกว่า 80 ประเทศทั่วโลก อะไรกันที่ขับเคลื่อนตัวเธอให้ออกเดินทางได้มากขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เธอพร่ำบอกเสมอว่าตัวเองเป็นคนขี้กลัว แต่ทำไมเธอถึงกล้าออกไปผจญโลกใบใหญ่เพียงคนเดียว อ่านบทสัมภาษณ์นี้จบคุณอาจจะอยากจองตั๋วเครื่องบินบินไปเที่ยวตามเธอก็ได้ แล้วคุณจะรู้ว่าการเดินทางให้อะไรกับคุณมากพอที่จะเปลี่ยนตัวคุณได้เลยล่ะ

151120-mint-4

ปัจจุบันมิ้นท์ทำอะไรอยู่ อัพเดทให้ชาว UNLOCKMEN ฟังหน่อย

มิ้นท์เป็นฟรีแลนซ์ด้านการเดินทางค่ะ ก็คือรับจ้างเที่ยว (หัวเราะ) แล้วก็จะมีรับงานโปรดักช์ต่างๆ ก็แล้วแต่เรา แต่ก็จะเลือกนิดนึง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นงาน Event เป็นงานของผู้หญิง แบบงานพลังของผู้หญิง ก็จะรับงานเป็นแนวนั้น แล้วก็เขียนหนังสืออยู่ค่ะ

ก็คือเที่ยวอย่างเดียวเลย

ใช่ๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางและการสร้างแรงบันดาลใจ ก็จะมีไปพูดให้น้องๆ ที่มหาลัยฟังบ้าง

151120-mint-3

จุดเริ่มต้นในการเดินทางของมิ้นท์มันมาจากอะไร

จริงๆ มันเกิดขึ้นหลังจากเดินทางมาแล้วเป็นปีเหมือนกันนะที่เรารู้ว่าเป็นตัวตนของเรา และหลังจากนั้นก็รู้สึกว่าเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ตัวมิ้นท์กับการเดินทางมันแยกจากกันไม่ได้แล้ว มันคือสิ่งเดียวกันไปแล้ว อย่างหลายๆ คนเขามีวิธีการทำให้ตัวเองสงบ ด้วยการเข้าวัด หรืออ่านหนังสือ แต่ของมิ้นท์คือการเดินทาง จำได้เลยตอนก่อนบินไปอินโดนีเซีย จะมีความรู้สึกว่าใจไม่นิ่งอะ เป็นอะไรนะ เป็นอะไรกันแน่ คิดๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมเรารู้สึกไม่นิ่ง ตอนนั้นนั่งอยู่ที่แอร์พอร์ต กลับบ้านดีไหมเนี่ย ไม่ไปดีไหม นั่งคิดอย่างนั้นคือเราไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดไรขึ้น เราก็ช่างมันเอาวะ แล้วก็ไป จำได้ว่าพอไปถึงก็ยังไม่โอเค เข้าพักคืนแรกก็ยังรู้สึกไม่โอเค แล้ววันที่สอง ก็ต้องนั่งรถตู้แบบงงๆ ขึ้นเขาไรงี้ จังหวะที่นั่งไปนั้นแบบไปแล้วข้างทางเขามีควันอะไรอย่างงี้ ข้างทางเขาเผาป่ากัน ใจนิ่งเลย รู้สึกถึงความสุข นี่คือการเข้าสู่พื้นที่ฉันวางใจนี่หว่า

151120-mint-2

ที่แรกที่ไปลุยเดี่ยวด้วยตัวเองเลยคือที่ไหน

อะซอเรส ประเทศโปรตุเกส ที่เดินทางคนเดียวนะ ก่อนหน้านั้นก็มีเดินทางแบบแม่ส่งไปซัมเมอร์ แล้วก็เดินทางกับเพื่อนมาตลอดอยู่แล้วค่ะ

การเดินทางคนเดียวครั้งแรกต้องมีความพร้อมมากแค่ไหน 

ครั้งแรกไปด้วยความบ้า เพราะเรายังไม่รู้ว่าเราจะเจอไรบ้าง เราคิดว่าเราโอเค เก่งแล้ว ก็ค่อนข้างพังกลับมา ช็อคไปเลย เป็นครั้งแรกที่เห็นด้านที่ไม่ค่อยสวยงามของการเดินทาง ซึ่งจริงๆ ก็ดี เพราะมันทำให้รู้ว่าจริงๆ แล้วเรารักการเดินทางขนาดนั้นหรือเปล่า ที่จะรับทั้งด้านทดีแล้วก็ด้านไม่ดีของมัน ตอนนั้นก็นิ่งไปเลย 4 เดือน ช็อคอยู่ ช็อค แล้วก็คิดว่าเอาอีกรอบ  เห้ย เราต้องให้โอกาสมันนะ ก็เลยเดินทางคนเดียวอีกครั้งนึง ครั้งที่สองไปที่บอสเนีย โครเอเซีย และก็ มอนเตเนโกร ครั้งนี้ก็วางแผนนิดนึงเตรียมตัว เพราะรู้แล้วว่าเราสามารถเจออะไรได้บ้าง แล้วเราก็โชคดีขึ้นนะ เป็นทริปที่สนุกมาก หลังจากนั้นก็เริ่มรู้สึกว่าเป็นวิถีการเดินทางที่เราชอบ คือมิ้นท์จะไม่ได้บอกว่านี่คือวิธีการเดินทางที่ดีที่สุด หรืออะไรก็แล้วแต่ มันแล้วแต่คนจริงๆ แต่นี่คือวิถีที่มิ้นท์ชอบ ก็เลยเป็นแบบนั้นมาตลอด

