Entertainment

Sacha Baron Cohen จอมป่วนแห่งวงการหนัง ผู้สร้างความปังด้วยการทำสารคดีเก๊แซะสังคม 

By: unlockmen March 5, 2021

ศิลปินฮิปฮอปกวนส้นเท้า / นักข่าวป่วนที่ชวนระอา / เผด็จการบ้าอำนาจ หรือดีไซน์เนอร์แต๋วแนวกัดจิก

ทั้งหมดทั้งมวล เกิดจากตัวตนของผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่เพิ่งคว้ารางวัลลูกโลกทองคำนักแสดงนำชายสาขาภาพยนตร์เพลงและตลกมาหมาด ๆ จากภาคต่อของหนังโคตรกวนแต่ฮิต Borat ด้วยคาแรคเตอร์ที่ชอบสร้างสถานการณ์สุดประหลาดผ่านการถ่ายทำสารคดีเก๊ (Mockumentary) ที่คนดูโคตรขำ แต่คนถูกอำมักไม่ค่อยจะฮาด้วย

การจิกกัดสังคมแบบสุดห่าม ทำให้ชายหนุ่มจากอังกฤษคนนี้ เป็นที่ถูกอกถูกใจของนักดูหนังที่ชอบความเกรียน และเฝ้าติดตามผลงานเรื่องต่อไปว่าเขาจะมาในคาแรคเตอร์ไหนอยู่เสมอ กระทั่งปีที่ผ่านมาการแสดงของเขาไม่ถูกจัดอยู่เพียงบทบาทฮา ๆ แต่ยังเดินหน้าสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการแสดงระดับคุณภาพที่ทำให้ได้เข้าชิงรางวัลสมทบฝ่ายชายยอดเยี่ยมจาก The Trial of the Chicago 7 อีกด้วย

วันนี้เราขอพาย้อนไปทำความรู้จักคาแรคเตอร์ต่าง ๆ ที่สร้างชื่อให้กับเขา และจะพบว่าแต่ละตัวละครที่เขารับบทบาทนั้น กล้า ซ่า และบ้าดีเดือดขนาดไหน


ก่อนหน้าที่ Sacha Baron Cohen จะหันเหเข้าสู่วงการตลก เขามีดีกรีถึงนักศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาประวัติศาสตร์จากมหาลัยมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ก่อนจะค้นพบพรสวรรค์จากการเล่นตลกเมื่อเขาไปเรียนการแสดงเสริมที่ปารีส และเริ่มสร้างตัวตนผ่านคาแรคเตอร์แร๊ปเปอร์สุดแสบที่ชื่อ Ali G ที่เริ่มต้นจากแก๊กสั้นๆในรายการ The 11 O’Clock Show ของ Channel 4 ประเทศอังกฤษ ก่อนความฉาวโฉ่และความเกรียนจะพัฒนากลายร่างเป็นการรายการ Da Ali G Show ที่ออกอากาศในปี 2000 และข้ามน้ำข้ามทะเลมาดังต่อที่อเมริกาในปี 2003-2004

Sacha Baron Cohen สร้างคาแรคเตอร์แร๊ปเปอร์สุดกวนที่ขโมยซีนแขกรับเชิญ ถามคำถามที่ไม่น่าถามและไม่ตรงตามบรีฟเพื่อจับรีแอคชั่นของแขกรับเชิญ และสร้างความรำคาญผ่านการผสมผสานวัฒนธรรม British African-Caribbean ที่ดูขี้โม้โอ้อวด และสร้างความปั่นป่วนกวนประสาทจนแขกรับเชิญบางคนแสดงสีหน้าอารมณ์ไม่พอใจ

หนึ่งในหลาย EP คลาสสิคของรายการ มีตั้งแต่ David Beckham ไปจนถึง Donald Trump ที่ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นประธานาธิบดี ที่โดนยิงคำถามจนขนาดอดรนทนไม่ไหว ลุกออกไปจากรายการอย่างหน้าตาเฉยในเวลาอันสั้นเพียง 2 นาที ซึ่งสไตล์ของ Ali G คือการยิงคำถามแบบหน้าตาย ด้นสดไม่ตรงกับสคริปท์ และทำให้แขกรับเชิญทุกคนเชื่อว่าแร๊ปเปอร์คนนี้มีตัวตนอยู่จริงๆ

