FASHION

อยากรู้เรื่องสูท ต้องคุยกับตัวจริง พร้อมกฎสามข้อในการเลือกซื้อสูทตัวแรกกับ Pinky Tailor

By: Thada October 4, 2016


เสื้อสูทเปรียบเหมือนดังเสื้อเกราะของผู้ชายสมัยใหม่ และยังเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นชายเมื่อสวมใส่มัน แต่สำหรับคนไทยสูทอาจจะดูเป็นเรื่องห่างตัวไปสักนิด เพราะนอกจากงานแต่งงาน หรืองานพิธีการ เราแทบจะไม่ค่อยมีโอกาสได้หยิบชุดสูทมาสวมใส่สักเท่าไหร่ ซึ่งแตกต่างจากวัฒนธรรมตะวันตก หรือแม้แต่เพื่อนบ้านอย่าง ญี่ปุ่น จีน เกาหลี ที่เขาจะให้เกียรติกับการทำงาน โดยการสวมสูททุกครั้งที่ออกไปทำงาน

พวกเราพอจะเข้าใจเหตุผลว่าทำไมผู้ชายไทยจึงไม่นิยมสวมสูทกัน เพราะเนื่องด้วยอากาศที่ร้อนระอุในประเทศไทย และอาจจะคิดว่าหาสูทสำเร็จเอาใส่ง่ายๆ เฉพาะงานต่องานเป็นพอ นั้นทำให้สูทถูกลดความจำเป็นลงไปเยอะ อีกทั้ง Ready to wears ส่วนใหญ่ในท้องตลาดจะใช้ผ้าแบบราคาถูก คุณสมบัติของผ้าไม่ดีพอให้อากาศถ่ายเทได้ หรือถ้าเกิดเป็นแบรนด์ดัง ราคาสูทก็แพงจนหน้าตกใจ

pw-8

ทีมงาน UNLOCKMEN จึงอยากจะเปิดมุมมองและความรู้ใหม่ที่ถูกต้อง เกี่ยวกับการใส่ชุดสูทให้กับผู้ชายไทยทุกคนว่า จริงๆ แล้วเราสามารถ Tailor made สูทที่เหมาะกับรูปร่างของเราได้ โดยเราสามารถกำหนดความหนา เนื้อผ้าแบบที่ใส่ในเมืองไทยแล้วรู้สึกสบาย แต่จะมาพูดเฉยๆ อาจจะลงลึกได้ไม่มากพอ ดังนั้นเราจึงเดินทางไปยังร้านตัดสูทฝีมือดี ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้า  VIP  ในไทยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นท่านฑูต นักธุรกิจชื่อดัง หรือแม้แต่คนต่างชาติที่ถึงขั้นต้องบินมาตัดสูทที่ร้าน  Pinky Tailor  ซึ่งเปิดกิจการมาแล้วกว่า 30 ปี ปัจจุบันดำเนินการโดยทายาทรุ่นที่ 2 คือ “คุณวิน ปวิณ ผลิตเดชตระกูล” ที่วันนี้จะมาเป็นผู้ให้ความรู้เกี่ยวกับการตัดสูทแบบ Tailor made ที่ถูกต้อง รวมถึงแนะนำการเลือกสูทตัวแรกด้วย

pw-29

เมื่อเดินทางมาถึงร้าน คุณวิน ปวิณ ผลิตเดชตระกูล เจ้าของร้าน Pinky Tailor ได้ออกมาต้อนรับ และพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับทีมงาน UNLOCKMEN

จุดเริ่มต้นกลับมาสานต่อกิจการร้านสูทของที่บ้าน ทั้งที่เรียนจบวิศวะมา?

