Life

ล้วง 10 เหตุผลที่ทำให้เหนื่อยจากข้างใน พร้อมทางออกดี ๆ ก่อนที่จะเหนื่อยจนถอนตัวไม่ทัน

By: unlockmen June 6, 2018

ไม่ว่าคุณจะเป็นเด็กมอปลายที่กำลังไปเรียนพิเศษ เป็นหนุ่มมหาลัยที่กำลังหัวหมุนกับการสอบไฟนอล หรือหนุ่มออฟฟิศที่กำลังเหนื่อยล้า เรามีสิทธิ์พูดคำว่าเหนื่อยกันได้ทั้งนั้น เพราะแม้จะไม่ได้เหนื่อยกาย แต่เหนื่อยใจ เหนื่อยจากข้างในมันมีอยู่จริง และหนุ่ม ๆ หลายคนกำลังเผชิญปัญหานี้กันอยู่ทั้งนั้น UNLOCKMEN ขอหยิบ 10 เหตุผลที่ทำให้เหนื่อยจากข้างในให้เรามาดูกันว่าข้อไหนตรงกับเราบ้าง พร้อมทางออกดี ๆ ที่ให้หนุ่ม ๆ เอาไปปรับใช้กับตัวเอง เติมความสุขให้ตัวเองไม่ให้เหนื่อยเกินไป ก่อนที่ความเหนื่อยจะฝังรากลึกลงไปในชีวิตจนถอนตัวไม่ขึ้น

ไม่ยอมจัดระเบียบชีวิต

ไม่ได้หมายถึงแค่ความเป็นระเบียบของอะไรที่เป็นรูปธรรมอย่าง การจัดห้องนอน โต๊ะทำงาน อะไรแบบนั้น แต่หมายถึงการจัดการชีวิตโดยรวม อย่างการจัดคิวนัดหมาย การลำดับสำคัญของการทำงาน การควบคุมอารมณ์ จัดการความคิด ความสัมพันธ์กับคนรัก ครอบครัว แบ่งเวลาให้ความชอบ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ล้วนแต่อยู่ในหมวดของการจัดระเบียบชีวิตทั้งสิ้น เราอาจจะหลงลืมข้อใดไปสักข้อหนึ่ง แต่มันกลับส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปถึงชีวิตด้านอื่น ๆ ด้วย เลยทำให้ชีวิตของคุณดูยุ่งเหยิง และจับต้นชนปลายไม่ถูกนั่นเอง 

ทำยังไงกับมันดี ?

ถ้าชีวิตคุณมันยุ่งเหยิงซะเหลือเกิน ลองเริ่มจากการจัดการอะไรง่าย ๆ ไปทีละอย่าง ไม่ต้องใจร้อน เริ่มเป็นเรื่อง ๆ ไป ลองเป็นอะไรใกล้ตัวอย่างจัดลำกับความสำคัญของงานที่ต้องทำในทุกวัน ควรเริ่มทำอะไรก่อนหลัง ลองหัดจัดลำดับให้เป็นนิสัย แล้วเอาไปปรับใช้กับเรื่องอื่นดู

 

ไม่ดูแลร่างกาย

นอกจากจะปล่อยปะละเลยชีวิตประจำวันของตัวเองแล้ว ยังจะไม่ดูแลร่างกายอีกก็คงไม่ไหว ชีวิตของเราจำเป็นขับเคลื่อยด้วยพลังงานจากร่างกายด้วย อย่าปล่อยให้ตัวเองต้องใช้ชีวิตแบบหักโหม จนร่างกายทรุดโทรมจนเกินไป ใจเป็นนักสู้ แต่ร่างกายสภาพซอมบี้ มันก็คงไปสู้ใครไม่ไหว เพราะวันนึงที่มันเหนื่อยจนไม่อาจเรียกคือสุขภาพมาได้แล้วล่ะก็ ถึงเวลานั้นมันก็ไม่ทันแล้วที่จะมาดูแลร่างกายกันทีหลัง  

ทำยังไงกับมันดี ?

