Guide

ทดสอบ Samsung Galaxy S7 แบบโหดพร้อมพาเที่ยวถึงดูไบ ของดีจริงหรือไม่ เรามีคำตอบ

By: Chaipohn April 4, 2016

ทุกครั้งที่ Samsung ออก smartphone รุ่นใหม่ เรามักจะมีความรู้สึกตื่นเต้นกับคุณภาพกล้องที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้นตลอดเวลา จากที่เคยรู้สึกว่าภาพใน Galaxy S6 หรือ Samsung Note 5 มันช่างสวยเตะตาเหลือเกิน เราก็ต้องกลืนน้ำลายคำใหญ่เมื่อเราได้เดินทางไปทดสอบคุณสมบัติความเจ๋งของ Samsung Galaxy S7 ถึงดูไบ ที่มีทั้งสถาปัตยกรรมโดดเด่น มีภูมิประเทศแบบทะเลทราย และอยู่ติดทะเล ซึ่งเป็นด่านที่เรามองว่าเหมาะสมในการทดสอบคุณสมบัติหลักๆ 3 อย่างของ Galaxy S7 คือการใช้กล้องถ่ายรูปที่อัพเกรดมาใหม่, และคุณสมบัติการกันน้ำกันฝุ่น พร้อมๆ กับพาไปเที่ยวในจุดดังๆ ของดูไบ เรียกว่าอ่านบทความนี้เสร็จ อาจจะทำให้ทุกคนอยากไปเที่ยวดูไบขึ้นมาเลยก็ได้

160403-ss7dubai-3

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge – Cropped to fit website layout

มหานครดูไบ

หลายคนอาจจะรู้อยู่แล้วว่า ดูไบไม่ใช่เป็นประเทศ แต่เป็นหนึ่งในมหานครหลักๆ ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ที่แม้จะเคยเป็นทะเลทรายอ้างว้างมาก่อน แต่โชคยังดีที่ดูไบอยู่ใกล้ปากอ่าว จึงสามารถใช้ประโยชน์นี้ในการทำให้ตัวเองเป็นศูนย์กลางทางการค้า โดยในจุดเริ่มต้น ได้มีชนเผ่าที่นำโดยตระกูลมักตูมอพยพมาตั้งรกราก ก่อนจะเริ่มทำการค้าด้านประมงและฟาร์มไข่มุก จากชนเผ่าก็ขยายกลายเป็นตลาด กลายเป็นเมือง และดึงดูดประเทศรอบๆ ทั้งอิหร่านและอินเดียให้มาตั้งรกราก ทำมาค้าขายได้อีกด้วย

อีกความเข้าใจผิดที่หลายคนมีต่อเมืองดูไบ คือดูไบไม่ได้รวยจากการค้าขายน้ำมัน จริงๆ แล้วดูไบมีการพบบ่อน้ำมันเพียงไม่กี่บ่อเท่านั้น ซึ่งในอดีตที่ยังมีอังกฤษควบคุมอยู่ ก็เคยมีการคาดการณ์ว่าดูไบคงจะบูมได้ไม่นานถ้าพึ่งพารายได้จากการค้าน้ำมัน เชคผู้ปกครองเมืองดูไบในยุคนั้นจึงมองหาแหล่งรายได้อื่น จนมาสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และการตั้งตัวเองเป็นศูนย์กลางการเดินทางทั้งทางท่าเรือ และทางอากาศที่เป็นเหมือนจุดที่แบ่งระหว่าง 2 ซีกโลกเอาไว้แบบพอดิบพอดี เราจึงมักจะเห็นชาวต่างชาติเข้าไปลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และการท่องเที่ยวในดูไบ รวมถึงใช้ชีวิตอยู่ในเมืองดูไบจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา และคนท้องถิ่นเองก็ดูจะเข้าใจในวัฒนธรรมนี้ดี ไม่มีความเคร่งครัดในด้านการแต่งกายมากเท่าในประเทศอิสลามอื่น

 

ทดสอบด่านแรก กล้องดีจริง ถ่ายได้ไม่มีปัญหาแสงน้อย

160403-ss7dubai-27

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge – Cropped to fit website layout

