CARS

NISSAN LEAF ต้นแบบยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ICONIC EV CARS ความยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์โลก

By: NTman June 26, 2019

เมื่อช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ยุคแรกเริ่มแห่งการบุกเบิกอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 26 ธันวาคม ปี 1933 ได้มีบริษัทรถยนต์แห่งใหม่ถือกำเนิดขึ้นจากการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท Tobata Imono และ  Nihon Sangyo โดยใช้ชื่อว่าใหม่ว่า Jidosha Seizo Co., Ltd. แน่นอนว่าชื่อบริษัทเหล่านี้หลายคนคงรู้สึกไม่คุ้นหูสักเท่าไหร่ แต่เชื่อว่าทุกคนจะต้องร้องอ๋อในทันที เมื่อได้รู้ว่าในปีถัดมาบริษัทผลิตรถยนต์น้องใหม่รายนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Nissan Motor Co., Ltd. หรือ Nissan ที่เรารู้จักกันดี และกลายเป็นผู้นำที่ออกแบบพัฒนารถยนต์ระดับ Iconic บนหน้าประวัติศาสตร์มามากมาย รวมถึงยังเป็นแบรนด์แรกที่พารถยนต์ญี่ปุ่นไปสร้างชื่อเสียงให้คนทั้งโลกได้รับรู้กับความล้ำหน้าของรถยนต์ Made In Japan

ผ่านเวลามาจนถึงวันนี้ เวลาเดินทางผ่านไปเกือบ 86 ปี จากบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นมาด้วยเงินทุนเพียง 10 ล้านเยน ได้กลายมาเป็นบริษัทยานยนต์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในแถวหน้าของโลก ผลิตรถยนต์จำหน่ายไปแล้ว 150 ล้านคันทั่วโลก (ข้อมูลเมื่อปี 2017) และได้สร้างสรรค์ Iconic Cars ระดับตำนานภายใต้แบรนด์ Datsun และ Nissan ขึ้นมามากมายหลายต่อหลายรุ่นอย่างไม่เคยหยุดยั้ง

ปัจจุบันเราอาจจะเคยชินกับแบรนด์ Nissan จนลืมไปว่าค่ายนี้ได้สร้างสรรค์รถยนต์ที่ติดอันดับ Iconic Cars ไว้มากไม่แพ้ใคร ยกตัวอย่างคร่าว ๆ ให้พอนึกภาพออกก็จะเป็น Datsun 240z, Nissan Fairlady Z, Nissan 200SX, Nissan Silvia หรือแม้กระทั่ง Cult Car หน้าตาน่ารักคลาสสิกที่ผลิตขึ้นมาในจำนวนจำกัดเพียง 20,000 คัน อย่าง Nissan Figaro ก็ยังคงโลดแล่นอยู่ทั้งบนถนนและในใจของทุกคนมาโดยตลอด ได้รับความนิยมจากสาวกอย่างไม่มีเสื่อมคลาย และคงจะขาดไปไม่ได้กับ Iconic Car ในฝันของทุกคนบนโลกใบนี้ อย่างเจ้า Nissan Skyline GT-R ที่ใครเจอเป็นต้องหันคอไปมองตามจนลับหายตา ไม่ว่าจะรุ่นไหน Generation อะไรในตระกูล เชื่อว่าถ้าใครหาได้ ก็คงอยากมีไว้ในครอบครองสักคันแน่นอน

และไม่ใช่เพียงแค่รถยนต์ระดับตำนานเหล่านี้ที่ Nissan บรรจงพัฒนาจนขึ้นแท่นเป็น Iconic Cars ระดับโลก เพราะในขณะที่คนทั้งโลกเริ่มหันมาใส่ใจกับรถยนต์พลังงานทางเลือกกันอย่างจริงจังในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทาง Nissan เค้าได้ให้ความสำคัญและซุ่มพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้ามาแล้วกว่า 72 ปี สมกับสโลแกน ‘Innovation that Excites’ ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนนโยบายหลักของ Nissan จริง ๆ

