World

NIHON STORIES: TOMOE GOZEN ซามูไรหญิงคนแรกและกลุ่มนักรบที่หลบมุมในหน้าประวัติศาสตร์

By: TOIISAN October 9, 2019

ถ้าพูดถึงนักสู้หรือชนชั้นนักรบของสังคมญี่ปุ่นสมัยก่อน คนทั่วไปก็จะนึกถึงซามูไรเป็นอย่างแรก นึกถึงโรนิน หรือแม้กระทั่งชื่อของการปลิดชีพตัวเองอย่างเซ็มปุกุ (ฮาราคีรี) แต่ถ้าถามว่ารู้จัก อนนะ บุเกอิชา (Onna Bugeisha) หรือไม่ ? คำตอบส่วนใหญ่คือ “ไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินมาก่อน” ทั้งที่คนกลุ่มนี้มีบทบาทมากในสงครามญี่ปุ่น 

น่าเศร้าที่ความแข็งแกร่งของ อนนะ บุเกอิชา ไม่ค่อยถูกพูดถึงมากเท่าไหร่ UNLOCKMEN จึงอยากเล่าเรื่องราวโคตรเท่ของกลุ่มอนนะ บุเกอิชา รวมถึงตำนานความโหดกลางสนามรบของโทโมเอะ โกเซ็น (Tomoe Gozen) สตรีที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นซามูไรหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

“เพราะซามูไรไม่ได้รบเพียงลำพัง แต่ยังมีสตรีที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปด้วยกัน”

 

ONNA BUGEISHA เรื่องราวของกลุ่มหญิงสาวที่หันมาจับดาบ 

newyorkminutemag

อนนะ บุเกอิชา คือกลุ่มสตรีญี่ปุ่นที่ลุกขึ้นมาจับอาวุธวิ่งเข้าสู่สมรภูมิไม่ต่างจากซามูไร พวกเธอแตกต่างจากหญิงญี่ปุ่นทั่วไปที่ต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน หญิงจากตระกูลดีต้องเรียนรำ ชงชาตามประเพณีอันดีงาม ส่วนหญิงชาวบ้านต้องฟังสามี หลักฐานทางประวัติศาสตร์บางชิ้นระบุไว้ว่าในช่วงศตวรรษที่ 16-18 ประเทศญี่ปุ่นยังคงเป็นก๊กเป็นเหล่าและทำต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่เขตแดน ในสงครามก็มีอนนะ บุเกอิชา หรือซามูไรหญิงเข้าร่วมรบเป็นจำนวนมาก

จุดเริ่มต้นของ อนนะ บุเกอิชาไม่มีที่มาที่ไปแน่ชัด บ้างก็ว่าเกิดขึ้นในยุคเฮอัง บางคนก็คาดว่าเกิดขึ้นในยุคคามากุระ แต่เหตุผลทำให้หญิงสาวจับอาวุธเกิดขึ้นเมื่อสามีหรือพ่อต้องออกไปทำสงคราม เมื่อชุมชนไร้ชายชาตรีมีแต่ผู้หญิง เด็ก และคนแก่ หากเกิดเหตุไม่คาดฝันพวกเธอจะต้องดูแลตัวเอง เพราะถ้าปกป้องตัวเองกับชาติตระกูลไม่ได้แล้วใครเล่าจะมาปกป้องเรา

Samurai Warrior Queens (2015)

เมื่อหญิงสาวหันมาจับดาบเรียนการต่อสู้แบบผู้ชายเพื่อปกป้องตัวเองและชาติตระกูล ปัญหาที่เกิดขึ้นคือดาบคาตานะ สัญลักษณ์ของชนชั้นซามูไรที่ขึ้นชื่อเรื่องความคม ไม่หักไม่งอกลับไม่ค่อยเหมาะสมกับสรีระของผู้หญิง เพราะดาบคาตานะบางเล่มก็หนักเกินไปสำหรับผู้หญิง รวมถึงหากต้องสู้กับโรนินหรือซามูไรผู้ชายอาจจะสู้แรงไม่ได้ ด้วยข้อจำกัดที่กล่าวมาจึงทำให้เราเห็นว่าอาวุธส่วนใหญ่ของอนนะ บุเกอิชา คือ ง้าวนากินาตะ (Naginata) หนึ่งในอาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุดในสงคราม

ด้วยด้ามจับยาวกว่าดาบคาตานะจะทำให้อนนะ บุเกอิชาสามารถจู่โจมศัตรูได้โดยไม่ต้องลงจากหลังม้า ปลายดาบมีรูปร่างโค้งขึ้นเล็กน้อยแถมใบมีดคมกริบแบบเดียวกับดาบซามูไรก็สามารถบั่นคอศัตรูให้กระเด็นด้วยการตวัดครั้งเดียว

Samurai Warrior Queens (2015)