ถึงจะเกรียนซ่าฮาแตกแต่แขกรับเชิญบางคนไม่ปลื้ม (บางคนถึงกับจะฟ้องร้อง) ยังไง แต่ Ali G ก็โด่งดังในหมู่วัยรุ่นยุคมิลเลนเนียมมาก ๆ ความดังทำให้เขาได้ขึ้นจอใหญ่ในหนัง Ali G Indahouse (2002) แถมยังได้เข้าชิงและได้รางวัลในหลายสถาบันไม่ว่าจะเป็น Emmy Awards ไปจนถึง BAFTA TV อยู่อันดับ 8 ของ 100 Greatest TV Characters ที่ผู้ชมทั่วทั้งเกาะอังกฤษโหวตชื่นชอบ แถมยังได้ไปถ่าย MV เพลง Music ของ Madonna อีกด้วย


1 ในคาแรคเตอร์ที่ Sacha Baron Cohen ได้สร้างความกระอักกระอ่วนใจให้กับคนดูก็คือคาแรคเตอร์ของ Borat Sagdiyev (อ่านว่า โบแรท แชกดิแยฟ) นักข่าวชาวคาซัคสถานที่มาสร้างความปั่นป่วนในหนัง Mockumentary สร้างสตอรี่ด้วยการเดินมายังอเมริกาโดยได้รับมอบหมายจากรัฐบาลเพื่อแลกเปลี่ยนและเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวตะวันตก แต่แทนที่จะเรียนรู้ดีๆ เขากลับสร้างวีรกรรมความเกรียนด้วยการอ้างวัฒนธรรมของตนอันน่าปวดหัวให้อเมริกันชนต้องปวดตับกับพฤติกรรมสุดห่ามของเขา

ซึ่งหากคุณได้ดู Borat: Cultural Learnings of America for Make Benefit Glorious Nation of Kazakhstan (2006) คุณจะต้องอึ้งกับการสวมบทบาทของ Sacha Baron Cohen ที่เสกสรรค์ความต่ำตมให้ผู้ที่ถูกแอบถ่ายได้สะอิดสะเอียนในความแสบแบบไม่มีลีมิตของเขาไม่ว่าจะเป็นฉาก “ถุงอึในตำนาน” ที่เขาไปโผล่ในงานปาร์ตี้ของชนชั้นสูง และเข้าห้องน้ำแล้วอึใส่ถุงมาวางบนโต๊ะอาหาร หรือการประกาศแขวนคอเกย์ ระเบิดสมองชาวยิว (ตัวจริงของ Sacha นั้นมีเชื้อสายยิวจากแม่ของเขา) ขอเซ็กซ์บอมบ์อย่าง Pamela Anderson แต่งงาน และการใส่ชุดว่ายน้ำแบบโคตรเว้าสูงของเขา ซึ่งพุ่งเป้าไปที่การเสียดสีวัฒนธรรม ความหวาดกลัวต่อผู้ก่อการร้าย รวมไปถึงการแซะการเหยียดสีชังผิวของอเมริกันชนแบบสุดโต่งนั่นเอง

ซึ่งที่มาของตัวละครตัวนี้ จริง ๆ แล้วมันคือคาแรคเตอร์แรกสุดที่ Sacha ได้สร้างมันขึ้นมาตั้งแต่ปี 1997 ภายใต้ชื่อ Alexi Krickler ก่อนจะได้รับการพัฒนาให้ไปอยู่ในช่วงหนึ่งของรายการ Da Ali G Show จนได้มาสร้างเป็นหนังที่ลือลั่นในฐานะผู้สร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่ให้กับวงการจนคว้ารางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในสาขาหนังเพลงและตลก

และในอีก 14 ปีต่อมา คาแรคเตอร์นี้ก็กลับมาป่วนอีกครั้งใน Borat Subsequent Moviefilm: Delivery of Prodigious Bribe to American Regime for Make Benefit Once Glorious Nation of Kazakhstan (ชื่อหนังหรือคำขวัญประจำจังหวัด) ที่ฉายใน Amazon Prime โดยเป้าหมายของภาคนี้เสมือนการเอาคืน Donald Trump ในสมัยที่เขาทำรายการ Ali G และยังเน้นหนักในมุกตลกต่ำตม โดยภาคนี้เป็นเรื่องของนักข่าวจอมแสบคนเดิม เพิ่มเติมคือพาลูกสาวมามอบให้ผู้นำสหรัฐ โดยเขาปลอมตัวเป็น Trump เพื่อไปป่วนในงานของ Mike Pence รองประธานาธิบดีในยุคนั้น และความแสบนั้นเองทำให้เขาคว้ารางวัลลูกโลกทองคำได้อีกสมัย


