Life
วิทยาศาสตร์ชี้ “โรคจิตอาจเป็นลักษณะของความเป็นผู้นำ”
By: unlockmen July 17, 2016 10020
แค่เปิดชื่อเรื่องขึ้นมาก็ถึงกับทำให้หลายต่อหลายคนตั้งข้อสงสัยไปตามๆ กัน ว่า โรคจิตเนี่ยนะ ที่จะขึ้นไปสู่ความเป็นผู้นำได้ แต่ถ้าคุณจำคาแรคเตอร์อย่าง Hannibal Lecter หรือ Dexter Morgan ได้ ก็คงนึกภาพได้ชัดขึ้น เพราะแต่ละคนนี่ฉลาด และมีหน้าที่การงานที่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
อย่างที่เราทราบกันนั้นลักษณะประเภทของโรคจิตนั้นมีหลากหลาย ตามหลักการแพทย์นั้น โรคจิต เป็นโรคของความคิดที่ผิดปกติ ทำให้ผู้ที่เป็นนั้นมีความคิด ความเชื่อ หรือพฤติกรรมที่แปลกจากคนทั่วไป ซึ่งความเชื่อเหล่านั้นมักจะอธิบายไม่ได้ในตามแบบความเชื่อของสังคม เราเรียกว่า การหลงผิด (Delusion) นอกจากนี้ยังมีเรื่องของอาการหูแว่ว และเห็นภาพหลอนแบบศาสตราจารย์ John Nash เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ที่คิดค้นเรื่องทฤษฎีเกมก็เป็นโรคจิตเช่นกัน
โรคจิตมีทั้งแบบโรคจิตเภท ที่ถือว่าร้ายแรงที่สุด ทำให้บุคลิกภาพเปลี่ยนไป ประสาทหลอน หูแว่ว กลัวคนมาทำร้าย คิดว่าผู้อื่นจะทำร้ายตน จนทำให้เกิดการทำร้ายผู้อื่น ต่อมาเป็นโรคหลงผิด ซึ่งลักษณะนี้ภายนอกจะเหมือนคนทั่วไป แต่ถ้าได้พูดคุยเราก็จะพบเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น และยังมีที่เกิดจากการใช้สารเสพติด และความเครียด ความกดดัน ซึ่งเราต้องแยกแยะระหว่างคนที่ชอบทำอะไรพิเลนๆ แปลกๆ กับคนที่เป็นโรคจิตออกจากกัน เพราะคนที่ทำอะไรแปลกๆ นั้นไม่ได้แปลว่าเขาจะเป็นโรคจิตเสมอไปค่ะ
นักวิทยาศาสตร์ได้พูดถึงเรื่องนี้โรคจิตไว้ว่า ลักษณะโรคจิตนั้นไม่ได้แย่ไปเสียทั้งหมด Dr. James Fallon นักประสาทวิทยาชาวอเมริกันที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่ง ได้ลองทำการสแกนสมองของตน เพื่อเปรียบเทียบดูกับภาพสแกนสมองของฆาตกรโรคจิต จึงพบว่าตัวเขาเองก็มีลักษณะทางโรคจิตอยู่ ซึ่ง Dr.Fallon เขาก็ไม่เคยก่ออาชญากรรม แถมยังเป็นผู้ชายรักครอบครัว และมีคนนับหน้าถือตามากมาย
แต่ความแตกต่างระหว่าง Fallon กับฆาตรกรโรคจิตก็คือ เขาสามารถปิดสวิทช์(ควบคุม) การกระทำในเชิงลบ อาทิ ความก้าวร้าว เยือกเย็นในจิตใจได้ ในขณะที่ตัวเขาก็สามารถแสดงออกในเชิงบวกได้เป็นอย่างดี
Kevin Dutton นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย Oxford ได้กล่าวว่า ลักษณะโรคจิตในมนุษย์นั้น ไม่ได้เป็นทั้งสีขาว และสีดำ มันเป็นเหมือนสเปคตรัมอย่างส่วนสูง และน้ำหนัก ฉะนั้นแม้ว่าคุณจะมีลักษณะคล้ายกับโรคจิต แต่มันไม่ได้แปลว่าคุณจะไปเป็นฆาตรกรต่อเนื่องที่แสนจะเลือดเย็น และหากคุณเป็นโรคจิตแบบเต็มขั้นเลย นั่นถือเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข แต่หากเชื่อมโยงลักษณะต่างๆ แล้ว จะเห็นว่ามันคือลักษณะที่เหมาะสมต่อการเป็นผู้นำตามธรรมชาติที่สุด
