เจาะลึกทุกรุ่นสำหรับรองเท้าคุณภาพสูงจากเมืองลุงแซม New Balance ซีรีย์ 99x

New Balance ถือเป็นรองเท้าที่ผสานในเรื่องเทคโนโลยี และความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว โดยที่พวกเขาก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนานไม่แพ้แบรนด์รองเท้าอื่น ๆ ทั่วโลก ซึ่ง New Balance มีคอนเซ็ปต์ในการออกแบบตั้งชื่อรุ่นรองเท้าด้วยตัวเลข และมักไม่ค่อยนำดารา นักกีฬามาเป็นพรีเซ็นเตอร์เสียเท่าไหร่ เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้มาเป็นปัจจัยต่อการเลือกซื้อรองเท้า แต่ในเรื่องของตัวเลขรุ่นก็ยังมีนัยยะที่บ่งบอกถึงวัสดุ และเทคโนโลยี หากตัวเลขยิ่งสูง แปลว่ารองเท้าคู่นั้นยิ่งมีรายละเอียดพิถีพิถันตามไปด้วยนั่นเอง

ในปัจจุบัน New Balance เป็นเพียงรองเท้าไม่กี่แบรนด์ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่ยังคงใช้ฐานการผลิตเดิมในประเทศสำหรับการผลิตรองเท้าโมเดลรุ่นท็อป ๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเขายังคงการันตีมาตราฐานที่ยอดเยี่ยม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโมเดลซีรีย์ 99x ที่ทีมงานจะมาเล่าเรื่องให้ฟังในวันนี้

990 (1982)

สำหรับรองเท้ารุ่นแรกคือ 990 ซึ่งถือเป็นรองเท้าที่ทาง New Balance ต้องการจะผลิตออกมาเพื่อนักวิ่ง  และคนธรรมดาทั่วไป มีการผลิตครั้งแรกในปี 1982 โดยชูในเรื่องวัตถุดิบคุณภาพสูง ความแตกต่างของกระบวนการผลิตแบบคราฟต์ที่สร้างความมั่นคง และยืดหยุ่นดีเยี่ยม

พร้อมทั้งโฆษณาจุดยืนที่ชัดเจนว่า “นี่คือรองเท้าวิ่งที่ดีที่สุด ที่ New Balance เคยผลิตออกมา” แต่ด้วยราคารองเท้าที่สูงลิบถ้าเทียบกับรองเท้าแบรนด์อื่น ๆ ในสมัยนั้น ทำให้มันไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร ขายได้เพียง 5,000 คู่ในปีแรก

995 (1986)

หลังจากปล่อยรองเท้ารุ่นแรกมาได้ 4 ปี และเริ่มทำยอดขายได้จนอยู่ตัว ก็ถึงคราวที่ New Balance จะออกรองเท้ารุ่นใหม่เพื่อตอกย้ำความชัดเจนในการเป็นผู้นำด้านรองเท้าวิ่ง เมื่อพวกเขาคิดค้นนวัตกรรมที่เรียกว่า ENCAP ที่เพิ่มมาอยู่บริเวณพื้นกลางส่วนบริเวณส้นเท้า

ทำให้รองเท้ามีความมั่นคงลดแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น และอีกหนึ่งจุดคือพวกเขาเปลี่ยนวัสดุบริเวณโลโก้ตัว ‘N’ ด้านข้าง ให้เป็นวัสดุ 3M ดังนั้นรองเท้าคู่นี้จึงสามารถสะท้อนแสงในที่มืดได้ แต่โดยรวมแล้ว ยังถือว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของดีไซน์มากนัก

 996 (1988)

เรียกว่าปล่อยเวลาผ่านมาเพียงแค่สองปี New Balance ก็ได้ปล่อยรุ่น M996 ซึ่งถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมอย่างสิ้นเชิงในเรื่องของรูปลักษณ์

โดยทางแบรนด์มีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่แบบผสมผสานที่เรียกว่า C-Cap และ ENCAP เข้าด้วยกัน โดย ENCAP นั้นจะเป็นการลดแรงกระแทกที่ลงมาที่ส้นเท้าส่วน C-Cap จะช่วยในการลดแรงกระแทก และแรงบีบในการวิ่ง

อีกทั้งมีการใช้ยางคาร์บอนบริเวณพื้นล่างให้ยึดเกาะติดพื้นแน่น ทำให้รองเท้ารุ่นนี้ เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงสำหรับ New Balance อย่างแท้จริง

997 (1990)

เมื่อเริ่มทศวรรษใหม่ New Balance ต้องการที่จะบุกเบิกตลาดรองเท้าด้วยการปล่อยรองเท้ารุ่นที่ 4 จากตระกูล 99x และก็เป็นอีกครั้งที่พวกเขายังคงใช้เทคโนโลยี C-Cap และ ENCAP เข้าด้วยกัน แต่มีการทำพื้นยางใหม่ที่เรียกว่า XAR1000 จากบริษัท DuPont ซึ่งจะทนทาน และยกระดับส้นเท้าให้สูงขึ้นกว่าเดิม