151120-mint-5

แล้วไปเจออะไรมาถึงทำให้รู้สึกเป็นแบบนั้น

รู้สึกว่าพออยู่คนเดียวแล้วมันคือการที่เราเอาตัวเองไปอยู่ในมือของคนแปลกหน้าเลย เป็นเรื่องมนุษย์กับมนุษย์เลยจริงๆ อะ คือเราไม่มีแบ็คอัพ ไม่มีเพื่อนที่จะช่วยเรา เราไม่มีพื้นที่วางใจเป็นของเราละ เราต้องวางใจในโลกใบนี้

ต้องวัดกันเลยว่าโลกนี้จะเป็นอย่างไร

ใช่ๆ และสิ่งที่ได้กลับมาก็คือน้ำใจที่มันมีจากคนทั่วไปอะ มิ้นท์จะพูดเสมอว่าจริงๆ สิ่งที่มิ้นท์ตามหาจากการเดินทางก็คือน้ำใจของมนุษย์อะ ที่มันมาเติมตัวเรา

ความยากในการเดินทางไปเที่ยวคนเดียวของสาวสวยอย่างมิ้นท์คืออะไร

ไม่ยากหรอก บางคนนึกว่าพอแบบการเป็น backpacker ผู้หญิงต้องเป็นแบบที่ถนนข้าวสารอะ หัวยุ่งๆ ไรงี้ อาบน้ำบ้างไหมเนี่ย (หัวเราะ) ดูน่ากลัว ซึ่งจริงๆไม่จำเป็นมันไม่ต้องอะ เป็นแบบนี้ก็ไปได้นะ

151120-mint-7

ห่วงสวยไหม

ทิ้งไปหมดแล้ว ( หัวเราะ ) ได้ความมั่นใจกลับมาแทน เพราะจริงๆ มิ้นท์ว่าความสวยมันมาจากความมั่นใจแหละ แต่แรกๆ จะมีกังวล เพราะเราต้องหนีบผมทุกวัน เพราะถ้าไม่หนีบผมเรากลัวว่าเราจะไม่สวย ต้องแบบทำผมหนีบผม จะต้องมีเครื่องสำอางไป ต้องแต่งหน้าคือแบบขนาดเดินทางคนเดียวนะ คือเราก็จะมีกระเป๋าใบเล็กๆ พกของพวกนี้ไปด้วยขาดไม่ได้

ทุกวันนี้ยังพกเครื่องสำอางไปอยู่หรือเปล่า

แล้วแต่ คือมิ้นท์จะไม่ค่อยซีเรียสอะ แต่พกไปนะในกระเป๋าใบใหญ่ เพราะรู้สึกแบบวันไหนที่เรารู้สึกเหมือนอยากออกเดท หรืออยากจะรู้สึกสวยบ้าง เราก็จะเต็มที่กับมัน ตอนนั้นพอยิ่งเดินทางเยอะขึ้นเรื่อยๆ เราก็จะเริ่มทิ้งอะไรพวกนี้ไปเยอะ บางทีมิ้นท์ไปเดินป่า 8 วันไม่ได้อาบน้ำเลยก็มี ก็ไม่ได้แคร์ว่าผมฉันจะต้องสวยต้องอะไรอีกแล้ว คือมันหลุดไปแล้ว ก็เหมือนการเดินทางมันทำให้เราเป็นผู้หญิงที่เต็มขึ้นมั้งก็เลยมั่นใจว่าสวยไม่สวยคืออะไร ทุกคนก็สวยหมด มิ้นท์ว่าจะสวยไม่สวยอยู่ที่ความั่นใจนะ ก็ความสวยมันคือความแตกต่างป่ะ เพราะถ้าทุกคนหน้าเหมือนกันหมดมันก็จะไม่มีความสวยกลายเป็นความธรรมดามันเท่านั้นเอง ยิ่งเดินทางมากเราก็จะเห็นความสวยที่หลากหลายมาก จนเรารู้ว่าจริงๆทุกคนก็สวยหมดแต่ว่าจะขึ้นอยู่กับบริบทไหนก็เท่านั้น