ลักษณะของโรคจิตนั้นมีบุคลิกภาพค่อนข้างกว้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความมีเสน่ห์ ความสามารถในการโกหกหลอกลวง เป็นคนที่ขาดการเอาใจใส่ รวมไปถึงการมีเป้าหมายที่ดูเกินจริง ฯลฯ เราจึงเห็นผู้นำระดับโลกหลายๆ คน มีวิธีการปกครองประเทศไปสู่เป้าหมายที่คาดหวังไว้ในวิธีการแปลกๆ มากมาย อาทิ สมเด็จพระราชาธิบดี อับดุลลอห์ แห่งซาอุดิอาราเบีย ที่ปกครองประเทศด้วยอำนาจที่เด็ดขาด อย่างใครมีชู้ก็ลงโทษให้ตายสถานเดียว ถือว่าโหดเอาการ
ยังมีผลงานวิจัยบางชิ้นได้ระบุเอาไว้ว่า ประธานาธิบดีคนสำคัญของโลกหลายคนก็มีส่วนของความเป็นโรคจิตอยู่ ไม่ว่าจะเป็น Teddy Roosevelt, John F. Kennedy, Franklin D. Roosevelt, Ronald Reagan และ Bill Clinton ทั้งหมดล้วนมีลักษณะของโรคจิต
Scott Lilienfeld ศาสตราจารย์ วิชาจิตวิทยาที่ มหาวิทยาลัยเอมอรี ได้ทำการศึกษาและประเมิน บุคลิกและจัดอันดับ ผลการดำเนินงานของประธานาธิบดีในสหรัฐฯ ท้ายที่สุดพบว่าประธานาธิบดีที่ประสบความสำเร็จอย่างมากนั้น เขามีความกล้าหาญในการปกครอง และส่วนนี้เองที่พบในลักษณะของโรคจิต
Lilienfeld ได้เล่าว่า บุคคลที่มีความกล้าหาญสูง ไม่ค่อยแสดงออกผ่านทางลักษณะทางกายภาพ ต่อให้จะเจอเรื่องเลวร้าย หรือเครียดแค่ไหนก็จะไม่แสดงออกให้ใครเห็นว่าตนวิตกกังวล หรือแสดงความไม่พอใจออกมา
พูดง่ายๆ ก็คือ ลักษณะโรคจิตในหลายเคสนั้นมีส่วนของความกล้าหาญไม่เกรงกลัวสิ่งใด อยู่ใต้แรงกดดัน (เหมือนอย่างที่เราเห็นฆาตกรต่อเนื่องหลายๆ คน ทำร้ายผู้อื่นได้ด้วยความเลือดเย็น) และความกล้าหาญนี่เองถือเป็นคุณสมบัติจำเป็นที่อยู่ในบุคคลที่เหมาะสมต่อการเป็นผู้นำ ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่าผู้ที่เป็นโรคจิตจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำนะ แต่มันมีคุณสมบัติหลายอย่างในโรคจิตที่มักจะอยู่ในบุคคลที่มีพลังพอที่จะเป็นผู้นำได้
หลายครั้งที่เราสังเกตเห็นว่าฆาตกรต่อเนื่องทำไมถึงสามารถทำแผนการอันเลวร้ายนั้นได้โดยไม่ถูกจับกุมเสียที เป็นเพราะเขาฉลาดกว่าคนปกติหรือเปล่า หรือแม้แต่ผู้นำในตำนานหลายๆ คน ที่ปกครองประเทศอย่างเด็ดขาดจนไม่มีการปราณีใครทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้เราไม่ได้จะสรุปว่าโรคจิตนั้นเป็นเรื่องดี เพราะอย่างที่เราได้พูดกันไปแล้วนั้น ว่าโรคจิตไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นดาร์คไซต์เพียงอย่างเดียว อย่างคนที่เป็นโรค OCD ย้ำคิดย้ำทำ ล้างมือแล้วล้างมืออีกเพราะกลัวเชื้อโรค หรือทนไม่ได้ที่เห็นอะไรไม่เข้าที่เข้าทางต้องจัดอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะเพอร์เฟค
ซึ่งถ้าไม่เป็นถึงขั้นที่ทรมานใจอันนี้ก็ไม่น่าเป็นห่วง เพราะลักษณะโรคจิตมีบางส่วนที่สามารถขับเคลื่อนให้คนกล้าทำในสิ่งที่ผู้อื่นไม่กล้าทำ กล้าที่จะแหกกฎมีความเชื่อแบบที่แตกต่างจากผู้อื่น แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ในข่ายที่ไม่รุนแรงเกินไป เพราะถ้าคุณมีอาการขั้นรุนแรงจนทำให้ชีวิตประจำวันเสีย และไปทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนอันนี้จำเป็นต้องพบแพทย์และรักษามันโดยด่วน อ่านถึงตรงนี้แล้วก็แอบหวั่นๆ ว่าตัวเองจะมีลักษณะของโรคจิตกับเขาเหมือนกัน
Source : elitedaily, haamor