pw-27

รู้ตั้งแต่เด็กอยู่แล้วว่ายังไงก็จะกลับมาสานต่อกิจการที่บ้าน แต่เหมือนเป็นสิ่งที่เด็กๆ รุ่นผมถูกปลูกฝังว่าต้องเรียนหมอ เรียนวิศวะ ซึ่งจริงๆ แล้วผมชื่นชอบการวาดรูป ก็มาปรึกษากับคุณพ่อว่าอยากเรียน Arts แต่คิดดีๆ แล้วจึงตัดสินใจว่าไม่เรียนดีกว่า เลยเลือกวิศวะ แต่ปกติเวลาหลังเลิกเรียน หรือหลังเลิกงานตอนทำงานประจำ ก็จะมาช่วยงานที่ร้านอยู่เป็นประจำ มันเหมือนเป็นสิ่งที่ซึมซับมาตั้งแต่เด็ก เวลามาที่ร้านเราจะรู้สึกสนุก แม้ว่าตอนนั้นเราอาจจะไม่ได้มีความรู้เรื่องตัดเย็บ แต่เราก็จะได้คุยกับลูกค้า เลยทำให้ผมชอบโมเม้นตรงนี้ ที่ได้พูดคุยกับคนใหม่ๆ

 

ความเปลี่ยนแปลงของ Pinky Tailor ระหว่างอดีต กับปัจจุบัน?

แน่นอนว่าฐานลูกค้าเดิมจากของคุณพ่อไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ สถานฑูต ที่เคยอยู่เมืองไทย เขาก็ยังกลับมาตัดสูทที่ร้าน แต่ที่เพิ่มเติมในรุ่นของผมคือ ฐานลูกค้ากว้างขึ้น จะมีลูกค้าชาวไทยเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่น เพราะเราทำอะไรที่แปลกมากขึ้น ทำให้ถูกใจลูกค้าทั้งหญิง ชาย หรือเพศทางเลือก เพราะเรานำเสนอ มุมมองใหม่สำหรับร้าน Tailor สูท

 

อะไรคือความต่างที่ว่านั้น และเป็นหลักการในการบริหารร้านของคุณ ปวิน?

pw-30

ร้านเราคือ  “Family-Run business”  เราไม่ต้องการที่จะขยายสาขา หรือขึ้นห้างใหญ่โต แบบนั้นเราควบคุมไม่ได้   เพราะจริงๆ คนไทยที่มาตัดสูท เขาไม่ได้ใจร้อน มาวันนี้ และอยากได้พรุ่งนี้ เขามีเวลา เราจึงอยากดูแลลูกค้าด้วยตัวเอง ให้ความรู้ด้วยตัวเอง ความรู้สึกเวลาที่เจ้าของดูแลลูกค้า มันสามารถสร้างความเชื่อมั่น relationship ตรงนี้ ได้ดีกว่าลูกน้องบริการ

ดังนั้นลูกค้าที่ร้านผมจะเป็นคนดูแลเองทั้งหมด เหมือนเป็นคนในครอบครัว อีกจุดคือร้าน Pinky Tailor จะสามารถเล่นลูกเล่นดีเทลกับผ้าได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นซับใน เรามีผ้าให้เลือกเป็นพันๆ แบบ สามารถเพ้นท์ลาย หรือ อยากได้ตะเข็บแบบไหน ก็ออกแบบลายตัดได้เลยตามต้องการ เพราะว่าเราเป็น Tailor made และผมจะบินไปต่างประเทศทุกปีเพื่อหาวัตถุดิบใหม่ๆ มาเติมที่ร้านเป็นประจำ

pw-1

สุดท้ายคือความซื่อสัตย์ที่เรามีให้กับลูกค้า เราจะไม่โกหก หลอกลวงในเรื่องของผ้า จะเห็นได้ว่าบางทีริมของผ้าอาจจะเขียนว่า  Wool 100 % แต่จริงๆ เป็นผ้าผสม หรือผ้านี้ทำที่จีน แต่ตอกอิตาลีมา เราก็จะไม่ปิดบังลูกค้า การโกหกก็เหมือนทำร้ายชื่อเสียงของร้านตัวเอง เราไม่อยากมาค้าขายกันแค่ครั้งเดียว มันจะไม่ดีกว่าหรอ หากเราพูดความจริง และเกิดลูกค้าชอบ ถูกใจในบริการของเรา แล้วกลับมาซื้ออีก หรือบอกต่อถึงเพื่อนให้มาลอง

pw-15

 

ประเภทของสูทในร้าน Pinky Tailor?