ทันทีที่เราไปถึงดูไบ สิ่งที่เราอยากทดสอบมากเหลือเกินคือการถ่ายรูปในที่แสงน้อย เพราะมันคือ Key Message หลักที่เราได้ยินบ่อยสุดๆ ในโฆษณา เราจึงตัดสินใจหาที่เหมาะๆ ที่จะให้ Samsung S7 Edge ได้แสดงฝีมือเต็มที่ จึงตัดสินใจไปที่ตึกที่สูงที่สุดในมหานครดูไบ Burj Khalifah ดันโด่งดัง (ตึกเดียวกับที่ใช้ถ่าย Mission Impossible 4 : Ghost Protocol) และ UNLOCKMEN ไปทั้งที เราต้องขึ้นให้สูงสะใจ ดิ่งขึ้นไปถึงชั้น 148 ในเวลาไม่ถึง 10 วินาที ด้วยลิฟท์ที่เร็วที่สุดในโลก ขึ้นไปสูง 10 เมตรภายใน 1 วินาที และมีให้ดูวิวที่ชั้น 124 – 125 อีกชั้น แต่จุดนี้คนจะยิ่งโครตเยอะ เพราะบัตรเข้ามีราคาถูกกว่าชั้น 148 อยู่พอสมควร มองลงไปด้านล่างจะเห็นน้ำพุ Dubai Fountain เต้นระบำแบบเดียวกับที่ Bellagio, Las Vegas ยังไงยังงั้นเลย

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge - Cropped to fit website layout

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge – Cropped to fit website layout

มาถึงชั้น 148 ก็พบกับนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ต่างขึ้นมาเก็บภาพเช่นเดียวกัน แต่ถือว่าไม่มากเท่าชั้น 124 – 125  ถ้าใครคิดจะอยู่ตรงนี้ บอกเลยว่าการใช้ขาตั้งกล้องเป็นเรื่องยาก เพราะคนจะนั่งแช่ยืนแช่ ยึดครองมุมเอาไว้อย่างนาน แต่ครั้งนี้เราใช้แค่ Smartphone ก็เลยไม่มีปัญหาอะไรมาก หามุมถ่ายได้สบายๆ และนี่คือภาพ Night Shot จาก Samsung Galaxy S7 Edge ที่เราใช้ Mode Pro โดยใช้ Shutter Speed ประมาณ 2 วินาที ในการถ่ายเพื่อให้ได้แสงไฟเส้นๆ จากรถบนถนน

160403-ss7dubai-2

160403-ss7dubai-1

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge – Cropped to fit website layout

ส่วนอีกจุดที่เราได้ทดสอบการถ่ายรูปในที่แสงน้อยคือที่พิพิธภัณฑ์ดูไบ (Dubai Museum) ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่สำคัญทุกอย่างตั้งแต่เริ่มต้นของมหานครดูไบไว้ครบถ้วน สร้างเมื่อศตวรรษที่ 19 ได้รับการซ่อมแซมครั้งล่าสุดในปี 1970 โดยพิพิธภัณธ์แห่งนี้ถือว่าทันสมัยที่สุดในตะวันออกกลาง มีการใช้ Multimedia ทันสมัยผสมผสานกับหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ซึ่งด้านบนของที่นี่จะมีอาวุธต่างๆ ตั้งแต่มีด ไม้ ปืนใหญ่ ไปจนถึงป้อมปราการและยานพาหนะจำพวกเรือในสมัยนั้น จากนั้นจะมีทางเดินลงไปด้านล่าง ชั้นนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวความเป็นมาทั้งหมดของดูไบแบ่งเป็นช่วงๆ การค้า การเกษตร เรียกว่าลงมาทีเดียวกลับไปแข่งแฟนพันธุ์แท้ดูไบไม่มีตกรอบแน่นอน

160403-ss7dubai-24

160403-ss7dubai-6

160403-ss7dubai-7

160403-ss7dubai-8

160403-ss7dubai-9

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge – Cropped to fit website layout

 

ตะลุยถ่ายรูปในทะเลทราย Lahbab ดูว่าทนฝุ่นทรายได้จริงหรือไม่

160403-ss7dubai-10

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge – Cropped to fit website layout

