รองเท้าที่เป็นมากกว่ารองเท้า “Puma Suede” สัญลักษณ์ของความเท่าเทียมและการต่อต้าน

ในยุคปัจจุบันเราอาจจะมองรองเท้าเป็นเพียงเครื่องแต่งกายที่บ่งบอกความสวยงามและสไตล์การแต่งตัว แต่ในอดีตรองเท้านั้นมีเรื่องราวความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญ หรือแม้แต่วัฒนธรรมต่าง ๆ จนเป็นที่มาของคำว่า “รองเท้าทุกคู่ล้วนมีเรื่องราวในตัวของมันเอง”  ตัวอย่างเช่นรองเท้า Puma Suede ซึ่งถือเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อวงการฮิปฮอปและคนผิวสีของอเมริกัน จนเราอยากจะนำมาเล่าให้ฟังในวันนี้

เป็นเวลากว่า 50 ปีที่รองเท้ารุ่น Puma Suede ยืนเคียงข้างวงการ sneakers รวมถึงฮิปฮอปตลอดมา เพราะหากย้อนกลับไปในปี 1968 ที่ซึ่งเราได้รู้จักกับรองเท้าคู่นี้เป็นครั้งแรกผ่านคนผิวสีในอเมริกา โดยพวกเขาถือเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อวงการกีฬา และการต่อต้านทางสังคมที่กดขี่ และแบ่งแยกทางเชื้อชาติ จึงไม่แปลกหากในต่างประเทศ Puma Suede จะเป็นยิ่งกว่าแค่รองเท้าคู่หนึ่ง

เริ่มต้นจากมหกรรมกีฬา Olympic Summer Games ที่ประเทศ Mexico เกิดเหตุการณ์สำคัญต่อหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อนักกีฬาที่ชื่อ Tommie Smith สามารถทำลายสถิติวิ่ง 200 เมตรชายได้ ขณะที่เขากำลังเดินขึ้นไปรับเหรียญรางวัลในชุดสีดำ เขาได้ก้มหัวชูกำปั้นขึ้นเหนือศีรษะ ซึ่งเป็นการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านการเหยียดสีผิว และถือเป็นเรื่องเซ้นซิทีฟอย่างมากในเวลานั้น ในขณะที่มืออีกข้างของเขาก็ถือรองเท้า Puma Suede ขึ้นฟ้า เหตุการณ์นี้จึงทำให้ Tommie Smith ถูกส่งตัวกลับบ้านในทันที แต่ทางกลับกันเขาก็ได้ใจคนผิวสีในอเมริกาทั้งประเทศ ที่สมัยนั้นพยายามลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมกันในสังคมระหว่างคนขาวและคนผิวสี

คนผิวสีที่เห็น Tommie Smith เป็นไอดอลต่างชื่นชม พร้อมจะดำเนินรอยตามแม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ อย่างเช่นรองเท้า Puma Suede ในมือของเขา ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านและความเท่าเทียม ส่งผลให้ Puma เป็นที่นิยมในหมู่คนแอฟริกัน-อเมริกัน ที่แม้จะดูเหมือนว่ามันไม่ค่อยเกี่ยวข้องกันเสียเท่าไหร่ก็ตามที

ความเด่นชัดของ Puma Suede ยิ่งทวีคูณเมื่อ Puma ได้ตัดสินใจจ้าง Walt Frazier เพื่อเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์และออกแบบรองเท้ามาเพื่อกีฬาบาสเก็ตบอลในชื่อ Puma Clyde  ซึ่งเอาจริงแล้วรองเท้าทั้งสองคู่แทบเป็นรองเท้าบล็อคเดียวกันเลย ถ้ามองผ่าน ๆ แทบจะแยกไม่ออกถึงความต่าง

อีกทั้ง Walt Frazier สามารถคว้ารางวัล all-star  7  ครั้ง แล้วก็แชมป์ NBA 2 สมัย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากคนผิวสีผู้ชื่นชอบกีฬาบาสจะมองว่าเขาเป็นไอดอล และสิ่งที่ไอดอลทำ คนธรรมดาเองก็อยากที่จะทำตามเช่นกัน

ต่อเนื่องจากกระแสกีฬา รองเท้า Puma Suede ยังได้เข้าไปอยู่ใน culture ของคนผิวสีอย่างไม่ลดละ เพราะเมื่อ Kool Herc สร้างวัฒนธรรมฮิปฮอปขึ้นครั้งแรกที่ Bronx เหล่าดีเจ Mc หรือ B-Boy ที่มาโชว์ลวดลายกันตามท้องถนน แม้พวกเขาจะมีฐานะยากจน แต่ก็ยังพยายามตามหารองเท้า Puma Suede มาสวมใส่  เพราะด้วยสเปครองเท้าที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นพื้นรองเท้าที่ทำมาจากยาง หรือ หน้าเท้าที่ยืดหยุ่นจากวัสดุหนังกลับ มันจึงถูกใส่ในการเต้นเบรคแดนซ์ อีกทั้ง Puma ยังนำเสนอสีสันที่ฉูดฉาด แปลกตา จนเป็นที่ถูกอกถูกใจของเหล่าสาวกฮิปฮอป

แม้กระทั่งในจอแก้วเอง รองเท้า Puma Suede ก็ยังถูกนำไปใช้ขึ้นจอภาพยนตร์อิงวัฒนธรรรมฮิปฮอปอย่าง Beat Street ในปี 1984 ซึ่งมันครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลกที่มีการพูดถึงวัฒนธรรมคนผิวสีใน Box Office และรองเท้า Puma Suede ก็วาดลวดลายอยู่เต็มไปหมดทั้งเรื่อง นำพาให้กระแสความนิยมยิ่งทวีคูณฝังลึกในเรื่องของรองเท้า Puma กับวัฒนธรรมฮิปฮอปชนิดขาดออกจากกันไม่ได้

จนผ่านเวลามาถึงปัจจุบันรองเท้ารุ่น Puma Suede อาจจะถูกลดความนิยมลงก็ตามที เพราะมีตัวเลือกในตลาดค่อนข้างมาก แต่อย่างน้อยรองเท้ารุ่นนี้ก็ยังคงได้รับความนิยม และเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดสำหรับ Puma โดยเฉพาะกลุ่มคนสายสตรีทฮิปฮอปที่ยังคงสวมใส่มันไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานสักเพียงใด และนี่ก็เป็นอีกเรื่องราวของ sneakers ที่ทีมงาน UNLOCKMEN ได้หยิบยกมานำเสนอ ซึ่งก็สอดคล้องกับสิ่งที่เราพร่ำบอกเสมอมาว่า รองเท้าทุกคู่นั้นล้วนมีคุณค่าในตัวของมันเอง ไม่จำเป็นจะต้องเป็นรุ่นฮิต ขอแค่มันเหมาะกับไลฟ์สไตล์ ดังเช่น Puma Suede กับวัฒนธรรม B-Boy คุณก็จะมีความสุขกับการแต่งตัว โดยไม่จำเป็นจะต้องไปวิ่งหา rare item ราคาแพงให้เหนื่อยเกินกำลัง