Entertainment

ทำความรู้จัก HOUSEPLANT แบรนด์กัญชาสุดเกร๋ ของดาวตลกสายเขียว SETH ROGAN

By: unlockmen March 9, 2021

หลายคนอาจจะรู้จักเขาในฐานะนักแสดงตลกสุดฮา ที่มาพร้อมความป่วนและความกวนแบบสุดห่ามแห่งทศวรรษที่ 2000’s จวบจนปัจจุบัน แถมยังออกตัวว่าโปรดปรานกัญชาแบบเข้าเส้นอีกด้วย

และในวันนี้ ฝันของเขากำลังจะเป็นจริง เมื่อดาวตลกท่านนี้ สามารถผลักดันแบรนด์กัญชาสู่ประชากรอเมริกันได้เป็นผลสำเร็จ เรามาทำความรู้จักทั้งตัวตนของชายสุดห่ามคนนี้ รวมถึงแบรนด์ Houseplant ที่เป็นมากกว่าสมุนไพรสายเขียวของผู้ชายคนนี้ Seth Rogen 

สำหรับคอหนังคงไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงกันมากมาย สำหรับนักแสดงสายฮาผู้มาพร้อมความกวนระดับพระกาฬ จากที่เขาได้แจ้งเกิดในหนังตลก Knocked Up เรื่องของความสัมพันธ์เพียงชั่วข้ามคืนของหนุ่มเนิร์ดที่รับบทโดย Seth กับสาวสวย แต่ต้องซวยตลอดไปเมื่อพวกเขาเผลอมีลูกด้วยกันแบบไม่ตั้งใจ ที่กลายเป็นหนังฮิตสะท้อนชีวิตสายอันเดอร์ด็อกได้อย่างถึงแก่น ทำให้ Seth Rogen เป็นดาวตลกที่เข้าถึงผู้ชาย Gen-Y จนถึง Gen-Z กันอย่างล้นหลาม ด้วยความห่ามและตลกในแบบที่เข้าถึงได้

นอกจากนี้ยังวาดลวดลายในหนังเจ๋งๆอีกหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Funny People (2009) 50/50 (2011) The Green Hornet (2011) Bad Neighbors (2014) รวมไปถึงการให้เสียงพากย์ในหนังแอนิเมชั่นอย่าง Kung Fu Panda (2008) แถมยังฉาวไปกำกับหนังที่เล่าถึงการไปตามสัมภาษณ์ท่านผู้นำแห่งเกาหลีเหนืออย่าง The Interview (2014) และเขียนบทหนังแอนิเมชั่นห้ามเด็กดูอย่าง Sausage Party (2016)

แต่ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงในฐานะนักแสดงที่พิศสมัยสายเขียวก็คือหนังคัลท์ยุคใหม่อย่าง Pineapple Express (2008) เรื่องราวของคู่ซี้พี้กัญชาต้องหนีการไล่ล่าของมาเฟีย หนังเล่าเรื่องราวสุดเพี้ยนของเพื่อนซี้ท่ามกลางสภาพเมามายของกัญชา ที่นำพาให้ Seth ได้รับการกล่าวขวัญถึงในฐานะนักแสดงที่ไม่มิบเม้มเลยว่า “เขาคือนักแสดงสายเขียวที่แท้จริง”


และจากหนัง Pineapple Express ในตำนานเรื่องนั้น และความสัมพันธ์อันยาวนานของเขากับ Evan Goldberg นักเขียนบท และผู้กำกับร่วมกับ Seth ที่ร่วมงานกันตั้งแต่หนัง This Is the End (2013) ที่เล่าเรื่องของกลุ่มเพื่อนสุดเกีรยนที่กำลังเผชิญหน้ากับเอเลี่ยน และ The Interview ทำให้ทั้ง 2 กลายเป็นพาร์ทเนอร์กันทางธุรกิจ และริเริ่มปั้นแบรนด์กัญชาอย่างจริงจังภายใต้ชื่อ Houseplant ในปี 2019 ซึ่งเป็นแบรนด์ในเครือบริษัท Canopy Growth และเริ่มวางจำหน่ายในชายแดน อเมริกาตอนเหนือและแคนาดา ก่อนจะประกาศว่าชาวอเมริกันจะได้ลองลิ้มกัญกับสมุนไพรระดับพรีเมียม โดยเริ่มจากรัฐแคลิฟอร์เนีย