จากที่ไปป่วนปั่นทุกวงการแล้ว มีเหรอที่วงการบันเทิงจะไม่ถูก Sacha ป่วน ว่าแล้วเขาก็ขุดคาแรคเตอร์ Bruno ดีไซน์เนอร์เกย์สาวสุดห้าวชาวออสซี่ ผู้กัดจิกวงการแฟชั่นให้ออกมาเฉิดฉาย และทำให้เหล่าคนในวงการบันเทิงต้องปวดเศียรเวียนกบาล ตั้งแต่ไปสร้างความวุ่นวายในงานแฟชั่นวีคที่มิลาน ไปรับเด็กมาเลี้ยงจากแอฟริกาด้วยการใส่กล่องมาทางเครื่องบิน ไปปั่นป่วนในกรมทหาร ไปถึงศิลปินนักร้องอย่าง Christ Martin แห่ง Coldplay / Bono แห่งวง U2 / Sting / Slash / Snoop Dogg จนถึงตำนานอย่าง Paul McCartney แห่ง The Beatles เพื่อแซะความปลอมเปลือกแห่งวงการบันเทิง / เพศสภาพที่ถูกมองว่าเป็นตัวตลก รวมไปถึงเหล่าผู้มีหน้ามีตาทางสังคม ซึ่งงานนี้เหล่าดารานักแสดงมีทั้งขำกลิ้งและไม่ปลื้มอย่างแรง

โดยเฉพาะมาดอนนา ที่แม้จะเคยถ่าย MV มาด้วยกัน แต่เมื่อเธอถูกแซะในเรื่องการนำบุตรบุญธรรมจากประเทศแร้นแค้นมาเลี้ยง เธอก็ขำไม่ออก หรือที่สร้างความฮือฮานอกจอ ก็น่าจะเป็นการไปปรากฏตัวในงานแจกรางวัล MTV Movie Awards ด้วยการโรยตัวเป็นกามเทพเกย์แต่เครื่องชักรอกดันขัดข้องจนเขาหล่นตุ๊บใส่ Eminem โดยที่ไข่ของ Bruno ประชิดตรงหน้า อีกนิดก็ทิ่มตาแร๊ปเปอร์ชื่อดังแล้ว จน Eminem และพรรคพวกเดินออกจากงานด้วยความหัวเสีย ดีนะไม่โดนแก๊ง Slim Shady กระทืบเอา

ดูคลิปประวัติศาสตร์ความบ้าบิ่นได้ที่นี่


ถึงแม้ The Dictator จะมาในรูปแบบของหนัง ไม่ใช่สารคดีเก๊เหมือนเรื่องอื่น ๆ แต่ Sacha ก็ไม่ทิ้งความกัดจิกอภิมหาโหด ซึ่งคราวนี้เล่นใหญ่ไฟกระพริบด้วยการชงการเมืองเข้มระดับประเทศ ไปแตะต้องเหล่านายพลนายพันจอมเผด็จการ ด้วยการอุปโลกน์จอมเผด็จการแห่งประเทศสมมติอย่างรัฐวาดิยา แห่งทวีปแอฟริกาเหนือนาม นายพล Aladeen ที่ปกครองประเทศที่เขากดขี่ด้วยความรัก ที่เถลิงอำนาจด้วยการโกงการเลือกตั้ง / จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิกด้วยกติกาการโกงทุกรูปแบบ และเชิดชูความเป็นเผด็จการแบบสุดลิ่มทิ่มประตู

แม้ครั้งนี้จะเป็นหนังที่สร้างขึ้นมา แต่หลายซีนหลายฉากก็สะท้อนภาพเหล่าเผด็จการบ้าอำนาจจากทั่วทุกมุมโลกให้ต้องร้อน ๆ หนาว ๆ กับพฤติกรรมสุดคลั่ง ซึ่งแน่นอนว่างานนี้เขาก็ไม่ลดราวาศอกในการอำ ที่แม้ทุกคนจะขำกลิ้ง แต่ในความเป็นจริงก็ชวนสลดใจไม่น้อยว่าสิ่งที่ Sacha ได้เสนอในจอนั้น มันมีเค้าโครงจริงที่เลวร้ายไม่แพ้กัน

ความห่ามของ Sacha ในคาแรคเตอร์ของนายพล ไม่เพียงแต่สร้างความโกลาหลบนจอเท่านั้น แต่นอกจะเขาก็สร้างความห่ามด้วยการไปเดินพรมแดงงานออสการ์ด้วยการพาสาวทรงโตไปโชว์ตัวพร้อมเถ้ากระดูกของคิมจองอิล และไปทำหกใส่นักข่าวช่อง E! Entertainment จนถูกพาออกจากงาน