151120-mint-8

กล้าไปเดินทางคนเดียวขนาดนี้ แสดงว่าเป็นคนไม่กลัวอะไรเลย ลุยสุดๆ

เป็นคนขี้กลัวมากจริงๆ ตั้งแต่เด็ก เป็นคนขี้กลัวเพราะที่บ้านเลี้ยงแบบไข่ในหิน เป็นลูกคนเดียว กลัวความมืด กลัวที่แคบ กลัวความสูง กลัวผี กลัวผลไม้ กลัวคนแปลกหน้า สมัยก่อนก็เป็นคนไม่คุยกับใครเลย  นั่งในห้องเรียน ไม่คุยกับเพื่อนข้างๆ จนเพื่อนย้ายที่หนีแล้วเราก็นั่งคนเดียว เพราะเราไม่คุย เราเป็นคนไม่เข้าหาคนอื่นก่อนเลย ก็เป็นแบบนี้ แต่เหมือนด้วยความที่เราเดินทางใช่ไหม เราชอบอะ เราจะให้ความกลัวมาหยุดเราหรอ และที่บ้าไปกว่านั้น ก็คืออะไรยิ่งกลัวยิ่งทำ เพราะเรารู้สึกว่านี่คือวิธีการเติบโตที่ดีที่สุดสำหรับมิ้นท์นะ มันเป็นการขยายขอบเขตการใช้ชีวิตของเราออกไปเรื่อยๆ ด้วยการเอาชนะความกลัวของเราในทุกๆ วัน คือตอนนี้ยิ่งหนักเลยคือกลัวอะไรก็ยิ่งทำ

มีคำนิยามในสไตล์ของตัวเองไหม ตอนนี้ชีวิตมิ้นท์เป็นแบบไหน 

มิ้นท์เหรอ ณ ตอนนี้รู้สึกว่าฉันเป็นจิ๊กซอว์ที่เต็มแล้ว (หัวเราะ) เหมือนตั้งแต่เด็กๆ มันจะกระจัดกระจาย เราไม่รู้ว่าเราคือใคร ไม่รู้ว่าภาพของเราเป็นยังไง มันกระจายไปทั่ว เราก็ต่อๆ ต่อจนมั่วไปหมด แล้วตัวตนของเราคืออะไรกันแน่ เราเป็นใคร เราว่าทุกคนน่าจะเป็นเหมือนกันหมด แต่ตอนนี้เต็มแล้ว ก็เลยรู้สึกนิ่งดีไม่ค่อยรู้สึกสะเทือนสะท้านกับอะไรเท่าไรเพราะการเดินทางมันทำให้เรารู้จักตัวเอง เวลายิ่งเดินทางคนเดียวอะ มันจะมีเวลาคุยกับตัวเองเยอะอยุ่แล้ว เราได้ทำกิจกรรมเฉพาะที่เราชอบจริงๆ จะไม่มีคนมาแบบเห้ยมึงมากับกูเหอะ ลากๆ ไปแบบกูไม่ชอบ แต่พอเราได้เดินทางคนเดียว เราตัดสินใจทุกอย่างเองหมด  ก็จะรู้ว่าจริงๆ เราเป็นคนอย่างไร เราชอบอะไร กลัวอะไร ไม่กลัวอะไร มีเวลาคุยกับตัวเองเยอะ แล้วก็รู้สึกว่าเราดูแลตัวเองได้อะ เรามั่นใจ มันก็เลยกลายเป็นความเต็ม

151120-mint-11

มันเหมือนกับมิ้นท์ได้เลือกทำในสิ่งที่ชอบจริงๆ

ใช่ๆ แล้วมันเหมือนเราได้รู้จักตัวเอง แล้วอย่างที่บอกว่าพอเราเดินทางเยอะเราก็ยิ่งเห็นผู้หญิงในรูปแบบต่างๆ เยอะ
สมัยก่อนจะเป็นคนเครียดเพราะแบบคนชอบว่า นมเล็ก (หัวเราะ) อีหน้าอ้วน เดี๋ยวนี้แบบไม่รู้สึกอะไร เหมือนเราตลกอะ โอเคๆ เรายอมรับในทั้งจุดด้อยทั้งจุดดีของเราว่านี่คือตัวเรามันก็เท่านั้นเอง

ไปเที่ยวมาหลายประเทศมีประเทศไหนที่แสนประทับใจ และประเทศไหนที่รู้สึกผิดหวังเพราะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดบ้าง 