แบ่งแบบเข้าใจง่ายๆ คือหนึ่ง  Casual Suit  เป็นสูทแบบลำลอง จะน้ำหนักเบา ใช้ผ้าบาง และไม่มีการเสริมไหล่ใดๆ สามารถใส่ Outdoor ธรรมดา แทนเสื้อกันหนาวได้เลย แต่แบบนี้ถ้าใส่ไป Meeting พรีเซ้นท์งาน หรือสมัครงานรับรองไม่ผ่านแน่นอน และอีกแบบคือ  Power Suit  มีความเป็นทางการจริงจัง ตะเข็มตามน้ำ มีรายละเอียดชัดเจน ไม่บางและเบาเท่าแบบแรก ซึ่งสูททั้งสองแบบก็สามารถแบ่งเป็น Pattern ได้อีกไม่ว่าจะเป็น Single Breasted , Double Breasted และ Tuxedo จะแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับโอกาสของงานที่จะใส่ไป

pw-35

casual suit

pw-34

Power Suit Single Breasted

pw-33

Power Suit Double Breasted

pw-32

Power Suit Tuxedo

 

คนไทยหลายคนอาจจะไม่เข้าว่า Tailor Made กับ Ready to wear ต่างกันอย่างไร?

pw-36

ง่ายๆ เลย คือถ้าเป็น Tailor Made คุณสามารถกำหนดทุกสัดส่วนได้ตามต้องการ รวมถึงดีเทลไม่ว่าจะเป็นกระดุม กระเป๋า ปกเสื้อ ผ่าหลัง ซับใน เลือกได้หมดทุกอย่าง ที่สำคัญไซส์จะออกมาเป็นของคุณเพียงคนเดียว เพราะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สูทแบบ Ready to wear เขากะจากไซส์มาตราฐาน ถ้าเป็นแบรนด์ต่างชาติ ก็จะกะไซส์โดยประมาณจากรูปร่างของคนในชาตินั้นๆ หรืออย่างเช่น  Suit Select  ก็จะใช้สแตนดารด์ไซส์ของคนเอเชีย ซึ่งคนเราไม่มีใครที่ตัวเท่ากันอยู่แล้ว แต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บางคนตัวยาว ไหล่กว้าง แขนยาว สั้นไม่เท่ากัน ดังนั้นเวลาเปรียบเทียบ ให้คิดว่า Tailor Made คือสูทที่มีช่างนั่งทำเพื่อคุณเพียงคนเดียว เรื่องรายละเอียดและคุณภาพของผ้า มันต่างกับ  Ready to wear  อยู่แล้ว

pw-5

 

หลังจากคุยกันมาสักพัก คุณวิน ปวิณ ผลิตเดชตระกูล ก็ได้พาเราเยี่ยมชมร้าน ซึ่งมีกองพับผ้าที่รอการตัดเป็นชุดสูทอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีให้เลือกที่ร้าน Pinky Tailor 3 ชั้น และร้าน Pawin อีก 2 ชั้น ซึ่งเรารับรองว่าถ้ามาเลือกเองโดยไม่มีคนแนะนำ ไม่มีทางแยกแยะรายละเอียดของผ้าทั้งหมดออกอย่างแน่นอน ดังนั้นคุณวินจึงให้คำแนะนำสำหรับการตัดสูท  Tailor-Made  ตัวแรกสำหรับคนที่ไม่เคยตัดสูทมาก่อนเลย เพื่อให้ได้สูทที่ออกมาถูกใจที่สุด คุณควรจะเตรียมตัวมาดังต่อไปนี้

ข้อ 1 คุณต้องมีแบบในใจมาก่อน

pw-19
ถ้าคุณเดินเข้ามาในร้านแบบไม่รู้อะไรเลย ทางร้านก็พอสามารถจะแนะนำแบบที่เหมาะกับคุณได้ แต่นั้นก็ไม่ได้แปลว่าจะออกมาถูกใจลูกค้า เพราะความชอบของแต่ละคนมีไม่เหมือนกัน ในอินเตอร์เน็ต หรือ  Pinterest  เป็นแหล่งที่มี  Reference  อยู่เยอะมาก ดังนั้นลองเซฟรูป หรือโทนสีที่เราต้องการมา และคราวนี้ค่อยมาปรับกันตามความเหมาะสมว่าตรงนี้เหมาะหรือไม่เหมาะกันอีกที

 

