CARS

NEW MITSUBISHI TRITON คำนิยามใหม่ของกระบะพันธุ์แกร่ง ลุย ทุกอุปสรรค

By: SPLESS November 17, 2018

สำหรับผู้ชายลุย ๆ อย่างเราชีวิตคงไม่มีอะไรต่างไปจากการเดินทาง เรามีเส้นทางที่ราบเรียบรวมไปถึงเส้นทางสุดหฤโหดที่รอคอยให้ก้าวผ่านไป และความยากลำบากที่ท้าทายอยู่ตรงหน้านี่เองที่ทำให้นอกจากตัวเราเองจะต้องแข็งแกร่งแล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องไว้วางใจได้ก็คือ เพื่อนร่วมทางที่รู้ใจและพร้อมบุกตะลุยไปด้วยกันในทุกพื้นที่เหมือนกับ Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไทรทัน) ซึ่งเป็นรถกระบะที่อยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนาน และตอนนี้ก็ถึงเวลาสำหรับการเปิดตัวเพื่อนร่วมทางคันใหม่ รูปลักษณ์ใหม่หมดจด ที่พร้อมลุยฝ่าทุกอุปสรรคไปด้วยกันกับเรา

Mitsubishi Motors Corporation ฉลองครบรอบ 40 ปีให้กับประวัติศาสตร์รถกระบะมิตซูบิชิอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการเปิดตัว New Mitsubishi Triton ครั้งแรกของโลกในประเทศไทย โดยเป็นการเปิดตัวพร้อมกันถึง 4 รุ่น ได้แก่ Double Cab Plus, Double Cab 4WD, Mega Cab Plus, Single Cab 4WD นอกจากนี้สีของตัวรถยังมีให้เลือกถึง 5 โทนสีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น White Diamond, Sterling Silver, Graphite Grey, Jet Black Mica และ Sunflare Orange 

“ROCK SOLID แกร่งลุยทุกอุปสรรค”

New Mitsubishi Triton เปิดตัวภายใต้คอนเซ็ปต์ “แกร่งลุยทุกอุปสรรค” ทั้งภายนอกและภายใน เริ่มจากด้านหน้าของตัวรถมาพร้อมดีไซน์ใหม่ “Dynamic Shield” ที่ผสมผสานเข้ากับเส้นสายอันดุดันของฝากระโปรงหน้าอย่างลงตัว จุดเด่นคือไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ Bi-LED พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ ปรับระดับความสูงต่ำได้ และไฟตัดหมอกที่แยกออกมาเป็นสัดส่วนชัดเจน เป็นการบาลานซ์ระหว่างความแข็งแกร่ง หรูหรา และทันสมัย ได้อย่างลงตัว เป็นผลงานการออกแบบที่ต้องยอมรับว่าทำได้ดีมากจริง ๆ

ตัวถังรถมาพร้อมดีไซน์โค้งมนสวยงามออกแบบให้เข้ากับแนวเส้นด้านข้าง ซุ้มล้อทั้งสี่มีขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกทรงพลัง พร้อมสำหรับขับได้ทั้งในเมืองและลุยนอกเมืองแบบครบในคันเดียวจริง ๆ มาพร้อมล้ออัลลอยแบบ Two-Tone ขนาด 18 นิ้ว ด้านหลังตัวรถมากับชุดไฟท้ายและไฟเบรกแบบ LED ที่ถูกออกแบบให้มีขนาดใหญ่ขึ้น และแยกออกจากกันอย่างชัดเจนให้ความรู้สึกแข็งแกร่งรอบทิศทางตั้งแต่ด้านหน้าถึงท้ายรถ

ภายในห้องโดยสาร มาพร้อมการออกแบบที่กว้างขวาง หรูหรา และทันสมัย เริ่มจากพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชันควบคุมการทำงานด้วยเสียง พร้อม Paddle Shift ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยเพื่อการสั่งงานที่ฉับไว เสริมฟังก์ชันด้านการช่วยเหลือผู้ขับขี่ด้วยเทคโนโลยี Cruise Control ระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัยรถยนต์ ลดปัญหาสำหรับหนุ่ม ๆ ที่ชอบขับขี่ระยะไกลให้เปลืองแรงเหยียบคันเร่งน้อยลง ในส่วนต่าง ๆ เช่น แผงคอนโซล, ช่องแอร์ และที่วางแขน ถูกออกแบบอย่างใส่ใจรายละเอียด ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง เข้ากันกับภายนอกตัวรถเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่สามารถแยกปรับอุณหภูมิซ้าย-ขวาได้ พร้อมเสริมฟังก์ชันสำหรับผู้โดยสารด้วย ระบบหมุนเวียนอากาศด้านหลัง (Rear Air Circulator) ช่องวางสมาร์ทโฟนและช่องเสียบ USB 2 ตำแหน่ง ก่อนเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยเครื่องเล่น DVD และเบาะหนังปรับไฟฟ้า รับรองความสะดวกสะบายในทุกการเดินทาง

“ขุมพลัง MIVEC CLEAN DIESEL”

MIVEC (Mitsubishi Innovative Valve Timing Electronic Control) คือขุมกำลังลิขสิทธิ์เฉพาะจาก Mitsubishi ควบคุมการทำงานด้วยระบบสมองกลอัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพรถให้มีแรงบิดที่ดีขึ้นในรอบต่ำและปานกลาง รวมถึงได้แรงม้าเพิ่มมากขึ้นในรอบสูง (ลิขสิทธิ์เฉพาะของ Mitsubishi) โดยใช้เครื่องยนต์ 4 สูบขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลัง 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 430 นิวตัน-เมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที

