Business

คิดห่วย ๆ บ้างก็ได้ งานวิจัยบอกว่า ‘คนคิดบวก’ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างที่คิดเสมอไป

By: PSYCAT June 26, 2017

เราต่างอยู่ในยุคที่ถูกกรอกหูอยู่ทุกวันว่าให้คิดบวกสิ คิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้สิ ไม่มีอะไรในโลกที่เราทำไม่ได้หรอก ขอแค่เรามั่นใจในตัวเอง แล้วบอกว่ามันเป็นไปได้ก็พอ

เราเชื่อตาม ๆ กันมา ตื่นนอนมาพร้อม ๆ กับการยืนหน้ากระจกฉีกยิ้มให้กับตัวเอง แล้วบอกว่าทำได้! กูทำได้ทุกอย่างในโลกเลย! แต่การคิดบวก ให้กำลังใจตัวเองตลอดเวลาอย่างนี้เป็นผลดีจริงหรือเปล่า? มันมีส่วนกับความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน? แล้วถ้าไม่คิดบวกตามแบบใคร ๆ เรามีโอกาสประสบความสำเร็จหรือเปล่า?

ก่อนอื่น UNLOCKMEN ขอพาคุณย้อนกลับไปเมื่อเดือนกันยายนปี 2015 ขณะนั้นที่ New York มีการแข่งขันเทนนิส U.S. Open รอบ semi-finals โดยเป็นการแข่งขันกันระหว่าง Roberta Vinci กับนักเทนนิสมือวางอันดับหนึ่งในขณะนั้นอย่าง Serena Williams

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า Serena Williams ชนะ 3 รายการหลักของการแข่งขันเทนนิสไปแล้วในปีนั้น แถมได้รับการยกย่องว่าเป็นนักเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล

ในขณะที่ Roberta Vinci ไม่เคยผ่านเข้ามาถึงรอบ semi-finals ของการแข่งขันเทนนิสรายการใหญ่ ๆ เลย นี่เป็นครั้งแรกของชีวิตการเป็นนักกีฬาเทนนิสของเธอ โอกาสชนะครั้งนี้คือ 300 ต่อ 1 หลังการขับเคี่ยวแข่งขันผลปรากฏว่านักเทนนิสมือรองอย่าง Roberta Vinci ดันเอาชนะ Serena Williams มาได้!?

ไม่แปลกอะไรเลยที่นักข่าวจะพากันรุมสัมภาษณ์เธอ พร้อมประเคนคำถามยอดฮิตให้ “ตอนที่คุณตื่นขึ้นมาเมื่อเช้า นี่คุณคิดอะไร ให้กำลังใจตัวเองอย่างไรถึงทำให้ตัวเองเชื่อได้ว่าโมเมนท์นี้จะเกิดขึ้นจริง”

ถ้าตอบแบบสูตรสำเร็จสไตล์คนคิดบวกก็คงตอบได้ชิล ๆ ว่า ก็ต้องเชื่อมั่นว่าเราจะทำได้ เชื่อมั่นว่าเราเจ๋ง หรืออะไรก็ว่ากันไป แต่ไม่ใช่กับสาวแกร่งอย่าง Roberta Vinci เพราะเธอตอบแบบชิล ๆ ว่า “ไม่อ่ะค่ะ” ไม่ได้คิดอะไรเลย! เธอไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นไปได้ด้วยซ้ำ เธอตอบไปก็หัวเราะไป เธอบอกว่าเธอไม่พยายามคิดถึงมันเลยด้วยซ้ำ

“ในหัวของฉัน ฉันเอาแต่พูดว่า เอาลูกเทนนิสลงคอร์ตไป อย่าคิดอย่างอื่น เอาลูกเทนนิสลงคอร์ตไป แล้วก็วิ่ง อย่าคิดว่ามี Serena Williams อยู่ฝั่งตรงข้าม แค่ตีเทนนิสลงคอร์ตและวิ่งเท่านั้น จากนั้นฉันก็ชนะ” Roberta Vinci ตอบพร้อมเสียงหัวเราะ

วิธีคิดแบบ Roberta Vinci อาจขัดหูขัดตาคนที่เชื่อว่าการคิดบวก หรือคิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้ แค่แอคทีฟ ให้กำลังใจตัวเอง และเชื่อมั่นแล้วทุกอย่างจะสำเร็จได้

แต่บางทีการก้าวข้ามอุปสรรคสุดโหดหินที่ดีที่สุดอาจเป็นการหยุดโน้มน้าวตัวเองว่าทุกอย่างเป็นไปได้ แต่ค่อย ๆ ทำทุกอย่างทีละขั้น จดจ่ออยู่กับห้วงเวลา ณ ขณะนั้นให้ดีที่สุด

เรื่องนี้ Timothy Gallwey ผู้เชี่ยวชาญเรื่องจิตวิทยาในเกมกีฬาซึ่งเขียนหนังสือเรื่อง The Inner Game of Tennis: The Classic Guide to the Mental Side of Peak Performance ให้ความเห็นไว้ว่าเมื่อคนเราคิดบวก โน้มน้าวตัวเองให้เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้ เราทำได้ เราจะเข้าสู่จุดที่พยายามอย่างหนักหน่วงเกินไป ก่อให้เกิดความวิตกกังวล และทำให้ไม่สามารถควบคุมเกมได้อย่างที่ควรจะเป็น

ในขณะที่งานวิจัยเรื่อง Motivation to do well enhances responses to errors and self-monitorin  ที่ทำการศึกษาการทำงานของสมองก็แสดงผลไปในทิศทางเดียวกันว่ายิ่งเราทำให้ตัวเองเชื่อว่าเป้าหมายที่เรากำลังพุ่งชนนั้นสำคัญมากเท่าไหร่ เราต้องทำได้มากเท่าไหร่ เมื่อเกิดความผิดพลาดไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้แม้แต่น้อย โอกาสที่สมองเราจะโฟกัสที่ความผิดพลาดและเสียสมาธิจึงมีสูงมาก

การคิดบวกก็คงไม่ได้เลวร้ายเสมอไป แต่คงจะดีไม่น้อยถ้าเรารู้จักมองโลกตามความเป็นจริง รู้จักโฟกัสกับช่วงเวลาของการพยายาม ทำมันไปทีละขั้น ๆ ไม่ต้องกดดันตัวเองจนเครียด แต่ค่อย ๆ ก้าวไปอย่างมั่นคงและไม่กดดัน ไม่ว่าเลือกมองโลกแบบไหน UNLOCKMEN ขอเป็นกำลังใจให้คนที่อยากประสบความสำเร็จทุกคนให้สู้ต่อไป และเราเชื่อว่าวิธีจัดการกับอุปสรรค วิธีก้าวเข้าสู่ความสำเร็จของแต่ละคนนั้นมีความหลากหลายแตกต่างกันไป

SOURCE1SOURCE2

PSYCAT
WRITER: PSYCAT
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line