มีๆ คือจริงๆ แล้วมิ้นท์เป็นคนชอบประสบการณ์จากคนมาก ชอบมนุษย์ ชอบประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่นะ ไม่ใช่ประวัติศาสตร์แบบโรมันที่มีเทพหรืออะไร ชอบประวิติศาสตร์สงคราม เหมือนโรคจิตอะ รู้สึกว่ามันน่าสนใจ เห็นด้านที่เจ็บปวดของมนุษย์และในขณะเดียวกันก็รู้สึกมันเห็นวิธีการที่มนุษย์เขาอยู่กันได้มันน่าสนใจตรงที่ว่าเขาทำได้ไงที่สู้กับความเจ็บปวดแบบนี้ แล้วมีชีวิตต่อไปได้แบบนี้ชอบมาก เพราะฉะนั้นประเทศโปรดก็จะเป็นบอสเนีย มันเป็นประเทศหลังสงคราม ที่พึ่งจบไม่นานแล้วได้คุยกับประวิติศาสตร์เดินได้ ที่อเมริกาใต้ก็จะชอบอันนี้จะเป็นมิตรภาพแล้ว เวลาเราไปไหนจะไม่เคยรู้สึกว่าอยู่คนเดียวเลย เราจะเจอคนเข้ามาคุยด้วยตลอด นี่คือข้อดีของการเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักด้วยจริงๆ (หัวเราะ) คือมันมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดีอยู่ในนั้น คือมันจะอีกด้านหนึ่งคือราคาที่เราไม่อยากจ่าย แต่มันก็จะมาคู่กัน มันอยู่ที่การรับมือ อเมริกาใต้จะเป็นเรื่องมิตรภาพ และประเทศหลังสงครามจะเป็นเรื่องของแนวประวัติศาสตร์ที่มิ้นท์ชอบ ส่วนประเทศที่ไม่ค่อยชอบเท่าไร คือประเทศที่มิ้นท์ไม่ได้สัมผัสกับคนหรือรู้สึกว่าคนเขาเศร้าจัง ดูเหมือนมึนๆ ตลอดเวลา อย่างโบลิเวียไม่ค่อยชอบ อาจจะเป็นเพราะตัวมิ้นท์เองที่ท้องเสีย ตลอด 3 อาทิตย์ คือมันท้องเสียตลอดเวลาอาหารเป็นพิษ ก็เลยรู้สึกว่าเราไม่ชอบเลย เป็นแบบนั้นมากกว่า

151120-mint-14

ไปมาแล้วกว่า 80 ประเทศ เคยตกหลุมรักหนุ่มนักเดินทางบ้างไหม

บ่อยค่ะ แรกๆ นี่บ่อยเลยแบบเด็กๆ อารมณ์เด็กๆ รู้สึกว่าอารมณ์แบบเป็นเพลง Taylor Swift อยู่ตลอดเวลา I Knew You Were Trouble แบบนี้ตลอด พอโตเราก็มาเรียนรู้ว่า ต้องรู้จักที่จะหยุดตัวเอง (หัวเราะ) เรารู้ว่ามันความรักแบบ เดี๋ยวก็แยกกันก็เลยแบบไม่ค่อยซีเรียสกับมันมาก อย่างแรกๆ นี่แบบ โอ้โห ฉันจะเปลี่ยนตั๋วเพื่อจะไปกับเขาต่อ คือเหมือนเป็นบ้า คือเป็นเด็กๆ อะเนอะ คลื่นลมพายุทางอารมณ์ มันยังรุนแรงมาก มาสมัยนี้ก็จะนิ่งๆ ไม่ค่อยอะไรกับเรื่องเท่าไร ค่อนข้างจะกันตัวเองด้วยซ้ำ

แต่ถ้าเขามาคุยด้วยเราก็จะคุยกับเขาบ้าง

ใช่ๆ คือเราคุยกับทุกคนอยู่แล้ว ตอนนั้นอยู่เม็กซิโก แล้วมีหนุ่มมาสารภาพรักแบบ อะไรของแก พึ่งเจอกัน 3 วัน โอ้ยตื่นไหมล่ะ (หัวเราะ) แต่ด้วยการที่เดี๋ยวนี้เราโตขึ้น แล้วชีวิตเราคือการเดินทาง เดินทางตลอด เห็นคนที่เขารักกัน หรืออยู่ดีๆ มารักกัน แล้วก็ทิ้งกัน คือเห็นหลายอย่างมากจนเราค่อนข้างปลงกับเรื่องนี้ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมี เราไม่รู้สึกว่าจำเป็นอีกแล้ว สมัยก่อนเราเป็นคนขี้เหงา จริงๆ ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างงี้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย พอมีความเหงามานั่งข้างๆ เราจะรู้สึกทนไม่ได้ ยิ่งเดินทางคนเดียวมันก็จะมีช่วงเหงา แต่ตอนนี้สนิทกันแล้ว ก็เลยไม่มีปัญหาอะไร

151120-mint-12

สเป็คของผู้ชายเป็นอย่างไร ต้องลุยๆ เหมือนกับมิ้นท์ไหม

ชอบผู้ชายแข็งแรง ชอบคนแข็งแรง ชอบคนออกกำลังออกไปทำนู่นทำนี่ แล้วก็ไม่ชอบคนที่สนใจภายนอกเยอะมาก ยิ่งคนที่ไม่มั่นใจในตัวเอง แต่ก็พูดๆ ไปเหอะอาจจะแบบที่ตรงกันข้ามก็ได้ (หัวเราะ) คนเรามันเป็นอย่างนี้