กินอาหารตรงเวลา ออกกำลังกายบ้าง พักผ่อนให้เพียงพอ ให้ความสุขกับร่างกายของตัวเองบ้าง อย่างการนวดผ่อนคลาย เล่นกีฬาที่ชอบ หากทำเองคนเดียวยังไม่มีแรงจูงใจมากพอ ลองชวนเพื่อน ๆ ครอบครัว หรือคนรัก ออกไปทำกิจกรรมสนุก ๆ ด้วยกัน ให้ร่างกายของคุณได้ผ่อนคลายและยังได้สานสัมพันธ์ มีเวลาให้กับคนใกล้ตัวอีกด้วย

เรื่องกินเรื่องใหญ่

กินอาหารไม่ตรงเวลา ทำงานข้ามวันข้ามคืนจนลืมแม้แต่กินข้าว คุณกำลังปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนั้นหรือเปล่า โดยเฉพาะเมื่อเวลาร่างกายขาดน้ำตาลและแป้งนานเกินไป มันยิ่งทำให้เรารู้สึกเหนื่อยง่ายมากขึ้น

แต่ว่าเราก็ไม่ได้อยากจะกินน้ำตาลมากจนทำให้มีห่วงยางน้อย ๆ โผล่มารอบเอวใช่มั้ยล่ะ เพราะฉะนั้นควรรู้เรื่องโภชนาการแบบเบื้องต้นไว้บ้างก็ดี 

ทำยังไงกับมันดี ?

กินอาหารให้ตรงเวลา อย่ามัวก้มหน้าทำงานจนร่างกายประท้วง ส่วนเรื่องอาหารที่กินเข้าไปก็สำคัญเช่นกัน หลีกเลี่ยงอาหารสำเร็จรูป เพราะมันมีโซเดียมสูง หรือแม้แต่การทำอาหารกินเองก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงโซเดียมและน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินไป เอาเป็นว่า กินตามความรู้เบสิกนั่นแหละ เบาของมัน ของทอด ไขมันสูง สมดุลสัดส่วนอาหารให้พอดี

กินน้ำน้อยไป

ร่างกายของเรามีส่วนประกอบเป็นน้ำซะส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น เลือด สมอง หัวใจ หรือทั้งร่างกายของเรานั่นแหละ อันนี้ดูเป็นเรื่องที่เรารู้กันอยู่ แต่เราก็ยังชอบลืมจิบน้ำเวลากระหาย แต่มากินเอาอึกใหญ่เมื่อตอนที่นึกได้ บางคนแย่หน่อย กินน้อยจนร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำไปเลยก็มี

ทำยังไงกับมันดี ?

ลองวางแผนว่าเวลาไหนควรกินน้ำเท่าไหร่ แล้วกำชับตัวเองให้ทำตามแบบเด็ดขาด เช่น ตอนตื่นนอนหนึ่งแก้ว ก่อนและหลังอาหารหนึ่งแก้ว จิบน้ำระหว่างนั่งทำงาน แบบไม่ต้องรอให้คอแห้งเป็นผงซะก่อน มีแก้วน้ำอยู่ใกล้ ๆ ตัวเสมอ ทำแบบนี้จนเป็นนิสัย มันจะช่วยให้เรากินน้ำจนชินเอง

หลับแล้วแต่ไม่ลึกเลย

การได้นอนมันคือสวรรค์เลยล่ะสำหรับคนที่เหนื่อยกับชีวิตประจำวัน เพราะมันคือช่วงเวลาที่เราไม่ต้องคิดอะไรมากมาย ชาร์จแบตให้ตัวเองสำหรับวันต่อไป แต่ว่าการนอนของเรา แม้เราจะรู้สึกว่าเราหลับแล้ว แต่มันอาจจะไม่ได้เข้าสู่ Stage ที่ลึกมากพอที่ให้ร่างกายได้พักผ่อนจริง ๆ ก็ได้ รวมถึงเวลาการนอนอันน้อยนิด การอดหลับอดนอน ของคนบ้างาน ก็ยังคงเป็นปัญหาที่เราไม่ได้มองข้าม แต่มันอาจแก้ไม่ได้เพราะงานที่ค้างมันบังคับ 

ทำยังไงกับมันดี ?