ข้อ 2  ต้องตั้ง  Budget  ให้ตัวเองก่อน

pw-23

เราต้องรู้ก่อนว่าเรามีงบประมาณกับสูทตัวนี้เท่าไหร่ เพราะถ้าคุณเดินเข้ามาและไม่ได้บอกอะไร บางทีผมอาจจะโชว์ผ้าทั้งหมดในร้านเลย คราวนี้ลูกค้าจะยิ่งงง เลยว่าเลือกอันไหนดี แต่ถ้าบอก Scoop ไว้ก่อน ก็จะง่ายที่จะพาไปดูผ้าในเรตราคานั้นๆ เพราะสูทในร้าน Pinky Tailor มีตั้งแต่ 8,000 บาท จนถึง 300,000 บาท

 

ข้อ 3 ใช้สูทตัวนี้เนื่องในโอกาสอะไร

pw-31

pw-13
คุณต้องรู้ต่อมาว่า สูทตัวนี้ คุณจะใส่ไปเพื่อโอกาสอะไร ในการทำงาน งานแต่ง งานพรอม บายเนียร์ หรือใส่เดินเล่น  แต่สำหรับสูทตัวแรก ผมจะถามต่อเลยว่า ลูกค้าจะดูแลสูทอย่างไร ถ้าอย่างเช่น ลูกค้าบอกว่าต้องการจะซักเครื่องธรรมดา ผมก็จะบอกเลยว่างั้นไปที่เรต 8,000 บาท เพราะผ้าที่แพง อาจจะไม่เหมาะกับการซักเครื่อง เพราะไม่อย่างนั้นใส่ทีเดียวพังแน่นอน คุณต้องมีงบประมาณในการดูแลมันต่อไปในอนาคต พาไปร้านซักแห้งซึ่งปกติจะชาร์จอยู่ที่ 500 บาทต่อการซักชุดสูท 1 ครั้ง

ซึ่งสูทตัวแรกควรจะเป็นสูทที่ใส่ไปได้หลายโอกาส ผมจึงมักจะแนะนำให้เลือกเป็นสีดำ กรมท่า เทา สามสีเข้ม

pw-16

พอได้หลักการในการเลือกแล้วทีนี้ก็คุณ ปวิน ก็มาให้ความรู้เรื่องของผ้าที่มีอยู่เป็นจำนวนมากมายก่ายกองที่ตรงหน้าของเรานี้ เพื่อที่ว่าเดินเข้าไปร้านสูทจะไม่โดนต้มตุ๋นเอา เพราะคุณ ปวิณ ได้ย้ำว่า ริมของผ้า หรือตอกประเทศ ไม่สามารถยืนยันได้ว่ามันเป็นผ้าที่มาจากที่นั้นจริงๆ ต้องใช้ความรู้ และประสบการณ์ถึงจะแยกแยะออกได้

ปวิน : ผ้าแบบแรกที่นิยมใช้ในการตัดสูท คือผ้า Cotton ซึ่งก็มีแยกหลายแบบตามเกรดราคา แต่วิธีพิสูจน์ง่ายที่สุดว่าเป็น Cotton 100% หรือเปล่า คือต้องขย้ำผ้าแล้วดูว่ามันยับหรือเปล่า ถ้ายับนั่นหละ Cotton แท้ อีกวิธีคือการจุดไฟเผา ถ้าเราเผา ต้องเป็นฝอยๆ ขนๆ เหมือนกระดาษ แต่ถ้าเผาแล้วเป็นก้อนดำ แข็งๆ ลักษณะเหมือนพลาสติก แบบนั้นคือผ้าผสม

pw-2
แบบที่สองคือผ้าลินิน ซึ่งจะเหมาะตัดเป็นสูท Casual ใส่สบายๆ คุณสมบัติเดียวกันกับ Cotton คือต้องยับ และใช้วิธีการเผาเพื่อพิสูจน์ได้แบบเดียวกับ Cotton

pw-38
แบบที่สามเป็นผ้า Wool คุณสมบัติที่ดีของผ้า Wool คือเมื่อเราแขวนไว้มันจะคลายตัวไม่ยับ และอาการถ่ายเท อย่างเช่นถ้าเกิดเราใส่ในอากาศเย็นก็จะทำให้เราอุ่น ใส่ที่ร้อนก็ทำให้เย็น