ตอนนี้มีหนุ่มข้างกายแล้วหรือยัง

ก็มีคุยๆ อยู่ค่ะ

แล้วจะเปลี่ยนจาก I Roam Alone การเดินทางคนเดียว ไปเดินทางเป็นคู่ไหม 

คือเดินทางคนเดียว 80 เปอร์เซนต์ในชีวิตมิ้นท์ค่ะ อีก 20 ฉันก็แบ่งให้ไม่เป็นไร คือไปด้วยกัน คือไปกับเธอบ้าง แต่ยังไงการเดินทางของเราคือเดินทางคนเดียว มันเป็นทางเดินแห่งจิตวิญญาณของฉัน มันคือทางที่ต้องเดินคนเดียว

ทราบมาว่าคุณแม่เป็นคนที่สนับสนุนทุกอย่างในการออกเดินทางรอบโลกของมิ้นท์

ใช่ ทุกอย่างในชีวิต ซัพพอร์ตเรื่องเงินก็ส่วนหนึ่ง อย่างตอนแรกที่เริ่มโปรเจคเรื่องเงินก็คือเป็นคุณแม่ เพราะเรามีทั้งเวลา มีสุขภาพ มีความกล้าแต่เราขาดเงินคุณแม่ก็เติมให้ไม่เป็นไร พอมาเดี๋ยวนี้เริ่มมีเงินละ ก็จะเป็นซัพซัพอร์ตทางจิตใจ คือแม่เป็นเสาหลักในชีวิตเลย ทุกอย่างที่ทำและมาถึงในวันนี้ก็เพราะแม่ทั้งนั้น คือแม่เป็นคนบอกด้วยซ้ำ แม่เป็นคนบอกว่าต้องเขียนบล็อก ต้องเล่าให้คนอื่นฟัง เพราะแกเล่าให้ฉันฟังฉันสนุกมาก แล้วทำไมแกไม่เล่าให้คนอื่นฟัง ก็เลยเริ่มเขียนจากตรงนั้น ทำบล็อก แล้วก็เริ่มมีหนังสือ เริ่มมีสำนักพิมพ์ติดต่อขึ้นมา คือทุกๆอย่างเริ่มจากแม่เลยจริงๆ ค่ะ

151120-mint-14

ทำไมคุณแม่ถึงสนับสนุนขนาดนี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงแบบเอาเงินไปทำอย่างอื่นดีกว่าไหม

แม่มองว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิต เพราะแม่อาจจะมองเห็นไกลมาก คือหนึ่งเขารู้ว่าเราชอบคือจบ เขาเห็นความสุขที่เราได้ทำมันก็พอแล้ว มันเป็นเหตุผลที่สำคัญที่สุด นั้นแหละพอเริ่มเดินทางมาแม่ก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของเราในทางที่ดีขึ้นมาก ก็เลยยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าเขาทำถูกแล้ว จนมาถึงวันนี้ผ่านมา 4 ปี จำได้ว่าแม่พูดขึ้นมาคำว่าดีอะ เดี๋ยวนี้แกเป็นผู้เป็นคนแล้ว สมัยก่อนเป็นผีบ้า เป็นเด็กสปอย เป็นผู้หญิงเอาแต่ใจขี้วีน ไม่มีความสุข วีนทุกคนบนโลกใบนี้ (หัวเราะ) ทุกคนผิดหมดยกเว้นฉัน ฉันคือเหยื่อของทุกอย่าง ใช้ชีวิตแบบนั้นจริงๆ แล้วพอเดินทางมา 4 ปีมันเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือ แม่ก็เลยค่อนข้างดีใจว่าทำถูกแล้วกับเงินทุกบาทที่เสียไป โคตรคุ้ม!

จริงๆ ที่ออกเดินทางเพราะอยากเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยหรือเปล่า

ไม่นะ ตอนแรกเดินทางเพราะว่าความสนุก มันก็เปลี่ยนโดยที่เราไม่รู้ตัว อย่างที่คนบอกว่าการเดินทางคือการเรียนรู้ อย่างแรกที่คิดคือมันเท่ โอ้ยจริงเหรอ มันจะเป็นแบบ eat pray love เหรอ Walter Mitty เหรอ ตลก  (หัวเราะ) มันเพ้อเจ้อ แล้วคนก็คิดว่ามองภาพมันดูสวยงาม มันจะทำได้ไง มันจะเปลี่ยนได้ไง ซึ่งตอนนี้ยืนยันเลยว่ามันเปลี่ยนจริงๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่มันก็ใช้เวลา มันมี  process ไม่ใช่ว่าเราไปแค่ทริปเดียวแล้วเราจะกลับมาเป็นคนใหม่นะ ในหนัง มเขาข้ามเยอะนะ จริงๆ มันต้องเจออะไรอัดเข้ามาในชีวิตเยอะมาก มีทั้งดีและไม่ดี ทั้งร้องไห้ทั้งเสียใจทั้งหัวเราะ แบบนี้ที่ทำให้เราเปลี่ยนไปได้ มิ้นท์ว่าจุดที่ทำให้เราเปลี่ยนมิ้นท์คิดว่า ถ้าเราอยู่กับที่บ้านอยู่กับพ่อแม่อยู่กับคนใกล้ตัว เรามีเกราะป้องกัน เราไม่ได้เปลือยกับโลก แต่พอเราเดินทางคนเดียว มันคือตัวเราเพียวๆ แล้วก็โลกใบนี้ มันเลยเปลี่ยนง่ายมาก เปลือกมันหลุดง่ายมาก มันมีทั้งสิ่งที่ดีสิ่งไม่ดีมาขัดสีเราง่ายมากเราก็เลยเปลี่ยน