ความพิเศษอีกหนึ่งอย่างของ M997 คือมันเป็นรองเท้าคู่แรกของ New Balance ที่มีการผลิตขึ้นจากสองประเทศพร้อม ๆ กัน นั่นคือในอเมริกา และอังกฤษ อีกทั้งเป็นรุ่นแรกที่ออกแบบมาแยกสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ แต่มีการถอดวัสดุสะท้อนแสงออกจากโลโก้ ‘N’

998 (1993)

ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่าง New Balance กับ DuPont จะไม่ยืนยาว เพราะในเวลาไม่นาน พวกเขาก็เปิดตัวรองเท้ารุ่นที่ 5 นั้นคือ M998 ที่ได้นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ซึ่งพัฒนาต่อจากเดิมคือ ENCAP II

โดยพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระบวนการสร้างทางรถไฟ เพื่อผลิตพื้นโฟม ABZORB ที่ทำจากยางสังเคราะห์ทำให้มีความยืดหยุ่นสูงกว่าเดิม

999 (1996)

ในปี 1996 ทาง New Balance ได้ค้นพบวิธีการที่จะรวมทุกเทคโนโลยีที่พวกเขาเคยผลิตออกมา เข้ามาไว้ด้วยกันได้เสียที นั่นคือ ENCAP , C-Cap และ ABZORB

ทำให้รองเท้าคู่นี้อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสูงสุดจาก New Balance ซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดานักวิ่ง รวมถึงนักสะสมรองเท้าเป็นอย่างมาก เพราะต้องยอมรับว่าดีจริง ๆ

991 (2001)

เมื่อเริ่มทศวรรษใหม่ New Balance ต้องการจะเพิ่มขีดจำกัดของรองเท้าวิ่ง พวกเขาจึงลองเพิ่ม ABZORB ในบริเวณส่วนต่าง ๆ มากขึ้น เพื่อยกระดับการกันกระแทกที่เหนือกว่ารองเท้ารุ่นที่ผ่าน ๆ  มา

อีกทั้งพวกเขายังพบกรรมวิธีการผลิตยางแบบใหม่ที่เรียกว่า Ndurance ซึ่งจะทนทาน และยากต่อการสึกหรอ ในส่วนเรื่องของรูปลักษณ์ดีไซน์พวกเขาเลือกจะทำออกมาอย่างเรียบง่าย โดยอิงจากโมเดล 990 เป็นหลัก

992 (2006)

รองเท้ารุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในวาระครบ 100 ปีของ New Balance  ซึ่งหากใครเป็นแฟนของ Apple น่าจะพอคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี  เนื่องจากเป็นรองเท้าคู่โปรดของ Steve Jobs ที่จะสวมใส่คู่กับกางเกง Levi’s และเสื้อคอเต่าสีดำออกงานเป็นประจำ

สำหรับความพิเศษของ M992 คือการทำพื้น ABZORB  SBS ใหม่ ซึ่งช่วยให้ลดแรงกระแทกได้ดีขึ้น และวางในอยู่จุดใต้ส้นเท้า และปลายเท้าเพื่อกระจายแรงรับได้ดีที่สุดมาอยู่บริเวณอุ้งเท้า ผู้สวมใส่จะรู้สึกสบายราวเหยียบนุ่น

993 (2008)

สำหรับโมเดล MR993 ถือเป็นการรวมจุดเด่นระหว่าง 991 และ 992 เข้าด้วยกัน ซึ่งจุดเด่นชัดที่สุดคือพื้น ABZORB DTS หรือที่เรียกว่า Dynamic Transitioning System แบบใหม่ โดยใช้ อีลาสโตเมอร์ที่เป็นวัสดุประเภทพอลิเมอร์มีลักษณะยืดหยุ่นสูงในการซัพพอร์ตเท้าให้มีความมั่นคง แต่มีข้อเสียคือมันไม่ใช่ยางธรรมชาติ จึงเกิดการฉีกขาดได้ง่ายกว่าแบบเดิม ๆ

โดยทั้งหมดนี้ก็เป็นโมเดลซีรีย์จากทางรองเท้า New Balance 99x ที่เป็นรองเท้ารุ่นเรือธงของพวกเขา แต่ก็ยังมีอีก 4 รุ่นที่เราไม่ได้กล่าวมา  ซึ่งเป็นการนำรองเท้ารุ่นเก่ามาเปลี่ยนโฉมใหม่ อาทิ 990 ที่มีการผลิตซ้ำมากกว่า 4 เวอร์ชั่นในปี 1986,1998,2014,2016  ในแต่ละครั้งก็จะมีการปรับดีไซน์ และเพิ่มเทคโนโลยีตามยุคสมัย

สำหรับความพิเศษที่เราได้หยิบยกรองเท้าตระกูล 99x จาก New Balance มาพูดนี้ในวันนี้ก็เพราะมันยังคงเป็นรองเท้าวิ่งเพียงไม่กี่รุ่นที่ยังคงใช้ฐานการผลิตเฉพาะในประเทศอังกฤษ และอเมริกาเท่านั้น ทำให้ในแง่ของคุณภาพการันตีได้ว่ายอดเยี่ยม หากเทียบกับรองเท้าแบรนด์อื่น ๆ ที่ย้ายไปผลิตในจีน เวียดนาม หรืออินโดนีเชีย ดังนั้นหากชาว UNLOCKMEN อยากได้รองเท้าที่คุ้มค่ากับคุณภาพ และราคา  New Balance 99x จะเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างแน่นอน