สภาพแวดล้อมของห้องนอนเป็นอีกสิ่งสำคัญที่เรามองข้าม อุณหภูมิที่เหมาะสม ห้องที่ไม่มีแสงลอดเข้ามาให้กวนใจ ถึงจะส่งผลให้การนอนของเรามีประสิทธิภาพ อีกอย่างคืออารมณ์ของเราก่อนนอน ที่ควร Relax ให้มาก ไม่เอาเรื่องเครียด ๆ มาคิดก่อนนอนจนเก็บเอาไปฝัน ไม่งั้นก็เหมือนได้ทำงานทั้งกลางวันและกลางคืนเลยล่ะ 

กำลังเครียดมากไปหรือเปล่า ?

เมื่อคุณเกิดความเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน cortisol ออกมา แล้วผลกระทบแรกที่จะสังเกตได้คือ การนอน นี่อาจเป็นคำตอบว่าวันไหนเครียด ๆ ทำไมเราถึงนอนไม่หลับ หลับไม่สนิท ยิ่งเราพักผ่อนน้อย จะเอาพลังงานจากไหนมาขับเคลื่อนวันต่อไป 

ทำยังไงกับมันดี ?

คำตอบของมันคงจะเป็นกำปั้นทุบดินเอามาก ๆ แต่มันก็คือทางออกเดียวของความเครียด นั่นคือ หาทางคลายเครียดให้ตัวเอง ลองหากิจกรรมที่ชอบ ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เล่นกีฬา อ่านการ์ตูน สละเวลาจากงานสักวันละ 10 นาทีก็ยังดี ให้ตัวเองได้รู้ว่าเราก็มีเวลาให้กับความบันเทิงเหล่านี้ ให้มันเป็นเหมือน Oasis กลางทะเลทรายแห่งความเครียดของเรา

หายใจไม่ลึกมากพอ 

ดูเป็นเรื่องจุกจิกมากซะเหลือเกิน แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่เรามักจะมองข้ามกันไป แน่ล่ะ ใครมันจะมานั่งนับลมหายใจของตัวเองกัน การที่เราหายใจไม่ลึกมากพอ ทำให้ช่วงที่ร่างกายแลกเปลี่ยน Oxygen ในระบบไหลเวียนโลหิตน้อยลง ทำให้ร่างกายรู้สึกไม่สดชื่น อ่อนเพลียนั่นเอง

ทำยังไงกับมันดี ?

ฝึกหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค้างไว้สักนิดก่อนหายใจออก ทำเท่าที่ตอนรู้สึกตัวก็ได้ ไม่ต้องตลอดเวลาหรอก หรือจะลองเป็นกิจกรรมที่ทำให้เราตั้งสมาธิกับการหายใจเช่น โยคะ นั่งสมาธิ อะไรพวกนั้น 

อยู่ท่ามกลางคนที่เป็นมลพิษ

ประโยคที่ว่า นรกคือคนอื่น ของ Jean-Paul Sartre ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงสักเท่าไหร่ บางครั้งเราเองก็มีความสุขดีนี่แหละ แต่พอมาเจอคน Negative ที่เอาแต่พ่นมลพิษทางอารมณ์ใส่ เราก็คงมีความสุขไปด้วยไม่ได้จริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นคนที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างเพื่อนร่วมงาน หรือเจ้านาย ที่เราต้องเจอห้าวันต่อสัปดาห์ แค่คิดก็รู้สึกว่าโดนบั่นทอนแล้ว

ทำยังไงกับมันดี ?

แม้จะดูความหวังริบหรี่ซะเหลือเกิน แต่เรามีทางออกมาให้ ลองอ่านจากคอนเทนต์นี้ ที่จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงคน Negative ได้แบบมือโปร

ไม่ได้ขยับขยายไปไหนเลย

ไม่ว่าจะเรื่องงาน หรือครอบครัว ความสัมพันธ์ อะไรที่มันคงที่มาก ๆ มันไม่ได้หมายถึงความแน่นอนอย่างเดียว แต่มันหมายถึงว่าเราไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลย เหมือนว่าเราอยู่ใน Safe Zone มานาน จนไม่กล้าออกไปเจอความท้าทายอื่น ๆ จนเหมือนเราย่ำอยู่กับที่ หากเราไม่เบื่อมันก็ดีไป แต่ถ้าเรารู้สึกเบื่อขึ้นมา แถมยังไม่กล้าออกจาก Safe Zone อีก มันยิ่งเป็นปัญหาที่ชวนสับสนเข้าไปใหญ่

ทำยังไงกับมันดี ? 