Nissan TAMA EV

ย้อนกลับไปในปี 1947 ยุคที่ญี่ปุ่นกำลังประสบปัญหารุมเร้าอันเป็นผลพวงจากการแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 และแน่นอนว่าปัญหาน้ำมันขาดแคลนก็ไม่ได้ละเว้นชาวอาทิตย์อุทัยเอาไว้แต่อย่างใด จนในที่สุดด้วยสายเลือดบูชิโดที่ไม่ยอมแพ้ง่ายอะไรง่าย ๆ จึงได้มีการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าขึ้นมาทดแทนการใช้น้ำมัน ในชื่อว่า TAMA ซึ่งเป็นรถบรรทุกขนาด 2 ที่นั่ง บรรจุมอเตอร์กระแสตรง 4.5 แรงม้า (3.3 กิโลวัตต์) ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ Lead-acid ขนาด 40 โวลต์, 162 AMPh  ให้ความเร็วสูงสุดที่  34 กม./ชม. ก่อนที่จะพัฒนา TAMA รุ่น 4 ที่นั่งออกมา ซึ่งทำความเร็วสูงสุดได้  35 กม./ชม. ชาร์จเต็ม 1 ครั้งวิ่งได้ไกล 65 กม.

หลายคนอาจจะคิดว่ามันดูไม่เห็นล้ำหน้าอะไร เราอยากลองนึกภาพความเก๋าของ TAMA รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เกิดขึ้นมาบนโลกก่อน Elon Musk ถือกำเนิดขึ้นเสียอีก (June 28, 1971)

Nissan LEAF 1st Gen

โดย TAMA EV นั้นเป็นผลผลิตจากฝีมือของทีมงาน Tachikawa Aircraft factory ที่เคยผลิตเครื่องบินในช่วงสงครามโลก ซึ่งแยกตัวออกมาตั้งโรงงาน Tokyo Electro Automobile Co.,Ltd. และได้รวมกิจการกับบริษัท Prince Motor ก่อน Nissan จะเข้าซื้อกิจการในปี 1966 ทำให้ Nissan เป็นเจ้าของ TAMA EV และสิทธิบัตรต่าง ๆ ไปโดยปริยาย

ก่อนที่จะหยิบเอาเทคโนโลยีวิศวกรรมจากต้นแบบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ซุ่มพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนสำเร็จ เกิด EV Cars ที่สมบูรณ์แบบ และเผยโฉมออกมาเมื่อปี 2010 ในนาม Nissan LEAF รถยนต์ไฟฟ้าเต็มระบบ ซึ่งถูกดีไซน์ให้เป็นยานพาหนะที่เหมาะจะใช้งานได้จริงในทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยรูปทรง 5-door hatchback electric car ขนาดกะทัดรัด ซึ่งวางจำหน่ายต่อสาธารณชนเป็นรุ่นแรกของโลก (ไม่นับ Nissan Altra, Hypermini ที่ผลิตเพื่อใช้ภายในองค์กรและสำหรับมอบให้รัฐบาลใช้)

ด้วยหน้าตาที่ออกแบบได้ทันสมัย บวกกับการเป็นผู้คิดค้นการวางตำแหน่งแบตเตอรี่ซึ่งเป็นสิ่งที่หนักที่สุด ในจุดที่ต่ำที่สุดของรถ ซึ่งช่วยในเรื่องจุดศูนย์ถ่วงและการทรงตัวของรถ EV ให้ขับขี่ได้ดีกว่า พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 80 kW (110 hp) ให้แรงบิด 280 Nm ขับเคลื่อนล้อหน้า แม้รถพลังงานไฟฟ้าจะเป็นสิ่งใหม่มากในยุคนั้น แต่ Nissan LEAF ก็ยังสามารถคว้ารางวัล “Top Safety Pick” by the Insurance Institute for Highway Safety ในปี 2011 มาครอบครอง มันจึงเป็นประสบการณ์ขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ทั่วโลกให้การยอมรับทันที มันจึงได้ครองตำแหน่งรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก (the world’s all-time best-selling highway-capable electric ca) ด้วยยอดขายกว่า 400,000 คัน  (ข้อมูลถึงเดือนมีนาคม 2019) กวาดรางวัลสุดยอดรถยนต์ระดับโลกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น 2010 Green Car Vision Award, the 2011 European Car of the Year, the 2011 World Car of the Year, 2011–2012 Car of the Year Japan.