พักหลังมานี้การเดินทางท่องเที่ยวเหมือนเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ ดูได้จากการรีวิวเรื่องท่องเที่ยวที่มีเยอะมาก แล้วเด็กๆ ก็อยากทำตาม มิ้นท์คิดว่ามันดีไหมกับวัยรุ่นสมัยนี้ 

ก็ดีแล้วให้เขาออกไปลอง จริงๆ แล้วแต่ละคนการเปลี่ยนแปลงมันไม่ต้องเดินทางก็ได้ แต่ก็ดีที่เขาอยากออกไปลองอาจจะเป็นทางเขาหรือไม่เป็นก็ได้ มิ้นท์จะพูดเสมอเวลาไปพูดกับเด็กๆ ว่า โอ้ยลองเหอะ อายุเท่านี้นะออกไปลอง ออกไปอกหัก ออกไปล้ม ออกไปผิด ออกไปเสียใจร้องไห้สะบักสะบอม เราได้เรียนรู้แน่นอน

IMG_7692

ถ้าเขาไม่มีต้นทุนเหมือนเรา แต่เขาอยากออกไปเที่ยวตามเรา จะแนะนำคนเหล่านั้นอย่างไร 

จริงๆ การเดินทางเราเป็นคนให้คำจำกัดความในการเดินทางของเราเอง คือการเดินทางมันจะพูดเสมอว่าไม่ใช่การเดินทางไกล อยู่ที่ว่าเรามีปัจจัยอะไร อย่างเช่น มันจะมีเรื่องเงิน เวลา ความกล้า และก็สุขภาพ ถ้าเราเงินเยอะไม่ค่อยมีความกล้า การเดินทางของเราก็จะปลอดภัยหรู พักอยู่โรงแรมอย่างนี้  ถ้าเรามีเวลา แต่เราไม่มีอย่างอื่นการเดินทางของเราก็ต้องเป็นแบบช้า ต้องเป็นการเดินทาง Slow life ที่คนเขาชอบใช้กัน ( หัวเราะ ) หรือถ้าเป็นการเดินทางที่เราไม่มีเงินเราก็แค่อาจจะต้องปั่นจักรยานแทนไหม คือมันจะต้องสมบุกสมบันหน่อยใช้สุขภาพเป็นตัวดึง เราต้องแข็งแรงเท่านั้นเอง คือมันมีการเดินทางหลายแบบมาก เราต้องสร้างคำจำกัดความของเราเอง คืออย่างมีพี่ที่มิ้นท์รู้จักอยู่คนนึงทำอยู่ คนค้นฅน ชื่อพี่โตโต้ เขาปั่นจักรยานทั่วประเทศไทยค่ำไหนนอนนั้น แล้วก็ทำงาน นั้นคือการเดินทาง สิ่งที่เขาขาดก็คือเงิน แต่เขามีเวลา มีสุขภาพ มีความกล้า เขาก็เลยทำแบบนี้ นี่ก็คือจำกัดความของเขา อย่างของมิ้นท์ตอนนี้มีเงิน มีเวลา มีความกล้า ขาดสุขภาพ เพราะว่าหลังเจ็บ เราก็ต้องมีการเดินทางแบบที่ว่าแบบโอเค เราทำยังไงดี คือก็ยังทำอะไรรุนแรงเหมือนเดิมแต่ก็ยังต้องแบบนึกว่าของต้องน้อยลง เราอาจะนั่งรถบัสเหมือนเดิมไม่ได้ แต่มันไม่มีข้ออ้างหรอกที่จะทำ คือคนเราอย่าหาข้ออ้างที่จะทำอะไรเลย คนเรามีข้ออ้างมีเหตุผลที่จะไม่ทำ นั้นก็แสดงว่าเราไม่ได้ต้องการมันจริงๆ

