MUSIC

ร็อคสตาร์ในตำนานเผย วัยรุ่น Gen Z กับ สตรีมมิ่ง คือผู้ร้ายตัวจริงที่ทำให้ดนตรีร็อคต้องตาย

By: unlockmen February 15, 2021

เพื่อน ๆ ชาว UNLOCKMEN หลายต่อหลายนคงเคยได้ยินคำว่า “Rock Never Dies” เพื่อเปรียบเปรยถึงการอยู่ยงคงกระพันของดนตรีแนวนี้ ที่ดำรงคงอยู่มานานกว่า 50 ปีแล้ว และแตกกิ่งก้านสาขาไปจนมีแนวทางยิบย่อยจวนจนปัจจุบัน แต่เวลาผ่านไปดูเหมือนคำๆนี้จะค่อยๆคลายมนต์ขลังอย่างเหลือเชื่อ จนคำว่า “Rock is Dead” ดูจะมีเป็นความจริงมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

ซึ่งคนที่มายืนยันทฤษฎีก็ไม่ใช่ที่ไหน คือป๊ะป๋าแห่งวงการร็อคที่อยู่มาอย่างยาวนานอย่างลุง Gene Simmons มือเบสแห่งวงร็อคในตำนานอย่าง Kiss ที่มาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้มาหลายต่อหลายครั้ง

Source Pic: NME

ครั้งแรกที่ Gene พูดถึงกรณีของการล่มสลายของดนตรีร็อคเกิดขึ้นในปี 2014 ที่เขาได้ให้สัมภาษณ์กับลูกชายของเขา Nick Simmons กับนิตยสาร Esquire ว่า “ค่ายเพลงเริ่มไม่มาเหลียวแลวงร็อคแล้ว พวกเขาไปโอ๋ศิลปินแนวอื่นกันหมด

ครั้งต่อมา Gene ก็ย้ำอีกครั้งในการสัมภาษณ์ให้กับ Gulf News ว่า “หมดเวลาของการสร้างภาพลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของเหล่าร็อคสตาร์แล้ว!!!

และครั้งล่าสุด ก็เกิดขึ้นมาหมาดๆ เมื่อ Gene ได้ไปให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ Q104.3 Radio Station ที่จัดรายการโดย Jonathan Clarke ซึ่งไม่วายก็พูดถึงประเด็นนี้อีกรอบ โดยเขาบอกว่าอีกสาเหตุหนึ่งที่วงการดนตรีร็อคต้องเตรียมม่องเท่ง นั่นก็คือเหล่าคนฟังเพลงรุ่นใหม่ที่ไม่ต้อนรับดนตรีแนวนี้แล้ว

“ตอนแรกเวลาใครพูดถึงดนตรีร็อคมันจะตาย ป่านี่ขำฟันโยกเลยนะ แต่ตอนนี้มันอาจจะเกิดขึ้นจริงๆแล้วว่ะ เพราะพวกคนฟังรุ่นใหม่ มันไม่สนใจจะฟังเพลงร็อคแล้ว” และอีกสาเหตุหนึ่งที่ป๋า Gene มองว่ามีส่วนทำให้ร็อคล่มสลาย คือการมาของสตริ่มมิ่งเพลงต่างๆ “เอ็งลองคิดดูนะ เหล่านักดนตรีสมัครเล่นมากมายที่อยู่ในมุมมืด ต่างต้องพยายามผลักดันบทเพลงของตัวเองที่ค่ายไม่เหลียวแล ในขณะที่ค่ายใหญ่ก็ต้องหาเพลงฮิตด้วยการทำเพลงและออกงานดนตรีป็อปฮิตติดชาร์ทเพื่อประคับประคองตัวเองให้ได้ เหล่านักดนตรีรุ่นใหม่พวกเขาไม่สามารถจะลาออกจากงานประจำมาทำฝันให้เป็นจริงได้เลย ใครจะออกจากงานมาทำเพลงเพื่อแลกกับค่าตอบแทนอันน้อยนิดที่พวกสตริมมิ่งจะกระเด็นเศษสตางค์มาให้ล่ะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ศิลปินป็อปทำงานกันสบายเพราะยอดโหลดยอดวิวจากแฟนๆที่พร้อมเปย์ให้ แต่พวกเราชาวร็อคแม้จะจ่ายขนาดไหนก็สู้เหล่า FC ของดนตรีแนวอื่นไม่ได้ร๊อกกกกก”