 

สำหรับ Nissan LEAF ใหม่ ซึ่งเป็น Generation ที่ 2 ได้มีการปรับโฉมใหม่ให้หล่อเหลา ดูโฉบเฉี่ยวทรงพลัง พร้อมความเป็นเอกลักษณ์ด้วยกระจังหน้า V-Motion สะดุดตาด้วยไฟรูปทรงบูมเมอแรง พร้อมการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ ซึ่งยังคงเก็บรักษาเสน่ห์อันเป็น Key Design ต่อยอดมาจาก LEAF Generation ที่ 1

ทางด้านขุมพลัง Nissan LEAF Gen 2 ขับเคลื่อนด้วยแบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน ขนาดความจุ 40 กิโลวัตต์/ชั่วโมง  ที่ออกแบบใหม่ พัฒนาให้แต่ละเซลล์มีขนาดเล็ก บาง จัดเรียงในรูปทรงที่เรียบง่าย ทำให้จุไฟฟ้าได้สูง และช่วยให้น้ำหนักแบตลดลง ประหยัดพลังงานมากขึ้น พร้อมพละกำลังที่สูงขึ้นด้วยม้า 147 ตัว (110 กิโลวัตต์ ) แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร สามารถสร้างแรงบิดสูงสุดตั้งแต่เริ่มออกตัว เพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ด้วยอัตราเร่งที่รวดเร็วและต่อเนื่อง ขับสนุกแทบไม่ต่างจากขับรถน้ำมัน โดยสามารถขับได้ระยะทางสูงสุด 311  กม.* ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (*จากการประเมินตามมาตรฐาน NEDC หรือมาตรฐานการทดสอบความประหยัดน้ำมันและมลพิษของยุโรป)

นอกจากนี้ยังได้มีการต่อยอดพัฒนาประสิทธิภาพการขับขี่ให้ดียิ่งขึ้นภายใต้แนวคิด Nissan Intelligent Mobility เทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อการขับขี่ในอนาคต ด้วยการมัดรวมเทคโนโลยีไฮเทคเอาไว้ใน Nissan LEAF เพื่อการเดินทางที่สะดวกสบายกว่าที่เคย ด้วยระบบคันเร่งอัจฉริยะ e-Pedal เทคโนโลยีล้ำสมัย ครั้งแรกของโลก ที่เราสามารถเร่ง ชะลอ และเบรกเพื่อหยุดรถ ด้วยการใช้แป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว ช่วยให้ขับขี่ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องสลับเท้าไปมาระหว่างคันเร่งและแป้นเบรก ลดอาการเมื่อยเท้าเวลาเจอรถติดในเมืองไปได้เยอะ และยังช่วยให้การออกตัว รวมถึงการหยุดรถบนทางลาดชันได้ง่ายขึ้น

Forward Emergency Braking (FEB)

Moving Object Detection (MOD)

Intelligent Around View Monitor (IAVM)

อีกทั้งยังขับขี่ได้อุ่นใจกว่าด้วยเทคโนโลยี Forward Emergency Braking (FEB) จับระยะห่างจากรถยนต์ด้านหน้า และส่งสัญญาณเตือนเมื่อรถของเราอยู่ในระยะกระชั้นกับคันหน้ามากเกินไป และช่วยชะลอความเร็วอัตโนมัติเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน พร้อม Moving Object Detection (MOD) ระบบตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุ รวมบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน และ Intelligent Around View Monitor (IAVM) ที่ช่วยให้ทุกการขับขี่ ออกตัว เดินหน้า ถอยหลัง เป็นไปได้ด้วยความมั่นใจและความปลอดภัยที่มากกว่า เรียกได้ว่าเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้า ที่ลงตัวในทุกด้านทั้งเรื่องดีไซน์หล่อเตะตา เทคโนโลยีการขับขี่ล้ำสมัย รวมถึงเทคโนโลยีแบตเตอรี่ และเครื่องยนต์ที่ยกระดับประสบการณ์การขับขี่รถ EV ให้เป็นอีกทางเลือกที่ประหยัดทรัพยากร ปราศจากการก่อมลภาวะ สามารถทดแทนการใช้รถยนต์ระบบน้ำมันได้อย่างแท้จริง