ถึงไม่มีเงินเราก็มีทางเลือกอื่นใช่ไหม รถไฟฟรี อะไรพวกนั้น

มิ้นท์นั่งรถลงใต้ไปที่สุไหงโกลกทำโปรเจค The Kindness of strangers อันนี้คิดขึ้นมาเองด้วย แล้วก็มีนิมิตขึ้นมาแบบว่าอยากทำ เราก็แบกกระเป๋าไปที่สถานีเลย ของที่พกในกระเป๋ามีแบบพวกแผ่นรองนอนด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าจะไปเจออะไรบ้าง ก็ต้องพร้อมเต็มที่ แล้วอาหารในรถไฟฟรีก็นั้นอะ 10 บาท 17 บาท ทั้งทริปนั้น 9 วัน 10 วัน ถ้าไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน บินกลับเพื่อรีบกลับมาทำงานเนี่ยก็จะใช้ไปประมาณ 3000 บาทเท่านั้นเอง 10 วันน้อยกว่าอยู่กรุงเทพฯ อีก

ก็ถือว่ายังได้เที่ยวครบด้วย

โหยสนุกมาก เป็นทริปที่แบบสนุก ทำให้เรารักประเทศไทยมากขึ้น เจอน้ำใจเยอะมาก จนแบบไม่รู้ว่าจะมากอย่างไงอีกแล้วในโลกใบนี้ มิ้นท์อ่านหนังสือของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์อยู่ เรื่องเดินสู่อิสรภาพ เป็นหนังสือที่ดีมาก อาจจะธรรมะไปหน่อยสำหรับบางคน แต่ก็มีช่วงที่คนปกตินั้นเข้าใจ อาจารย์เขาเดินลงใต้กลับบ้าน โดยที่ไม่พกเงินสักบาท เขาบอกว่าถ้ามีเงินมันจะกลายเป็นการซื้อขาย มันจะไม่ใช่มิตรภาพ มันไม่ใช่การให้และการรับ ซึ่งจริงๆ มนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาแบบนั้น เพราะฉะนั้นมนุษย์หลายคนเริ่มให้ความสำคัญกับเงินจนมันมากจนเกินไป จนมันกลายเป็นศูนย์กลางของทุกอย่าง ซึ่งจริงๆ มันไม่ใช่ อาจารย์ประมวล เขาก็ได้พิสูจน์แล้วโดนเดินทางกลับสมุย โดยไม่มีเงินสักบาทเดียว! แล้วก็ได้รับน้ำใจจากคนที่พบเจอตลอด มิ้นท์คิดวาคนสมัยนี้ชอบให้ความสำคัญกับเงินนะ คือเงินเป็นพระเจ้า เป็นศูนย์กลางของความสุข เป็นทุกสิ่ง ซึ่งจริงๆ เงินเกิดมาเมื่อไรก็มีใครไม่รู้ มนุษย์เกิดก่อนตั้งนาน แล้วมันกลายมาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเราได้ยังไง ลองเปลี่ยนเป็นอากาศไหม (หัวเราะ)  สุดท้ายแล้วเราลืมคิดถึงสิ่งอื่นไปหรือเปล่า

151120-mint-15

ทำสิ่งต่างๆ มาเยอะจนเป็นจิ๊กซอว์ที่เต็มแล้ว มีอะไรที่มิ้นท์อยากปลดล็อคมันอีกไหม

มิ้นท์อยากขัดเกลาให้ตัวเองเป็นคนที่ดีขึ้นอีก ในแง่ต่างๆ อย่างเช่นเรื่องความกลัวอะไร แล้วก็อาจจะเป็นเรื่องการเข้าใจคนอื่นซึ่งจริงๆ มิ้นท์เป็นคนไม่ค่อยเข้าใจคนอื่นเท่าไร เป็นคนชอบตัดสินด้วยสมัยก่อน อยากจะพยายามให้มันน้อยลงมันน่าจะทำให้การเดินทางสวยมากขึ้น มันจะทำให้มีคุณค่ามากขึ้น นี่คือสิ่งที่อยากทำดูมัน abstract มากเลยเนอะ แต่อยากทำ จริงๆตอนนี้มิ้นท์สนใจเรื่องความสุข มิ้นท์มีความสุขมาก ชีวิตดี๊ดี แต่เราสนใจว่า จริงๆ ความสุขมันเกิดจากเงินทอง หรือว่าเกิดจากครอบครัว เกิดจากอะไรกันแน่ เพราะว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ moment ที่ว่ามีความสุขที่สุดมันคืออะไร คือมิ้นท์สนใจอยากรู้ ค่อนข้างสนใจเรื่องนี้ พยายามถามคนนู้นคนนี่ให้เยอะขึ้นในเรื่องนี้ มิ้นท์อยากทำเป็นวีดิโอเวลาเราเดินทาง มันน่าสนใจมิ้นท์อยากให้คนเห็นว่าจริงๆ แล้วความสุขมันคืออะไร แล้วก็เริ่มตั้งคำถาม กับตัวเอง เพราะว่ามันเป็นคำถามที่สำคัญมาก อาจจะไม่รู้คำตอบอะแต่ความที่จะถามได้แล้ว ว่าจริงๆ ความสุขของเราคืออะไร