นอกจากง้าวนากินาตะแล้วซามูไรหญิงเหล่านี้ยังนิยมใช้ทวน บางคนก็ถนัดถือดาบคาตานะ บ้างก็ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ด้วยมีดและธนู แต่ด้วยความโหดของง้าวนากินาตะที่สร้างชื่อในสนามรบไปพร้อม ๆ กับอนนะ บุเกอิชา ทำให้ภาพจำของคนส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงซามูไรหญิงก็จะนึกถึงสตรีในชุดเกราะที่มักปรากฏตัวพร้อมกับง้าวนากินาตะมากกว่าอาวุธชนิดอื่น ๆ


TOMOE GOZEN สตรีที่ถูกเรียกว่าซามูไรหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ 

Tomoe Gozen the Legendary Female Samurai Champion

ระหว่างปี 1180-1185 ถือเป็นอีกช่วงเวลาที่ทั่วทั้งเกาะญี่ปุ่นเต็มไปด้วยความขัดแย้งและสงครามสองตระกูลระหว่างตระกูลมินาโมโตะ (Minamoto) กับตระกูลไทระ (Taitra) ซึ่งการต่อสู้ของทั้งสองตระกูลทำให้ชื่อเสียงของอนนะ บุเกอิชา นามว่า โทโมเอะ โกเซ็น (Tomoe Gozen) กลายเป็นตำนานเล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน 

แม้ไม่มีข้อมูลชัดเจนถึงชาติกำเนิดของเธอ แต่นักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่าเธอเกิดราวปี ค.ศ. 1157 หญิงสาวรูปร่างสมส่วน ผิวขาวราวกับไข่มุก ไว้ผมยาวสลวยสีดำขลับ และเป็นอนุภรรยาของ มินาโมโตะ โยชินากะ (Minamoto Yoshinaga) จากตระกูลมินาโมโตะที่ขัดแย้งกับตระกูลไทระ แต่ในวรรณกรรมชื่อดังของญี่ปุ่นเรื่องเฮเกะโมโนกาตาริ (Heike Monogatari) เขียนว่าโทโมเอะ โกเซ็นเป็นภรรยาของพลธนูนามว่า ฮันกะคุ โกเซ็น (Hangaku Gozen) ที่เป็นลูกน้องของโยชินากะอีกที แม้ว่าต้นกำเนิดของเธอจะถูกบันทึกไว้ต่างกันแต่สิ่งหนึ่งที่บันทึกทุกเล่มระบุไว้เหมือนกันคือความเก่งกาจในสนามรบของเธอ

ความขัดแย้งของสองตระกูลใหญ่นำสงครามมาสู่บ้านเมืองนานนับสิบปี สงครามนี้มีชื่อว่าสงครามเก็มเป (Genpei kassen) การต่อสู้ทำให้หญิงสาวบางส่วนต้องเข้าสู่สงครามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งโทโมเอะซึ่งเป็นสตรีที่ขึ้นชื่อเรื่องความแม่นในการยิงธนูรวมถึงเชี่ยวชาญเรื่องศิลปะการต่อสู้และขี่ม้าก็ต้องเข้าสู่สงครามด้วยเช่นกัน

มีบันทึกระบุว่าโทโมเอะแสดงให้เห็นถึงทักษะการขี่ม้าแสนดุเดือดฝ่าตะลุยแนวหน้าอย่างห้าวหาญ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านอาวุธต่าง ๆ ทั้งธนู ดาบคาตานะและง้าวนากินาตะ ด้วยความเก่งกาจด้านการรบทำให้เธอสามารถสังหารขุนพลทหารม้าได้ 7 คน ตัดหัวผู้นำของตระกูลมูซาชิและนำศีรษะทั้งหมดกลับมาให้โยชินากะ ความบ้าบิ่นเกินใครของเธอเริ่มกลายเป็นที่พูดถึงในหมู่นักรบ

Tomoe Gozen the Legendary Female Samurai Champion

Tomoe Gozen the Legendary Female Samurai Champion

อีกวีรกรรมโด่งดังของเธอในศึกเก็มเปคือการเป็นผู้นำแนวหน้านำทัพซามูไรกว่า 300 คน ต่อสู้กับกองทัพตระกูลไทระที่มีจำนวนมากถึง 2,000 คน เธอเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของนักรบผู้ไม่กลัวตาย มีบันทึกเขียนว่าโทโมกะสามารถสังหารนักรบฝ่ายไทระได้เป็นจำนวนมากและสามารถตัดหัวของหัวหน้ากลับมาได้อีกครั้ง ทำให้เธอถูกกล่าวขานไปทั่วว่าโทโมกะ โกเซ็น คือนายพลหญิงที่แข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่น