เราคงต้องบอกว่าท่ามกลาง Iconic Cars มากมายหลายต่อหลายรุ่นที่ Nissan ได้สร้างสรรค์ขึ้นมา สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีชื่อของ Nissan LEAF เป็นหนึ่งในนั้น เพราะคงไม่มีอะไรที่เหมาะสมไปกว่ายนตรกรรมอัจฉริยะที่ไม่ได้คิดขึ้นมาเพื่อพวกเราเท่านั้น แต่ยังเป็นการคิดเพื่อโลก คิดเพื่อวันพรุ่งนี้ที่ดียิ่งกว่า และนี่คือภาพสะท้อนของเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่จับต้องได้ และพร้อมให้ทุกคนไปสัมผัสด้วยตัวเองได้แล้ววันนี้

แต่ช้าก่อน มันยังไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะสำหรับใครที่หลงใหลในความแรงและยังกังขากับสมรรถนะของรถ EV ต้องขอบอกว่า LEAF นั้นเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มักจะถูก NISMO นำไปโมดิฟายอัพแรงม้าอยู่เสมอ เช่นเดียวกับใน Generation ที่ 2  “NISSAN LEAF NISMO RC” เพื่อนำไปเปิดตัวโชว์อย่างเป็นทางการที่งาน Nismo Festival ณ Fuji International Speedway เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดย LEAF Nismo RC Generation ที่ 2 เป็นการโชว์ความสามารถท่ีพัฒนาก้าวกระโดดของ Nismo โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ (Dual electric motors) ที่ให้พลังมากถึง 322 แรงม้า พร้อมแรงบิดมหาศาลทันใจ 472 lb-ft of torque ทำเวลา 0-100 km/h ใน 3.4 วินาที ซึ่งสมรรถนะโดยรวมเจริญขึ้นกว่า LEAF Nismo RC Gen 1 ถึงสองเท่า แถมยังขับมันส์กว่าด้วยระบบ all-wheel-drive system

สำหรับคนที่อยากเข้ามาสัมผัสกับความ Iconic ของ Nissan ไม่ว่าจะเป็น GT-R หรือ LEAF อย่าพลาดไปร่วมกิจกรรมกับเราเพื่อเข้ามาเป็นหนึ่งในแขก Exclusive เข้าร่วมงาน “The Iconic Party” ที่เรารวบรวมทุกความ Iconic เอาไว้ในค่ำคืนเดียว ไม่ว่าจะเป็นรถ Iconic อย่าง Nissan Skyline GT-R ทั้ง R32, R33, R34, R35 รวมถึง Nissan LEAF ทั้ง Generation ที่ 1 และ 2 พร้อมดนตรีจาก Iconic Rapper KHan Thaitanium กับเพลงพิเศษที่แต่งเพื่อ Rap ในงานนี้เท่านั้น ตามด้วยดนตรีสุดมันส์โดย MEYOU x Ziggavoy x DJ Tul Apartment Khunpa และปิดท้ายด้วย After Party โดย DJ Marmosets

สามารถเข้าไปร่วมกิจกรรมเพื่อเข้าร่วมงาน The Iconic Party ได้ที่ : https://bit.ly/2ZRjM4c

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมของ Nissan LEAF ได้ที่ 
https://www.nissan.co.th/vehicles/new-vehicles/leaf.html

NTman
WRITER: NTman
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line