มิ้นท์บอกว่าทริปแรกเริ่มจากความบ้า แล้วทุกวันนี้ที่มีอยู่คือความบ้าหรือความกล้า

มันมาด้วยกันอะ คือถ้าไม่มีความบ้าสักนิดเลยมันก็จะไม่ลองไปทำอะไรใหม่ๆ เนอะ มันเลยต้องมาด้วยกันความบ้าความกล้า และสติ สติก็ต้องไม่ลืม อย่างเช่นที่มิ้นท์ไปกระโดดร่มที่นามีเบีย มันก็เป็นความบ้าผสมความกล้า เพราะมิ้นท์เป็นคนที่กลัวความสูงมาก หรือว่าการเดินขึ้นเขาต่างๆ ก็เป็นความกล้าแต่ก็ต้องมีความบ้าที่จะต้องไปต่อ เวลามองไปข้างล่างแบบกูจะตายไหมเนี่ย น่าจะเป็นพวกสิ่งเหล่านี้ หรือการไปยังประเทศแปลกๆ ขึ้นภูเขา ที่ปกติคนเขาไม่ค่อยทำกันอะ น่าจะเป็นทั้งความบ้าและกล้ารวมกัน

เที่ยวมาเยอะ มิ้นท์ดูแลความปลอดภัยของตัวเองอย่างไร

คือมิ้นท์ใช้สติ ก็จะเช็คก่อนว่าคือการกระทำทุกอย่างมันจะต้องไม่ขาดสติ อย่างถ้าเกิดมิ้นจะไปกระโดดร่มมิ้นท์ก็ต้องเช็คก่อนว่าบริษัทนี้โอเคไหม เคยมีประวัติคนเสียชีวิตหรือเปล่า แล้วมันเกิดจากอะไร คืออะไรที่เราป้องกันได้เราก็จะป้องกัน เราไม่ได้ทำด้วยความประมาท อย่างที่โบลิเวีย มันจะแบบกิจกรรมปั่นจักรยานบน dead road ก็คือเป็นถนนสายที่คนตายเยอะที่สุด เพราะถนนมันเส้นเล็กมาก แล้วรถบนถนนสวนกันบ่อยมาก และรถตกเหวบ่อยมากมีกิจกรรมปั่นจักรยานมิ้นท์ก็นั่งดูว่ามิ้นท์จะทำดีไหม เราก็เช็คข้อมูลในอินเตอร์เน็ตละ เช่นบริษัทนี้ไม่ค่อยโอเค จักรยานยางแตกนักท่องเที่ยวตาย ก็ตัดสินใจไม่ทำก็แค่นั้นเอง เราไม่ได้ใช้อะดรีนาลีนเป็นตัวนำ เราต้องรู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีกับเรา ในการเอาชนะความกลัวต่างๆ แล้วก็มันส์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าขาดสติ

151120-mint-1

151120-mint-13

จะมีหนังสือออกมาให้เราได้ติดตามกันอีกเมื่อไร

ก็น่าจะออกปีละเล่มพอ เพราะว่าเราโตไม่ทัน มิ้นท์อยากให้หนังสือเป็นตัวแทนของการเติบโต เหมือนให้คนอ่านค่อยๆ ติดตามไปว่าเราโตขึ้นทุกเล่ม ไม่อยากให้ออกมาเป็นเรื่องซ้ำ คนอ่านเขาเสียเงินซื้อหนังสือเรานะ ก็อยากให้เขาได้อะไรกลับไปค่ะ

ทริปต่อไปที่มิ้นท์กำลังจะออกไปเดินทางคนเดียวอีกครั้งคือที่ไหน

ที่ต่อไปจะกลับไปอเมริกาใต้อีกครั้งค่ะ ชอบมาก เผลอๆ จะกลับไปทุกปี ชอบมาก จะไปเดินป่าที่เวเนซูเอล่ากับโคลัมเบียก็จะขึ้นไปถือลูกโป่งแบบลุง Up ว่าเราจะทำแบบนั้นได้ไหม ได้ยินชื่อเสียงมาเยอะมากว่าโคลัมเบียผู้คนน่ารัก ไป 3 เดือนค่ะ ไปยาวเพราะตั๋วค่อนข้างแพง (หัวเราะ)

การเดินทางสำหรับมิ้นท์มันเป็นมากกว่าการพักผ่อนหรือเปล่า

มันไม่ใช่การพักผ่อนอะ มันคือการเรียนรู้ คือการเปลี่ยนชีวิต คือ การเข้าวัด คือศาสนา คือทุกอย่างเลย เหมือนคนที่รู้สึกว่าตัวเองต้องไปวัดอย่างนี้ การท่องเที่ยวก็คล้ายๆ กัน สำหรับเราคือต้องไป!

151120-mint-16

ขอบคุณร้านหนังสือเดินทาง Passport Bookshop ถนนพระสุเมรุ ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ https://www.facebook.com/pages/ร้านหนังสือเดินทาง-Passport-Bookshop/701046253250427

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line