Tomoe Gozen the Legendary Female Samurai Champion

แม้ว่าฝั่งมินาโมโตะมีนักรบมากฝีมืออย่างโทโมเอะกำลังไล่ต้อนฝั่งไทระจนเกือบจนมุม แต่ด้วยความประมาทและปัญหาภายในของฝั่งมินาโมโตะทำให้กองทัพภายใต้การบัญชาการของโยชินากะพลาดพลั้งในศึกอะวาสึ (Battle of Awazu) โทโมเอะพยายามจะทำการเซ็มปุกุตัวเองตามโยชินากะแต่เขาต้องการให้โทโมเอะฝ่าวงล้อมศัตรูหนีไป เขาอยากให้เธออยู่รอดเพื่อบอกเล่าเรื่องราวการต่อสู้ครั้งนี้ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ โดยบอกกับเธอว่าการมีผู้หญิงมาตายพร้อมกับนักรบอย่างเขาเป็นสิ่งน่าละอายใจเกินใจรับได้ ถึงแม้กองทัพของโยชินากะจะพ่ายแพ้ในศึกอะวาสึ แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้ชนะในสงครามเก็มเปก็คือมินาโมโตะอยู่ดี

Tomoe Gozen the Legendary Female Samurai Champion

บางคนอาจไม่อยากปักใจเชื่อว่าหญิงสาวตัวเล็ก ๆ จะจับอาวุธลงสนามไปสู้กับผู้ชายได้จริง จึงทำให้ในยุคหลังเกิดการขุดร่างไร้วิญญาณของนักรบ 105 ร่าง ที่เสียชีวิตในสมรภูมิมาตรวจสอบดีเอ็นเอและพบว่า 35 ร่างเป็นเพศหญิง การขุดศพครั้งนี้จึงสนับสนุนหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บันทึกไว้ว่าอนนะ บูเกอิชา หรือซามูไรหญิงมีตัวตนจริง ๆ และมีบทบาทในสนามรบไม่แพ้ซามูไร

นอกจากการตั้งคำถามที่ตอบข้อสงสัยว่ามีสตรีร่วมสงครามจริงหรือไม่ ยังมีอีกหนึ่งคำถามน่าสนใจว่าปัจจุบันง้าวนากินาตะของโทโมเอะ โกเซ็น อยู่ที่ไหน ? มีวัดแห่งหนึ่งในเมืองนากาโนะอ้างว่าง้าวนากินาตะคู่ใจของเธออยู่ที่วัดนี้ และทำการโฆษณาใหญ่โตเพื่อเชิญชวนให้ชาวญี่ปุ่นเดินทางมาดูง้าวที่วัด แต่นักวิชาการญี่ปุ่นส่วนใหญ่ไม่ยอมรับคำกล่าวอ้างของวัดนี้เท่าไหร่นักเพราะไม่มีอะไรที่สามารถยืนยันได้เลยว่าง้าวเป็นของโทโมเอะจริง ๆ และสุดท้ายก็คงมีแต่เธอผู้เป็นเจ้าของเท่านั้นที่จะรู้ว่าง้าวนากินาตะซ่อนอยู่ส่วนไหนในประเทศญี่ปุ่น

Tomoe Gozen the Legendary Female Samurai Champion

หลังจากสิ้นสุดสงครามที่กินเวลาเป็นสิบ ๆ ปี ประเทศญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยเรื่อยมา จากยุคเอโดะที่ปิดประเทศไปยาวนานกว่า 265 ปี ก้าวเข้าสู่ยุคเมจิ เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มากมายในช่วงเวลานี้ทั้งการย้ายเมืองหลวงจากเกียวโตไปยังเอโดะ (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียว) คณะรัฐบาลทำการปฏิรูปประเทศญี่ปุ่นในทุก ๆ ด้านทั้งสังคม การศึกษา เศรษฐกิจ รวมถึงการยกเลิกระบอบศักดินาสวามิภักดิ์ ทำให้ซามูไรไร้สิทธิพิเศษที่เคยมีและเข้าสู่ยุคเสื่อมของเหล่านักรบผู้องอาจ

Way Of The Warrior

แม้ในตอนนี้ยุคสมัยของซามูไรจะจบสิ้นลงไปนานมากแล้ว แต่ด้วยเรื่องราวหาญกล้าของเหล่านักรบทั้งชายและหญิงที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีไม่กลัวตายก็ทำให้ชีวิตวีรชนถูกเล่าขานซ้ำแล้วซ้ำเล่า แถมในวันนี้เราก็ยังได้รู้จักกลุ่มนักรบอนนะ บุเกอิชาและเรื่องราวโคตรเท่ของโทโมโอะ โกเซ็น ที่ยิ่งตอกย้ำชัดเจนว่าวีรกรรมของนักรบผู้สู้จนตัวตายจะไม่มีวันหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น


 

SOURCE: 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6

Source: Alexsander Bennett. (2016). Naginata History and Practice.Bunkasha International. 

TOIISAN
WRITER: TOIISAN
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line