เป็นการทดสอบที่เหมาะกับมหานครดูไบที่สุดแล้ว และเราก็แนะนำให้ทุกคนที่จะมาดูไบต้องไปตะลุย Sand Dune หรือเนินทะเลทรายกว้างใหญ่ด้วยรถยนต์ 4WD สุดมันส์นี้ ไม่งั้นจะนับว่ามาไม่ถึงดูไบอย่างแท้จริง กิจกรรมนี้จะเป็นการทัวร์ทะเลทราย Lahbab ที่ไม่ใช่แค่นั่งนอนดูวิวนอกรถ แต่มันมีทั้งช่วงสูงต่ำสลับกันคล้ายด่านวัดใจในสวนสนุก และไม่ต้องกลัวว่าจะอันตราย เพราะนักขับรถประเภทนี้ต้องมีใบอนุญาติและประสบการณ์มาหลายปี ยิ่งถ้าเจอคนมันส์ๆ ยิ่งสนุก ตรงนี้แนะนำว่าคนที่เมารถเป็นประจำ เป็นโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง ควรเตรียมยาแก้เมารถและยาเฉพาะตัวเอาไว้ให้เรียบร้อย และห้ามลืมเตรียมแว่นกันแดด เสื้อกันลม ผ้าโพกหัวเพื่อปิดปากปิดจมูกเอาไว้ด้วย

160403-ss7dubai-12

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge – Cropped to fit website layout

การเดินทางไปเล่นกิจกรรมนี้ เราสามารถติดต่อที่โรงแรมเองได้เลยเพื่อความสะดวกสบาย หรือไม่ก็ลองหาข้อมูลใน Internet เพื่อเทียบราคาก่อนก็ได้ เพราะมีหลายเจ้าที่ให้บริการด้านนี้อยู่เหมือนกัน เมื่อตกลงกันได้เรียบร้อย จะมีรถ 4WD คันใหญ่ ส่วนใหญ่จะเป็น Toyota Prado มารับเราที่โรงแรม สภาพดี มี rollbar ด้านในให้อุ่นใจทุกคัน ก่อนจะเดินทางไปทะเลทรายเป้าหมาย ใช้เวลาเดินทางประมาณเกือบชั่วโมงก็จะถึงทะเลทรายที่ดูแห้งแล้งแต่สวยงาม เหมือนฉากในภาพยนตร์ที่เราเห็นเป็นประจำ จุดแรกที่คนขับรถมักจะพาไปคือที่เลี้ยงอูฐ และครั้่งนี้เราโชคดีมากที่เจ้าของอูฐใจดี ยอมเปิดประตูให้เราเข้าไปประชิดตัวอูฐจำนวนมาก แมัจะมีลมพัดแรงทำให้เศษฟางหญ้าและทรายปลิวเข้าตาเข้ากล้องกันบ้าง แต่ในเมื่อ S7 กันฝุ่นได้ เราเลยไม่ต้องรักษาอะไรมาก ไล่เก็บภาพอูฐได้อย่างแนบแน่นใกล้ชิด

160403-ss7dubai-20

160403-ss7dubai-11

160403-ss7dubai-13

160403-ss7dubai-14

160403-ss7dubai-15

160403-ss7dubai-16

160403-ss7dubai-17

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge – Cropped to fit website layout

หลังจากถ่ายรูปอูฐเสร็จ เราก็เดินทางไปเล่นคลื่นทรายของจริง นักขับรถจะรู้ว่าต้องไปทางไหน ลงยังไง แม้บางจุดจะดูสูงมากจนน่ากลัวราวกับรถจะพลิกคว่ำลงมา แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ผ่านไปสักคลื่นสองคลื่น จากความกลัวกลายเป็นความเชื่อใจ และเรารู้สึกสนุกกับมันมากไปโดยไม่รู้ตัวเลย

160403-ss7dubai-18

160403-ss7dubai-19

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge – Cropped to fit website layout

เสร็จจากกิจกรรมนี้อย่าเพิ่งรีบกลับ เราแนะนำให้แวะไปทานอาหารสไตล์เบดูอินสุดหรูที่โรงแรม BAB Al Shams Desert Resort & Spa อารมณ์ที่นี่จะเหมือน Oasis กลางทะเลทรายยังไงยังงั้น ที่นี่จะมี International Buffet ขนาดใหญ่ มีอาหารทุกประเภททำให้ทานกันแบบร้อนๆ เช่น บาบีคิว เนื้อแกะ ไก่ วัว กุ้ง ปลา ปู และยังมีโชว์การแสดงดนตรีพื้นเมืองแบบอาหรับ ระบำหน้าท้อง ระบำคอนย่า เป็นวิถีชีวิตของชาวเบดูอินในเคยเร่ร่อนในทะเลทรายอย่างแท้จริง