ซึ่ง Seth และได้ Evan ได้ทำการฟูมฟักพัฒนาโปรเจกต์นี้กันมาอย่างยาวนานกว่า 8 ปี จนเป็นรูปเป็นร่างในชื่อ Houseplant และเขาพร้อมแล้วที่จะปฏิวัติกัญชาจากภาพลักษณ์ที่คุ้นตาให้กลายเป็นสินค้าระดับไฮเอนด์

“เกือบสิบปีที่ผมได้ฝันถึงการมีบริษัทกัญชาเป็นของตัวเอง และวันนี้ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่ากัญชาของบริษัท Houseplant ของผมจะวางจำหน่ายในแคลิฟอร์เนียในสัปดาห์หน้า!”

Seth ประกาศผ่านทวิตเตอร์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา


“เราเริ่มต้นจากการทำสินค้าให้เป็นของพรีเมี่ยม ด้วยการใส่ใจในคุณภาพของกัญชา และพัฒนาเป็นเกรดต่าง ๆ เพื่อให้แฟนที่ชื่นชอบความแตกต่างได้เลือกลองกัน”

Seth ได้กล่าวถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะให้แบรนด์ Houseplant เป็นมากกว่ากัญชา  “กัญชาเรามันเจ๋งมากจริง แล้วทำไมเราจะแปรรูปกัญชาให้กลายเป็นโปรดักส์ที่เจ๋งไม่ได้ล่ะ”

จึงเป็นที่มาของการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ ๆให้กับกัญชา หลังจากที่มันอยู่คู่ความเก่าโบราณคร่ำครึมาแสนนาน ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ที่มักยึดติดอยู่กับความเป็นเร็กเก้สไตล์ ไปจนถึงการดีไซน์ที่ย่ำอยู่กับที่มาชั่วนาตาปี พวกเขาจึงทำการปฏิวัติภาพลักษณ์ของกัญชาให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ด้วยความผูกพันของคนที่มีต่อบ้าน เขาจึงได้ทำการออกแบบไฟแช็ค / ที่เขี่ยบุหรี่สีสันสวยสด / ไม้ขีดไฟในกล่องวีดีโอ VSH / กัญชา 3 สายพันธุ์ในแพคเกจจิ้งแผ่นเสียง ไปจนถึงผลิตภัณฑ์เสริมอย่าง เครื่องดื่มผสมกัญชา และกัญชาในรูปแบบแคปซูลสกัด

ซึ่งประชากรอเมริกันต่างตอบรับในแบรนด์กัญชานี้กันอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นการแวะเข้าเว็บ Houseplant.com จนเว็บล่ม ไปจนถึงการคลิกเข้าไปดู Seth พูดถึงกัญชาของเขาเป็นจำนวนถึง 1.1 ล้านครั้ง ซึ่งการตอบรับครั้งนี้นำมาสู่ความมั่นใจว่ากัญชา Houseplant จะฮิตและขยายขอบเขตไปในทุกรัฐที่เปิดเสรีกัญชาได้อย่างรวดเร็วแน่นอน

“เราต้องการให้ผู้บริโภคเข้าใจกัญชาในแบบที่ลึกขึ้น เพื่อให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง”

นับเป็นก้าวที่สำคัญสำหรับการเปลี่ยนแปลงโลกของอดีตสมุนไพรที่เคยเป็นสิ่งต้องห้าม แต่สิ่ง ๆ นี้กำลังเปลี่ยนแปลงอนาคตอย่างแท้จริงได้ในกลาต่อๆไป…ก็หวังว่าแบรนด์นี้จะมาถึงไทยให้ให้ผู้หลงใหลได้สัมผัสกัญในอนาคตนะ

 

 

unlockmen
WRITER: unlockmen
Share on Facebook Share on Twitter Share on Line