ทำงานควบคู่กับ VG Turbo (Variable Geometry Turbo) ซึ่งสามารถเพิ่มความแรงอัดอากาศด้านไอดีอย่างมีประสิทธิภาพในทุกความเร็ว มีแรงบิดสูงทั้งในรอบต่ำ รอบปานกลาง และรอบสูง ทำงานร่วมกับอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดใหญ่ลดความร้อนไอดีลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ไอดีมีความหนาแน่นมากขึ้น เพิ่มความแรงให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่งที่ดีขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้เครื่องยนต์ยังผ่านการรับรองมาตรฐาน EURO4 ติดตั้งระบบ EGR ที่นำไอเสียหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ทำให้เผาพลาญเชื้อเพลิงได้อย่างหมดจด เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมสั่งการอย่างแม่นยำด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6-Speed พร้อม Sport Mode ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมการเดินทางอย่างมั่นใจในทุกจังหวะสำคัญของการเดินทาง 

“พร้อมลุย ทุกอุปสรรค”

New Mitsubishi Triton  เพิ่มสมรรถนะความเป็นออฟโรดด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ  Super Select 4WD II ซึ่งมีระบบการขับขี่รองรับทุกสภาพถนนให้เลือกใช้งานได้ตามความเหมาะสม รวมถึงระบบ Off Road Mode ซึ่งจะปรับรูปแบบการส่งกำลังของเครื่องให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิวและเส้นทางในการขับขี่มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโหมดขับขี่แบบ Hill Descent Control ซึ่งจะควบคุมรถขณะลงทางชันได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย


“ADVANCED SAFETY SYSTEM”

ไม่เพียงแค่ความโดดเด่นด้านดีไซน์และการใช้งานเท่านั้น เพราะ New Mitsubishi Triton ยังมาพร้อมอุปกรณ์และเทคโนโลยีด้านความปลอดอัดแน่นไว้รอบคัน เริ่มจากจุดสำคัญคือโครงสร้างของตัวถัง และแชสซีส์เหล็กกล้า 2 ชั้นไร้รอยเชื่อมต่อทั้งชิ้น ภายในตัวรถปกป้องผู้โดยสารด้วยระบบถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง พร้อมเข็มขัดนิรภัยที่เบาะด้านคนขับแบบดึงกลับอัตโนมัติ 2 ทิศทาง เปิดมุมมองการขับขี่ด้วยกล้อง 4 ตัว แสดงภาพผ่านจอมอนิเตอร์ในมุมมอง Bird Eye View เป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์สำหรับการเข้า-ออกช่องจอดรถได้เป็นอย่างดี เป็นเทคโนโลยีที่ปกติจะพบได้ในรถซีดานหรูเท่านั้น

เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้นด้วย ระบบเตือนการชนด้านหน้าพร้อมชะลอความเร็ว (FCM) ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา (BSW) ระบบแจ้งเตือนขณะเปลี่ยนเลน (LCA) ที่ช่วยตรวจจับรถที่วิ่งมาจากด้านหลังภายในระยะ 70 เมตร ก่อนจะส่งสัญญาณเป็นไฟเตือนที่กระจกมองข้างในกรณีที่มีรถบริเวณจุดอับสายตา เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ยังป้องกันความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดด้วย ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรงและรวดเร็ว (UMS)  พร้อมระบบเบรก ABS ป้องกันการล็อกล้อในระหว่างเบรกกะทันหัน ทำงานร่วมกับ ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรก แบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และ ระบบเสริมแรงเบรก (BA) ได้เป็นอย่างดี

ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม ขุมพลังอันแข็งแกร่ง รวมไปถึงระบบความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ ทั้งหมดทำให้ New Mitsubishi Triton คือรถกระบะที่มีการเปลี่ยนแปลงในทุกสัดส่วนอย่างลงตัว และจะกลายมาเป็นรถคันใหม่ที่จะพึ่งพาได้ในทุกการเดินทางอย่างแน่นอน ถือเป็นรถที่มีทั้งความดิบและสวยงาม มาพร้อมความคุ้มค่าเรื่องฟังก์ชันการใช้งานแบบครอบคลุม ทำให้ New Mitsubishi Triton กลายเป็นรถกระบะที่หน้าจับตามองที่สุดของปีนี้เลยทีเดียว

โดยทาง Mitsubishi Motors มีแผนจะวางจำหน่าย New Mitsubishi Triton ในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายนเป็นต้นไป ก่อนจะทยอยเปิดตัวในอีก 150 ประเทศทั่วโลกในอนาคต จึงมั่นใจได้ในคุณภาพการผลิตที่สมบูรณ์แบบ และเรามั่นใจได้ทันทีที่เห็นโฉมหน้าของ New Mitsubishi Triton  ครั้งแรก ว่าจะต้องได้รับยอดจองอย่างมหาศาลแน่นอน

สำหรับหนุ่มคนไหนที่สนใจอยากได้มาครอบครองหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.mitsubishi-motors.com หรือโทรสอบถาม Mitsubishi Call-center 02-079-9500

 

SPLESS
WRITER: SPLESS
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line