 

จากทราย ย้ายไปตะลุยสวนน้ำที่ The Atlantis, The Palm โรงแรมบนเกาะกลางทะเล และล่องเรือ Yacht Catamaran ลำใหญ่กลางทะเล

160403-ss7dubai-26

160403-ss7dubai-25

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge : Zoom + Cropped to fit website layout

หลังจากไปลุยทะเลทรายมาแล้ว เราก็นั่งคิดหนักว่าจะทดสอบด้านการกันน้ำยังไงดี ทำให้นึกถึงอีก Landmark สำคัญของดูไบที่จำเป็นต้องไปแวะกันทุกคน นั่นคือ The Palm โครงการมหากาพย์ที่ดูไบถมทะเลเป็นเกาะกลางทะเลรูปต้นอินทผลัมที่โด่งดังไปทั่วโลก ที่นี่จะมีโรงแรมสุดหรูตั้งอยู่ติดทะเลสุดๆ ชื่อว่า The Atlantis Hotel โรงแรมที่มีทุกสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน รวมถึงบรรดา Supercars หายากที่เรียงกันเข้ามาจอดทุกๆ 5 นาที

160403-ss7dubai-21

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge : Zoom + Cropped to fit website layout

ใน The Atlantis Hotel มีสวนน้ำที่ชื่อ Aquaventure สวนน้ำที่มีสไลด์เดอร์สูงที่สุดในตะวันออกกลาง รวมถึงสไล์เดอร์อื่นๆ ให้เล่นอีกกว่า 17 แบบ สองอันที่เราแนะนำว่าห้ามพลาดเลยคือสไลด์เดอร์ Leap of faith และ Shark Attack ที่จะเห็นปลาฉลามรอบๆ ได้ด้วย น่าเสียดายที่สวนน้ำแห่งนี้ปิดเร็วไปนิด (เปิด 10:00 – 17:30) ดังนั้นถ้าจะเล่นก็แนะนำให้รีบไปล่วงหน้าไว้พอสมควร เนื่องจากสถานที่ค่อนข้างใหญ่ และมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก ข่าวดีคือเราจะเล่นน้ำในนี้กี่ครั้งก็ได้ ฟรี สำหรับแขกที่พักใน The Atlantis เพราะเค้าเจ้าของเดียวกันครับ

160403-ss7dubai-28

160403-ss7dubai-29

160403-ss7dubai-32

160403-ss7dubai-33

Shot by Samsung Galaxy S7 Edge – Cropped to fit website layout

วันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนหลับ เราคิดว่าไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่ากิจกรรม Cool Down ให้ร่างกายได้พักผ่อนด้วยการล่องเรือ Yacht Catamaran สุดหรู ชมวิวทิวทัศน์ของโครงการ The Palm ไปจนถึง Jemuilah Beach แม้กัปตันเรือจะบอกว่า ระวัง Smartphone เปียกน้ำ แต่โชคดีที่ Samsung S7 Edge เครื่องนี้ได้รับมาตราฐาน IP68 กันน้ำลึก 1.5 เมตรได้นานถึง 30 นาที

160403-ss7dubai-34

160403-ss7dubai-30

160403-ss7dubai-31

โดยรวมจากการใช้งาน Samsung S7 Edge ในทริปดูไบนี้ เราประทับใจในประสิทธิภาพของกล้องถ่ายรูปทั้งหน้าและหลัง รวมถึงการปรับปรุงทั้ง Hardware และ Software เป็น Android Smartphone ที่ดีที่สุดเท่าที่ Samsung เคยทำมา โดยสรุปมีฟังก์ชั่นที่น่าสนใจประมาณนี้ แต่ถ้าจะให้ดี แนะนำให้ไปลองสัมผัสของจริงด้วยตัวเองจะดีที่สุดครับ

160403-ss7dubai-35

Chaipohn
WRITER: Chaipohn
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line