วางแผนสำหรับอนาคตของคุณเอาไว้ตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม เป็นหนุ่มมหาลัยก็ลองแพลนถึงอนาคตในช่วงทำงาน หนุ่มออฟฟิศก็คงต้องลองแพลนถึงชีวิตการทำงาน ครอบครัวในอนาคต เพื่อเอาไว้เป็นเป้าหมายให้กับตัวเอง แม้ว่าจะถึงเป้าหมายแล้ว แต่ถ้าหากรู้สึกว่าตัวเองยังไปได้ไกลอีก ก็ต้องผลักดันตัวเองให้ไปข้างหน้าอยู่เสมอ อย่ามัวยืนนิ่งอยู่ใน Safe Zone ของตัวเองจนไม่กล้าจะก้าวออกไปเจอความท้าทายที่อาจรอมอบประสบการณ์ดี ๆ ให้เราอยู่ข้างนอกนั่น

ยุ่งเกินไป

ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มออฟฟิศบ้างาน หรือฟรีแลนซ์มือทองที่รับงานแบบลืมว่าตัวเองยังต้องนอน ตื่นมาหัวหมุนแต่เช้ารีบทำงานจนถึงเย็น รีบกลับไปทำธุระส่วนตัว กว่าจะมีเวลาให้ตัวเองจริง ๆ ก็มีแค่ตอนนอนเท่านั้นเอง ส่วนใครที่ยุ่งจนไม่ได้นอน ก็ไม่รู้จะไปถามหาเวลาให้ตัวเองจากที่ไหนแล้ว เชื่อไหมว่าอ่านดูอาจจะรู้สึกว่า มันมีเหรอคนที่ยุ่งแล้วไม่รู้ตัว เชื่อเถอะว่ามันมีจริง ๆ ลองมองไปที่เพื่อนในออฟฟิศสักคน คนที่ตาคล้ำ ๆ ซูบเซียวเหมือนคนหมดแรงตลอดเวลา ลองถามไถ่ชีวิตประจำของเขาดูว่าเขายุ่งแค่ไหน หรือบางทีก็ย้อนกลับมามองตัวเองนั่นแหละ อาจจะเป็นคุณเองที่ยุ่งซะจนไม่มีเวลาทำอะไร

ทำยังไงกับมันดี ?

ไม่ว่าคุณจะยุ่งหัวหมุนเพราะทำงาน เพราะไม่ใส่ใจตัวเอง หรือเพราะจัดระเบียบชีวิตตัวเองไม่ดีก็ตาม คุณรู้ดีว่าตัวเองมีปัญหาอะไร ตั้งสติ ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ แก้ไปทีละจุด นั่นดูเป็นสิ่งเบสิกที่ใคร ๆ ก็รู้ใช่มั้ย แต่ก่อนจะแก้ต้องหาเวลามานั่งคุยกับตัวเองว่านี่คือชีวิตที่คุณต้องการจริง ๆ หรือเปล่า การฝืนตัวเองจนเหนื่อยขนาดนี้ ชีวิตที่ไม่มีเวลาให้แม้แต่มาดูแลตัวเอง เราต้องการแบบนี้จริง ๆ ใช่มั้ย แล้วค่อยคิดถึงการแก้ปัญหา การหาเวลาให้ตัวเองต่อไป

สุดท้ายแล้วที่ยกมาทั้งหมด คืออยากให้ผู้ชายอย่างเราหันมาใส่ใจ ดูแลตัวเองกันมากขึ้น รีบดูแลตั้งแต่วันนี้ วันที่เรายังมีแรงจะดูแล ดีกว่าต้องไปเป็นภาระคนอื่น หรือต้องดูแลตัวเองอย่างโดดเดี่ยวในตอนบั้นปลายชีวิต มันคงเป็นชีวิตที่เหงาและเคว้งคว้างน่าดู

SOURCE

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line