ชมคลิปสุดฮาที่นักข่าวขำไม่ออกได้ที่นี่


อีกหนึ่งคาแรคเตอร์ที่สร้างความเกรียวกราวและความฉาวอย่างสุดโต่ง คือรายการทางช่อง Showtime ที่ชื่อ Who is America ? ด้วยการสวมบทบาท คาแรคเตอร์นายพัน Erran Morad ที่เมคตัวเองว่าเป็นผู้ต่อต้านการก่อการร้ายชาวอิสราเอล ประเทศที่เต็มไปด้วยผู้ก่อการร้าย โดยเป้าหมายครั้งนี้คือการไปสัมภาษณ์ความหลากหลายและนโยบายอันน่ารังเกียจของรัฐบาล ซึ่งไม่พ้นเหล่าเหล่านักการเมืองทั้งหลายแหล่ และแสดงความเห็นอย่างสุดโต่งไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนให้เด็ก ๆ ควรมีอาวุธครอบครองตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ซึ่งความน่าระอานี้นำพาให้เหล่านักการเมืองตั้งคำถามถึงศิลธรรมในตัวของ Sacha ที่แม้พุ่งเป้าเสียดสี แต่ความเกรียนเกินเบอร์ก็ทำให้ขมขื่นมากกว่าขบขัน

โดยเฉพาะ EP ของ Jason Spencer อดีตนักการเมืองพรรคริพับลิกันที่ Sacha พามาออกรายการด้วยการสอนวิธีจัดการกับเหล่าผู้ก่อการร้ายด้วยการเปิดก้นโชว์ตูด และ Jason ดันเผลอทำตาม แถมให้ตะโกนด่าว่า “นิโกร” ซ้ำ ๆ รวมถึงการเลียนแบบนักท่องเที่ยวชาวจีนด้วยการถือไม้เซลฟี จนกลายเป็นความอัปยศและถูกกดดันให้ออกจากตำแหน่งจนเป็นผลสำเร็จ

แน่นอนว่ามันเป็น 1 ใน EP สุดฮา แต่ก็มีการตั้งคำถามว่า Sacha จะรับผิดชอบต่อคน ๆ หนึ่งที่ถูกขับออกจากตำแหน่งด้วยการถูกหลอกได้อย่างไร และสุดท้ายแม้รายการนี้จะถูกใจและได้เรตติ้งสูง แต่แรงกดดันรอบทิศโดยเฉพาะจากนักการเมืองที่ถูกหลอก ทำให้สุดท้ายรายการนี้ปัจจุบันถูกทำได้แค่ Season เดียว


แม้ว่า Sacha จะสนุกกับการป่วนผู้คนด้วยการสวมบทบาทคาแรคเตอร์เก๊มามากมาย แต่เขาก็พิสูจน์ความเก่งกาจในการรับบทจริงจังในคาแรคเตอร์จริง ๆ จนสะเทือนเวทีการแจกรางวัลได้ด้วย

ซึ่งเดิมเขาเกือบได้รับบทบาทให้แสดงเป็น Freddie Mercury นักร้องนำของวง Queen ด้วยเค้าโครงหน้าที่คล้ายกันมาก สุดท้ายเขาก็ปฏิเสธบทบาทนี้ไป แต่ในที่สุดเขาก็รับบท Abbie Hoffman นักเคลื่อนไหวทางการเมืองสุดร้อนแรงในหนัง The Trial of the Chicago 7 ที่สร้างจากเรื่องจริงของเหล่าแกนนำที่ประท้วงรัฐบาลจากเหตุสงครามเวียดนามจนถูกรัฐบาลตั้งข้อหาสมคบคิดและก่อการจราจล

ซึ่ง Sacha ก็สร้างสีสันและขโมยซีนจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในหลายสถาบัน ซึ่งเป็นการแสดงถึงฝีไม้ลายมือที่ไม่ว่าบทบาทไหนเขาก็เอาอยู่ไม่ว่าจะเป็นบทบาทตัวประหลาดสายแทงค์ หรือการแสดงแบบคุณภาพ ผู้ชายคนนี้ก็พร้อมรับบทบาทนี้ได้อย่างไม่ขัดข้อง

แม้หลายคนจะมองชายคนนี้ด้วยความรังเกียจในการเสนอความขยะแขยงของสังคมได้ชวนแหวะ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Sacha Baron Cohen คือกระจกสะท้อนความบิดเบี้ยวของสังคม ที่แปรความเลวร้ายให้กลายเป็นอารมณ์ขันได้อย่างมีกึ๋นคนหนึ่งในวงการ

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line