ความละเอียดเป็นไมครอนบนผ้า ซึ่งจะมีบอกบนริมผ้า ถ้ายิ่งเยอะผ้าจะละเอียด และนุ่มมาก แต่ราคาก็สูงตาม อีกทั้งเราต้องดูดีๆ ด้วย เพราะมีหลายร้านอาจจะทุจริตตรงส่วนนี้ได้

pw-3

 

แผนในอนาคตของ Pinky Tailor?

pw-22
เราเริ่มทำคอลเลคชั่นของตัวเอง และไปแฟชั่นโชว์ที่ต่างประเทศ เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง อันนี้จะมารองรับสำหรับลูกค้าที่ไม่ได้มีไอเดียในการตัดสูทเลย พอมาเห็นแบบและชอบ ก็อาจจะตัดตามคอลเลคชั่นของเราได้

อีกทั้งเราตัดให้กับดีไซเนอร์ต่างประเทศอยู่แล้ว เขาก็ชวนให้เราเอาผลงานไปโชว์ล่าสุดก็ที่ฝรั่งเศส ในเดือนหน้าก็มีไปที่  New York  ทำให้ต่อไปนี้ เราจะพยายามไปต่างประเทศสักครั้งสองครั้ง เพื่อให้ต่างชาติรู้ว่าคนไทยก็มีความสามารถในการตัดสูทได้ดีไม่แพ้ใครเช่นกัน

และอีกแผนหนึ่งของเราคือ ตอนนี้ Pinky Tailor กำลังทำ  Flagship Store  ใหม่ที่หลังสวนอยู่ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของร้านใหม่นั้นจะเป็นเหมือนจุดนัดพบ ใครก็ตามที่อยากนัดตัดสูท ก็สามารถไปเจอกันที่นั่นได้ เพราะเราจะเปิดให้บริการทุกวัน มีทั้งสูทแบบ Ready to wear แต่มีไซส์ให้เลือกเยอะกว่าที่อื่นๆ และสามารถปรับได้เลยทันทีถ้าเกิดถูกใจ ด้านหลังก็จะทำเป็น Bespoke ที่เป็นเอกลักษณ์ของเราเอง เอาไว้เดี๋ยวเปิดเรียบร้อยเมื่อไหร่ เราจะมีมาอัพเดทกันอีกทีครับ

pw-11

นับว่าเป็นอีกหนึ่งร้านที่เป็นความภูมิใจของคนไทย ที่แสดงให้คนต่างชาติได้เห็นว่า แม้ชุดสูทจะไม่ใช่สิ่งที่ใกล้เคียง และสอดคล้องกับวัฒนธรรมไทยสักเท่าไหร่ แต่คนไทยมีฝีมือในการออกแบบงาน Handcraft ได้ดีไม่แพ้ชาติใดในโลก อีกทั้งบริการที่เป็นกันเองเมื่อเดินเข้ามาในร้านคุณจะรู้สึกเหมือนคนในครอบครัว เพราะคุณวิน จะเป็นผู้ดูแล คอยแนะนำลูกค้าทุกคนด้วยตัวเอง ซึ่งต้องขอขอบคุณ คุณวิน ปวิณ ผลิตเดชตระกูล ที่สละเวลามาให้ความรู้กับพวกเราในวันนี้

สำหรับชาว UNLOCKMEN ที่มีความรู้สึกอยากจะตัดชุดสูท สามารถเดินทางมาร้าน Pinky Tailor ได้อย่างง่ายด้าย เพียงนั่งรถไฟฟ้ามาลงยังสถานี เพลินจิต พร้อมเดินเข้ามาในตึกมหาทุน พลาซ่า ถนน เพลินจิต หรือถ้ามาไม่ถูกอย่างไร สามารถโทรมาได้ที่เบอร์ 02-252-968 ร้านเปิดให้บริการ จันทร์ – เสาร์ (วันอาทิตย์สำหรับลูกค้าที่นัดไว้เท่านั้น) เวลา 10.00 – 19.00 น.  สารภาพเลยว่าเราก็ตัดสูทกับร้านนี้ไปแล้วหลายตัว ขอบอกเลยว่าคุณภาพดีจริงๆ ลองสักที แล้วจะรู้ถึงความแตกต่างครับ

pw-21

pw-12

pw-4

pw-26

Thada
WRITER: Thada
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line