 

Source Pic: Music Connection

สิ่งที่ป๋า Gene พูดนั้นอาจจะถูกต้องในแง่ของธุรกิจ ที่ทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่ต้องแข่งขันกันอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็มีบทความสำรวจดนตรีร็อคในปัจจุบันที่คะคานความเชื่อนี้ โดย Cisco Adler นักดนตรีและโปรดิวเซอร์ชื่อดัง ซึ่งเขาได้ตั้งคำถามว่า จริงๆแล้ว ดนตรีร็อคมันตาย หรือ แค่ซาวด์มันเปลี่ยนไป ?

“สำหรับผม Rock is DEAD เป็นคำที่ได้ยินมาช้านานแล้ว คือการที่คิดว่าร็อคมันตายแล้วก็น่าแปลกประหลาด เพราะดนตรีร็อคมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิต มันคือความรู้สึกมากกว่า คุณต้องไม่ลืมว่าในอดีตดนตรีร็อคมันก็ฉกฉวยมากจากดนตรีบลูส์ มันคือสิ่งที่คนผิวขาวได้ฉกฉวยมาจากคนผิวดำ และพอคนผิวดำเขาไปแสวงหาแนวทางใหม่บ้าง เช่นพวก R&B, Soul หรือ Hip Hop คุณกลับตีอกชกตัวว่าวงการดนตรีร็อคจะตายเพราะคนสนใจแนวอื่นเนี่ยอะนะ”

สิ่งที่ Cisco พูดน่าสนใจตรงที่ดนตรีร็อคที่ผ่านมามักจะสร้างจากคนผิวขาว เพื่อคนผิวขาวฟังเท่านั้น ในขณะที่โลกกำลังขับเคลื่อนด้วยความหลากหลาย แต่ดนตรีร็อคยังคงทำตัวเป็นพวกอนุรักษ์นิยมคร่ำครึอยู่เลย

ในสมัยที่ร็อคต้องชุดหนัง ผมยาว มีรอยสักที่แขนขวา ขี่มอเตอร์ไซค์ฮาร์เลย์ หรือยุคหนึ่งที่ต้องใส่กางเกงขากระบอก ใส่เสื้อมือสอง รองเท้าคอนเวิร์ส สักพักก็เปลี่ยนเป็นกางเกงขาเดฟ เสื้อเชิร์ตหล่อๆ ก็เห็นว่าทุกยุคทุกสมัยมันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอทั้งทางด้านแฟชั่น, สังคม ไปจนถึงความนิยมของแนวเพลง ไม่มีสิ่งใดตายตัวเพราะเวลามันก็เดินของมันไปไม่หยุดนิ่ง ทุกสิ่งมีเกิดมีดับ แต่ส่วนใหญ่ที่มันไม่ได้ไปต่อ เพราะรับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงมากกว่า

“จริงๆแล้ว เราควรเลิกที่จะพูดคำว่า “Rock Never Dies” หรือ “Rock is Dead” ห่าเหวนั้นได้แล้ว โลกมันมาถึงยุคนี้แล้ว ดนตรีทุกแนวตอนนี้มันก็ผสมปนเปกันหมดแล้ว คุณอาจจะพบเห็นความร็อคจากดนตรีฮิปฮอปแบบ Run the Jewels ดนตรีร็อคอาจจะถูกเล่นโดยสาวหวานๆใสๆในห้องนอนแบบ Beabadoobee หรือ Snail Mail ดังนั้นควรเปลี่ยนความรู้สึกใหม่ จากร็อคไม่มีวันตาย เป็นดนตรีร็อคมันมีวันเปลี่ยนแปลงได้มากกว่า”

ฟังทรรศนะคติจากผู้ครำหวอดทางดนตรีทั้ง 2 ฝั่งแล้ว เพื่อนๆอยู่ทีมไหน และคิดเห็นอย่างไรกับดนตรีร็อคในปัจจุบันกันบ้าง คิดว่าดนตรีร็อคตายแล้วจริงๆ หรือแค่เจ็บออดๆแอดๆ หรือ ตอนนี้ถูกเล่นแร่แปรธาตุเป็นแนวอื่น มาแชร์กันได้เลย

Source: NME / Out of the Box / Cell Vision

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line